ค่ำวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2529 ณ ศาลาสอง วัดมกุฎกษัตริยาราม กลิ่นดอกไม้สดจากพวงหรีดนับร้อยฟุ้งขจรทั่วอาณาบริเวณแห่งนั้น
บรรยากาศบ่งบอกให้รู้ถึงการสูญเสียของบุคคลบางคน
ท่ามกลางผู้คนชุดสีดำ - ขาว ที่มาแสดงความคาราวะต่อผู้เสียชีวิตแน่นขนัดไปหมดนั้น
ดร. โอฬาร ไชยประวัติ รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่เดินเข้ามาในงานอย่างนอบน้อมและพยายามเก็บงำความเศร้าโศก
"คุณพ่อท่านเสียด้วยโรคมะเร็งที่เต้านม ท่านป่วยมาเกือบ 5 ปีแล้ว
และก็มาเสียเอาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้เอง" ดร. โอฬาร
ไชยประวัติ บอกกับ "ผู้จัดการ" หลังจากที่ได้ทักทายแสดงความเสียใจกันพอสมควรแล้ว
จากคำบอกเล่าของ ดร. โอฬาร ไชยประวัติ ทำให้ทราบว่าพื้นเพดั้งเดิมของนักบริหารหนุ่มผู้นี้เป็นคนจังหวัดแพร่
"คุณพ่อท่านมีอาชีพค้าขายอยู่ที่จังหวัดแพร่ กิจการก็ไม่ได้ใหญ่โตนะฮะ
เป็นพ่อค้าธรรมดาขนาดกลาง ท่านปลดเกษียณแล้วก็มาอยู่กับลูก ๆ ที่กรุงเทพฯ"
ดร. โอฬาร ไชยประวัติ เล่าถึง ลือ ไชยประวัติ บิดาผู้สูญเสีย ในขณะที่แขกเหรื่อเริ่มเดินเข้ามาหนาตาเพิ่มขึ้น
"วันนี้โรงงานน้ำตาลมิตรผลเขาเป็นเจ้าภาพ พี่ชายผม (สุวิช ไชยประวัติ)
เขาทำงานอยู่ที่นั่น" ดร. โอฬาร ไชยประวัติ กล่าว
โรงงานน้ำตาลมิตรผลเป็นโรงงานน้ำตาลในเครือของกลุ่มบ้านโป่ง และก็แน่นอนที่สุด
สุวิช ไชยประวัติ พี่ชายของ ดร. โอฬาร ไชยประวัติ อดีตนักเรียนทุนรุ่นบุกเบิกของธนาคารแห่งประเทศไทยผู้นี้ย่อมเป็นลูกจ้างมีอันดับของ
วิบูลย์ ผาณิตวงศ์ พยัคฆ์หนุ่มลำพองแห่งค่ายบ้านโป่งอย่างมิเป็นอื่นไปได้
ผู้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เริงชัย มะระกานนท์ อดีตนักเรียนทุนรุ่นที่ 2 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (รุ่นเดียวกับ
ดร. โอฬาร ไชยประวัติ) และปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย
เดินเข้ามาในสูทชุดดำพร้อมคู่ชีวิตที่ชื่อ ขนิษฐา มะระกานนท์ หลานสาวของอดีตรัฐมนตรีคลัง
สมหมาย ฮุนตระกูล
เมื่อกล่าวถึงนักเรียนทุนของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วก็ขออธิบายกันสักนิดหนึ่งว่า
นักเรียนทุนรุ่นที่ 2 ของแบงก์ชาติตามนโยบายของ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในยุคนั้น
มีเพียง 3 คนเท่านั้นคือ เริงชัย มะระกานนท์ ซึ่งได้ทุนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น
จรุง หนูขวัญ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
ได้ทุนไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ และคนสุดท้ายก็คือ ดร. โอฬาร ไชยประวัติ ได้ไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา
ส่วน ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในปัจจุบันนี้
เป็นรุ่นน้องของ ดร. โอฬาร ไชยประวัติ อีกรุ่นหนึ่ง ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์
เป็นนักเรียนทุนของแบงก์ชาติรุ่นที่ 3 และได้ไปเรียนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
ดร. โอฬาร ไชยประวัติ ขอตัว "ผู้จัดการ" เพื่อไปต้อนรับแขกเหรื่อที่ทยอยเข้ามามากขึ้นทุกขณะ
ซึ่งมากต่อมากล้วนเป็นผู้คนที่รู้จักกันดีในวงการธนาคารและวงการธุรกิจ
คนจากแบงก์ชาติหลายคนเริ่มเดินเข้ามา ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เนื่องจากคนเหล่านี้เคยร่วมงานกับ
ดร. โอฬาร ไชยประวัติ แทบทั้งสิ้น ดร. โอฬาร ไชยประวัติ ทำงานชดใช้ทุนอยู่ที่แบงก์ชาตินานถึง
11 ปี ทั้งลูกน้องและเพื่อนฝูงย่อมมากเป็นธรรมดา
ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ หัวหน้าโดยตรงของ
ดร. โอฬาร ไชยประวัติ เดินเข้ามาทักทาย ดร. โอฬาร ไชยประวัติ และญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตอย่างสนิทสนม
ก็ไม่ทราบว่าเป็นการ "อู้คำเมือง" กันหรือเปล่า เพราะฟังไม่ถนัด
ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ทักทายเจ้าภาพได้สักครู่หนึ่ง ยังไม่ทันที่ "ผู้จัดการ"
จะเข้าทักทายบ้าง ดร. สม จาตุศรีพิทักษ์ ผู้บริหารคนสำคัญแห่งบริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์
ก็ก้าวเข้ามา พลางสะกิด ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เหล็กแถวหลังสุด
ปักหลักสนทนากันด้วยเสียงกระซิบแผ่ว
พระยังไม่เริ่มสวด แต่ก็ใกล้เวลาเต็มทีแล้ว
ผู้คนที่เดินเข้ามา เริ่มที่จะเบาบางลงเป็นลำดับ ตรงกันข้ามกับจำนวนเก้าอี้ที่หาที่ว่างแทบไม่ได้
เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มกลางคนในชุดสูทลายทางก็ก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ
แน่นอนที่สุดเขาเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่ "ผู้จัดการ" เคยให้ฉายาเอาไว้ว่า
พยัคฆ์หนุ่มลำพองแห่งค่ายบ้านโป่ง
วิบูลย์ ผาณิตวงศ์ นั่นเอง
และดังที่บอกไว้ตอนต้นพยัคฆ์ผู้นี้ เป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาลมิตรผล ซึ่ง
สุวิช ไชยประวัติ พี่ชาย ดร. โอฬาร ไชยประวัติ ทำงานอยู่
ทันทีที่วิบูลย์ปรากฏตัวผู้ที่ปราดเข้าไปทักทายจึงเป็นสุวิช ไชยประวัติ
ซึ่งก็เป็นธรรมดาของเจ้าของกับลูกจ้างที่ลูกจ้างจะต้องมีท่าทีคาราวะ
วิบูลย์ก้าวเดินอย่างสง่าต่อไปเพื่อทักทาย ดร. โอฬาร ผู้บริหารแบงก์ที่เผอิญเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของกลุ่มบ้านโป่ง
คราวนี้ดูเหมือนท่าทีคาราวะระหว่างแขกกับเจ้าภาพจะสลับตำแหน่งกันอย่างที่พอจะสังเกตได้