|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง จำกัด บริษัทในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา แม้จะทำธุรกิจลิสซิ่งมานาน 20 ปี อยู่ในตลาดการแข่งขันไม่ดุเดือดเลือดพล่าน แต่บริษัทก็มีแผนรุกไป white ocean ทุกปี
แม้ว่าธุรกิจลิสซิ่งจะมีผู้ประกอบการอยู่ในประเทศไทยราว 1 พันราย จากคำบอกเล่าของเศมทัต จันทมงคล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง จำกัด ในความเป็นจริงผู้ให้บริการลิสซิ่ง แท้จริงมีอยู่ในตลาดเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
คำว่าลิสซิ่งที่ติดพ่วงท้ายหลายๆ บริษัท ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะให้บริการเช่า-ซื้อ หรือเรียกว่า hire purchase เสียมากกว่า
เศมทัตให้คำนิยามทั้งสองคำไว้ว่า ลิสซิ่ง (Leasing) หมาย ถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับสถาบัน เป็นธุรกิจให้เช่าประเภทหนึ่ง เช่น เครื่องจักร เครื่องมือก่อสร้าง เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์โทรคมนาคม อุปกรณ์ขนส่งและการคมนาคม หรือยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ทุกประเภท
ส่วน Hire purchase หมายถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับบุคคล เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น
เศมทัตอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เขายกตัวอย่างในมุมของลูกค้า กรณีใช้บริการลิสซิ่ง ลูกค้าจะเช่าสินค้าจากบริษัทตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้เป็นเจ้าของสินค้าเมื่อจ่ายเงินงวดสุดท้าย ส่วน Hire Purchase ลูกค้าจะได้เป็นเจ้าของสินค้าเมื่อเริ่มผ่อนจ่ายเงินตั้งแต่งวดแรก
แต่บริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลิสซิ่ง เป็นผู้ให้บริการลิสซิ่ง โดยเน้นลูกค้าองค์กรมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท และกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี มีรายได้เกิน 100 ล้านบาท
สภาพการแข่งขันธุรกิจลิสซิ่งในปัจจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งไม่มากนัก บริษัทมองว่าตลาดยังอยู่ในกลุ่ม blue ocean โดย เฉพาะในตลาดประเทศไทยมีส่วนแบ่งเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงมีโอกาสเติบโตอย่างมหาศาล
ตลอดการทำธุรกิจ 20 ปีที่ผ่านมา บริษัทเป็นผู้ให้บริการลิสซิ่งอันดับหนึ่งในธุรกิจรถเมล์สีเหลือง โรงงานพลังงาน เช่น น้ำมัน, ถ่านหิน, พลังงานแสงอาทิตย์ และบริการเช่าเรือขนาดใหญ่
“หากคุณนำถั่วเขียวหนึ่งกำมือขว้างไปยังเรือที่จอดในแม่น้ำเจ้าพระยาหรือทะเล จะมีเรือส่วนหนึ่งที่เป็นลูกค้าของบริษัท” เศมทัตพูดอย่างอารมณ์ดี
แม้ประสบการณ์ที่มียาวนาน แต่การแข่งขันในกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเริ่มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดของกลุ่มรถเมล์ ปัจจุบันได้กลายเป็นทะเลสีแดง (red ocean) ไปเรียบร้อยแล้ว
สัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้ว่าตลาดกำลังอยู่ในทะเลสีแดง คือลูกค้าเริ่มมีการต่อรอง และเริ่มเปรียบเทียบเรื่องดอกเบี้ยระหว่าง บริษัทกับคู่แข่ง รวมถึงรายได้ที่ลดลง ดังนั้น ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง บริษัทจะเริ่มถอนตัวออกจากทะเลสีแดง และมองหา ตลาดใหม่ แม้ว่าจะมีรายได้เมื่อปีที่ผ่านมา 600 ล้านบาท และมีกำไร 223 ล้านบาทก็ตาม แต่เป้าหมายในปีนี้จะต้องมีอัตราการเติบโตร้อยละ 30
จึงทำให้มองหาตลาดใหม่หรือ white ocean บริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าพลังงานทางเลือกใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทมองว่าเป็นธุรกิจกำลังเริ่มต้นในประเทศไทย
ขณะนี้มีบริษัทเอกชนหลายแห่งอยู่ระหว่างการขอสินเชื่อจากบริษัท ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 50 เมกะวัตต์
กลุ่มลูกค้าเหล่านี้เป็นผู้ประกอบการในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก (VSPP: very small power producer) หรือผลิตรายละ 1 เมกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะปล่อย สินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ประมาณรายละ 100 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5 พันล้านบาท
รูปแบบในการปล่อยสินเชื่อจะร่วมมือ 3 ฝ่าย คือ บริษัท ลูกค้า และผู้ผลิตอุปกรณ์ โดยเฉพาะความร่วมมือกับผู้ผลิตอุปกรณ์ เพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจ
น่านน้ำสีขาวจะท้าทายเพียงใด จะเสี่ยงแค่ไหน คงจะมีคำตอบไม่นานเกินรอ
|
|
|
|
|