นับวันกรุงเทพมหานครยิ่งหนาแน่นและแออัด การขยายตัวของตัวเมืองออกสู่ชานเมืองรอบนอกเป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น
ประกอบกับอาคารชุดลอยฟ้ายังไม่เป็นที่นิยมสำหรับผู้ต้องการที่อยู่อาศัยเท่าที่ควร
สิ่งเหล่านี้ได้สร้างให้พื้นที่แถบชานเมืองมีคุณค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การเลือกพื้นที่เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยของตนเอง
จึงเป็นสิ่งจำเป็นและการเลือกพื้นที่เหล่านี้ จำเป็นต้องมีข้อมูลอยู่บ้าง
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทราบว่า ที่ที่จะซื้อนั้นอยู่ในแนวเวนคืนของทางราชการหรือไม่
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้น
ว่ากันว่าในปี พ.ศ. 2530 จะเป็นปีที่ธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรบูมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งภายหลังจากที่เงียบเหงาและซบเซาไปหลายปี
จากปัญหาภาวการณ์ต่าง ๆ ที่โหมกระหน่ำให้ภาวะกำลังซื้อของประชาชนตกต่ำ ปัญหาการลงทุนสำหรับธุรกิจบ้านจัดสรร
และปัญหาทางด้านการลงทุนสำหรับผู้ซื้อ กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใต้กระแสข่าวการตัดถนนสายใหม่
ๆ เพื่อขยายตัวเมืองของกรุงเทพมหานครที่มีให้เห็นเป็นระลอก ๆ
แต่ไหนแต่ไรมา ทั้งคนจีนและคนไทยเราต่างมีความเชื่อกันว่า ทิศเหนือและทิศตะวันออกเป็นทิศที่ดี
การจะทำอะไรให้เจริญก็ต้องหันหน้าไปทางด้านนั้น แม้แต่การตั้งบ้านเรือนก็มักจะขยายไปในแนวทางด้านนั้น
ตัวเมืองต่าง ๆ จึงมักจะมีความเจริญขึ้นในทิศทางนั้นก่อนอยู่เสมอ
กรุงเทพมหานครของเราก็เหมือนกัน การขยายตัวของโครงการหมู่บ้านจัดสรร โดยส่วนใหญ่พุ่งไปสู่ทางทิศตะวันออกคือแถวลาดพร้าว
บางกะปิ มีนบุรี และบางนา บางปู และทางทิศเหนือ คือแจ้งวัฒนะ ดอนเมือง รังสิต
รามอินทรา เหล่านี้เป็นต้น
การขยายตัวเช่นนี้จะเป็นด้วยสาเหตุจากความเชื่อดังที่กล่าวข้างต้นหรือไม่
ไม่ขอยืนยัน
แต่มีความจริงอยู่ประการหนึ่งนั่นคือการขยายตัวเหล่านี้ เป็นการขยายตัวในแนวราบไปตามแนวความยาวของถนนสายสำคัญ
ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าถนนสายนั้นจะเป็นถนนพหลโยธิน ซึ่งพุ่งไปทางด้านทิศเหนือ
ถนนลาดพร้าว ถนนรามคำแหง และถนนบางนาตราดซึ่งพุ่งผ่านไปทางด้านตะวันออก เป็นต้น
และสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพฯ ทางด้านทิศเหนือและตะวันออกเจริญรวดเร็วกว่าทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ
คือฝั่งธนบุรีนั้น ก็เนื่องจากว่า เมื่อสิบปีที่แล้วทางฝั่งธนบุรีขาดการพัฒนาทางด้านถนนหนทาง
สาธารณูปโภคและบริการของรัฐทางด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
จากฝั่งพระนครไปยังธนบุรี ซึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อนมีเพียงสะพานพุทธฯ สะพานกรุงธนบุรี
สะพานกรุงเทพฯ และสะพานพระรามหกเท่านั้น ซึ่งเป็นสะพานเก่า ช่องทางแคบ ๆ
การไปมาไม่สะดวก
อย่างไรก็ดี ในทุกวันนี้ สภาพต่าง ๆ ของทางด้านทิศตะวันตกคือฝั่งธนบุรี
ได้มีการปรับปรุงและมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว มีการตัดถนนสายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
การกำหนดพื้นที่สีเขียวเพื่อให้เป็นเขตที่พักอาศัยโดยเฉพาะ เหล่านี้เป็นต้น
พื้นที่แถบปิ่นเกล้า-พุทธมณฑลสาย 2
พื้นที่แถบนี้ เหมาะสมที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่สีเขียวจากทางราชการซึ่งหมายถึงว่า
ในเขตพื้นที่นี้จะห้ามมิให้มีการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมและตึกแถวสูงเกิน 4
ชั้น
ด้วยลักษณะที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีเขียวเช่นนี้ ทำให้พื้นที่แถบนี้ปลอดจากมลภาวะที่เป็นพิษ
ไม่ว่าจะเป็นควันหรือของเสียจากโรงงาน และจากการที่หน่วยงานราชการห้ามมิให้สร้างโรงงานและตึกสูงในแถบนี้
จึงทำให้พื้นที่แถบนี้มีอัตราการทรุดของที่ดินต่ำกว่าเขตอื่น ๆ ประกอบกับน้ำประปาเข้าถึง
จึงทำให้พื้นที่นี้มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้น้อยหรือแทบไม่มีเลย การทรุดตัวของพื้นดินในแถบนี้จึงต่ำกว่าแถบอื่น
ๆ คือประมาณไม่เกิน 5 เซนติเมตรต่อปี
ระดับความสูงของพื้นดินในแถบนี้จึงสูงกว่าแถบอื่น ๆ คือมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล
1.51-2.00 เมตร โอกาสที่จะน้ำท่วมจึงมีน้อยกว่าเขตอื่น ๆ
ภายหลังจากที่มีการตัดถนนสายปิ่นเกล้า-นครไชยศรี ถนนพุทธมณฑลสาย 1 และสาย
2 แล้ว ได้ทำให้พื้นที่แถบนี้มีราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการตัดถนนสายวงแหวนรอบนอกของกรุงเทพมหานครทับถนนพุทธมณฑลสาย
1 แล้วยิ่งทำให้การคมนาคมในแถบนี้สะดวกสบายขึ้นมาก โดยเฉพาะถนนปิ่นเกล้า-นครไชยศรีนั้น
แทบจะเรียกได้ว่าเป็นทางด่วนพิเศษที่ไม่มีการเก็บเงินก็ว่าได้ เนื่องจากบนถนนสายนี้
จะไม่มีช่องทางย่อย ๆ หรือทางเชื่อมใด ๆ เลย และภายหลังจากที่มีการตัดถนนวงแหวนรอบนอกครบหมดแล้ว
ในอนาคตการเดินทางไปต่างจังหวัดก็จะยิ่งสะดวกยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องเดินทางเข้าใจกลางกรุงเทพฯ
ให้เสียเวลาเลย
ระยะเวลาการเดินทางจากถนนพุทธมณฑลสาย 2 ถึงสนามหลวงนั้น ใช้เวลาอย่างมาก
15 นาที ในช่วงที่การจราจรไม่ติดขัด
พื้นที่แถบนี้ยังคงมีที่ว่างอยู่ ยังคงพอจะหาซื้อได้ด้วยราคาที่ไม่แพงนัก
เมื่อเทียบกับทำเลทองในแถบอื่น ๆ โดยเฉพาะพื้นที่บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 นั้น
พื้นที่ติดถนนราคา 6,000 บาทต่อตารางวายังคงหาซื้อได้บ้าง แต่ถ้าเป็นส่วนที่ติดถนนจรัลสนิทวงศ์ราคาจะแพงมาก
คือถ้าลึกเข้าไปในซอยจากถนนใหญ่ไม่เกิน 40 เมตรแต่ติดถนนส่วนบุคคลที่มีรถยนต์เข้าถึง
ราคาประเมินเพื่อการเก็บภาษีจะสูงถึง 25,000 บาทต่อตารางวา และราคาที่ซื้อขายกันในตลาดประมาณ
25,000 บาทเช่นกัน
ในส่วนของถนนปิ่นเกล้า-นครไชยศรี ลึกเข้าไปในซอยแต่รถยนต์เข้าถึงราคาประเมิน
10,000 บาท และราคาตลาดประมาณ 20,000 บาทต่อตารางวา
สรุป พื้นที่แถบนี้จะเป็นทำเลทองเพื่อการพักอาศัยที่ดีที่สุดแหล่งหนึ่ง
ด้วยความสะดวกสบายทั้งทางคมนาคมและสาธารณูปโภคทั้งยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
โรงพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ
พื้นที่แถบถนนธนบุรีปากท่อ
พื้นที่บนถนนธนบุรีปากท่อ เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจอีกพื้นที่หนึ่ง เมื่อกล่าวถึงพื้นที่แถบนี้แล้วหลายคนอาจจะบ่นว่าไกล
แต่ในอนาคตอันใกล้นี้บนถนนสายนี้จะไม่ไกลเลย เนื่องจากโครงการทางด่วนเฉลิมมหานคร
สายดาวคะนอง-ท่าเรือ ซึ่งเริ่มต้นจากถนนธนุรี-ปากท่อ บริเวณดาวคะนองถึงท่าเรือคลองเตยนั้นมีกำหนดการที่จะเสร็จในปลายปี
2530 นี้
ประกอบกับการตัดถนนวงแหวนรอบนอกของกรุงเทพมหานคร ทำให้พื้นที่แถบนี้ยิ่งสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีก
นับได้ว่าพื้นที่แถบนี้ก็เป็นส่วนพื้นที่ที่มีโครงข่ายของการคมนาค่อนข้างจะสมบูรณ์
มีถนนวงแหวนรอบนอกตัดเชื่อมทำให้การเดิทางไปสู่ถนนเอกชัยหรือถนเพชรเกษมที่ตัดนานอยู่เดิมแล้วค่อนข้างจะสะดวกสบายมาก
และพื้นที่แถบนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีเขียวเสียเลยทีเดียว
แต่การสร้างโรงงานในพื้นที่แถบนี้นั้นมีกฎเกณฑ์ ข้อกำหนดต่าง ๆ จากทางราชการมาก
ทำให้พื้นที่แถบนี้มีโรงงานน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานเก่า ๆ ทำให้พื้นที่แถบนี้มีมลภาวะที่เป็นพิษน้อย
การทรุดตัวของพื้นดินก็มีต่ำ แต่ก็ยังสูงกว่าแถบปิ่นเกล้า-พุทธมณฑลบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก
เยกว่ายังมีการทรุดตัวของดินไม่เกิน 5 เซนติเมตรเช่นเดียวกัน
ตรงแถบทางแยกดาวคะนองไปทางตะวันตกก่อนถึงถนนวงแหวนรอบนอกประมาณครึ่งทางมีความสูงของระดับดินเหนือระดับน้ำทะเล
1.01-1.50 เมตร แต่ถ้าเลยจากนั้นไปแล้วระดับของพื้นดินจะเริ่มต่ำลง เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่บ้าง
แต่ก็ยังมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ประมาณ 0.51-1.00 เมตร
พื้นที่แถบนี้ยังมีที่ว่างของเนื้อที่อยู่ประมาณ 75% ทางด้านราคาก็ยังไม่สูง
ราคาพื้นที่ประเมินเพื่อการเก็บภาษีริมถนนสายธนบุรี-ปากท่อ 12,500-1,500
บาท ต่อตารางวา แต่ราคาที่ดินเพื่อการพักอาศัยในพื้นที่เขตนี้มีราคาประมาณ
10,000-600 บาทแล้วแต่พื้นที่
อัตราการเพิ่มของราคาพื้นที่แถบนี้คาดว่าจะประมาณ 15-80% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่พื้นที่บางส่วนในแถบนี้จะถูกเวนคืนก็มีอยู่เช่นกัน
โดยเฉพาะส่วนของพื้นดินที่อยู่ใกล้ถนวงแหวนรอบนอกและทางด่วน
พื้นที่แถบประชาชื่นถึงงามวงศ์วาน
พื้นที่แถบนี้เป็นแถบที่จะมีอัตราการขยายตัวรวดเร็วมาก ในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้
ในปัจจุบันพื้นที่แถบนี้ หาซื้อก็คงจะยากสักหน่อยแล้ว แต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ประมาณ
50% ของพื้นที่
ทางด้านการคมนาคม มีถนนงามวงศ์วาน ถนนประชาชื่น ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นสายเมนใหญ่
ในอนาคตที่สำคัญก็คือ กรุงเทพมหานครกำลังตัดถนนวงแหวนรอบกลางช่วงวงศ์สว่างถึงถนนวิภาวดีรังสิตอยู่
โดยถนนสายนี้ได้ผ่านขั้นตอนการเวนคืน จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเรียบร้อยแล้ว ถนนวงแหวนรอบกลางนี้จะวิ่งตัดผ่านชุมชนชวนชื่นทางด้านใต้
ตัดถนนประชาชื่น ตัดผ่านบางส่วนของหมู่บ้านชลนิเวศน์ทางด้านใต้ตรงไปตัดกับถนนวิภาวดีรังสิตซึ่งมีการก่อสร้างถนนส่วนนี้บ้างแล้วในบริเวณนี้
ประกอบกับทางด่วนโครงการ 2 สายบางโคล่-แจ้งวัฒนะ จะต้องผ่านถนนและบริเวณนี้
ไม่ว่าการทางพิเศษจะเลือกเอาทางแยกซ้ายหรือขวา (ในปัจจุบันยังไม่แน่นอนว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะเลือกเอาพื้นที่ทางด้านซ้ายหรือขวาที่จะตัดผ่าน
แต่ทางด่วนโครงการสายนี้ ต้องมีแน่) แต่ไม่ว่าการทางพิเศษฯ จะเลือกเอาสายใด
ก็ต้องมีทางขึ้น-ลงทางด่วนบนถนนตัดใหม่สายนี้แน่นอนหนึ่งจุด และทางด้านถนนงามวงศ์วานอีกหนึ่งจุด
ผลจากทางด่วนและถนนวงแหวนรอบกลางนี้ เป็นที่คาดว่าจะทำให้พื้นที่แถบนี้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทางด้านราคาของที่ดิน ราคาประเมินเพื่อการเก็บภาษี ถ้าเป็นริมถนนวิภาวดีรังสิตราคาประเมิน
20,000-4,500 บาทต่อตารางวา ถนนงามวงศ์วานราคาประเมิน 18,000-3,000 บาท ถนนประชาชื่นราคาประเมิน
10,000-3,500 บาทต่อตารางวา ราคาตลาดที่ซื้อขายกันสำหรับที่ดินเพื่อที่พักอาศัย
มีราคาประมาณ 8,000-15,000 บาทต่อตารางวา แถ้าติดถนนใหญ่จะประมาณสองเท่าของราคาประเมินเพื่อการเก็บภาษีของทางราชการ
ทางด้านการทรุดตัวของดิน พื้นที่แถบนี้ยังมีการทรุดตัวของพื้นดินสูงกว่าทางด้านฝั่งธนบุรีดังที่กล่าวมาแล้ว
คือมีการทรุดตัวของพื้นดิน 5 เซนติเมตรต่อปี และเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล
1.01-1.50 เมตร ก็เรียกได้ว่าเป็นที่ ๆ น้ำท่วมยากสักหน่อย
พื้นที่แถบถนนแจ้งวัฒนะ
พื้นที่แถบนี้อยู่เหนือถนนงามวงศ์วานขึ้นไป ลักษณะของพื้นที่คล้าย ๆ กับถนนงามวงศ์วานคือด้วยอิทธิพลของทางด่วนโครงการ
2 และถนตัดใหม่ของกรุงเทพมหานคร สายเลียบคลองเปรมประชากรฝั่งตะวันตกตัดขนานกับถนนวิภาวดีรังสิต
จะทำให้การคมนาคมในแถบนี้มีความสะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น
พื้นที่โล่งว่างในแถบนี้ยังมีมากกว่าช่วงประชาชื่นที่กล่าวมาในตอนแรก แต่อยู่ไกลตัวเมืองมากกว่า
ทางด้านราคาที่ดิน ราคาประเมินเพื่อการเก็บภาษีอยู่ในช่วง 1,500-3,500
บาท แต่ราคาที่ซื้อขายกันอยู่ในช่วง 5,000-10,000 บาทต่อตารางวา
ทางด้านการเวนคืนของทางราชการนั้น ยังไม่แน่นอนว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะเลือกเส้นทางไหนในสามเส้นทางที่วางไว้
(ตามแผนที่) ก็คงจะมีพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดในสามเส้นทางนี้ถูกเวนคืนในช่วงที่ทางด่วนตัดผ่าน
บริเวณที่น่าจะถูกเวนคืนมากที่สุดคือ ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัยที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านจัดสรรหรือแหล่งชุมชน
เพราะการทางพิเศษฯ คงจะไม่ตัดทางด่วนผ่ากลางหมู่บ้านแน่นอน ดังนั้นหากจะซื้อพื้นที่แถบนี้ต้องดูปัจจัยนี้ด้วย
การทรุดตัวของพื้นดินในแถบนี้ 5 เซนติเมตรต่อปี เช่นเดียวกับแถบประชาชื่น
ระดับความสูงของพื้นดินเหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 1.51-2.00 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ในแถบที่มีความสูงมากพื้นที่หนึ่ง
โอกาสที่น้ำจะท่วมถึงในแถบพื้นที่เหล่านี้จึงน้อย
ก็เป็นพื้นที่แถบหนึ่งที่คาดว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมากในอนาคตอันใกล้นี้
โดยเฉพาะหลังจากที่ข่าวการเวนคืนจากการทางพิเศษฯ ได้ออกมาแน่นอนแล้วว่า พื้นที่แถบไหนบ้างที่จะถูกเวนคืน
พื้นที่ถนนบางนา-ตราด (ถึงกิโลเมตรที่ 5)
ภายหลังจากมีโครงการอีสเทอร์นซีบอร์ดขึ้นมาได้ทำให้พื้นที่แถบนี้มีราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนราคาของพื้นที่แถบนี้สูงกว่าราคาตามสภาพความเป็นจริงไป
ประกอบกับโครงข่ายถนสายสำคัญที่ตัดผ่าน ไม่ว่าจะเป็นถนบางนา-ตราดหรือถนนศรีนครินทร์
หรือทางด่วน เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นถนนสายใหญ่ที่มีผลทำให้การคมนาคมในแถบนี้ไม่ว่าไปไหนมาไหนสะดวกไปหมด
ซึ่งเป็นปัจจัยอีกตัวหนึ่งที่ทำให้ราคาในพื้นที่แถบนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนเรียกได้ว่าเป็นข้อเสียข้อหนึ่งสำหรับผู้ที่จะเข้าไปอยู่ใหม่ แต่ก็มีผลทำให้เจ้าของที่ดินเดิมในพื้นที่แถบนี้รวยไปตาม
ๆ กัน
แต่ก็ยังเป็นที่เชื่อกันอยู่ว่าราคาของพื้นที่ในแถบนี้จะยังไม่คงตัวอยู่เพียงแค่นี้อย่างเด็ดขาด
คงจะสูงขึ้นไปอยู่อีกเรื่อย ๆ
ข้อเสียในที่ดินพื้นที่แถบนี้ ความจริงแล้วมีอยู่มากทีเดียว แต่ด้วยความสะดวกในการคมนาคมดั่งที่ว่า
ได้กลบลบเลือนข้อเสียเหล่านี้ไปหมด
พื้นที่แถบนี้มีการปลูกสร้างของโรงงานมาก มลภาวะเป็นพิษจึงมีสูง และทำให้พื้นที่แถบนี้ค่อนข้างจะมีการทรุดตัวของดินสูงมาก
กล่าวคือประมาณ 10 เซนติเมตรต่อปี
ความสูงของระดับดินก็ต่ำกว่าเขตอื่น ๆ คือเป็นพื้นที่ที่มีระดับดินสูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง
0.10-0.50 เมตรเท่านั้นเอง โอกาสที่น้ำจะท่วมจึงมีมาก
ด้านราคาดินในพื้นที่แถบนี้ โดยราคาประเมินเพื่อการเก็บภาษีนั้น ถ้าเป็นริมถนนบางนา-ตราด
ก็จะมีราคา 4,000-15,000 บาทต่อตารางวา ถ้าเป็นด้านริมถนนสุขุมวิทก็มีราคาประเมิน
40,000-4,000 บาทต่อตารางวา และทางด้านถนนศรีนครินทร์ราคาประเมิน 4,000-15,000
บาทต่อตารางวา
ทางด้านราคาตลาดที่ซื้อขายกันจริง ๆ หรือราคาตลาดนั้น สำหรับราคาเพื่อที่พักอาศัยจะมีมูลค่าประมาณ
30,000-2,000 บาทต่อตารางวา
แนวโน้มในอนาคตพื้นที่แถบนี้ จะมีบทบาทของการเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้นตามโครงการของกรุงเทพมหานคร
ส่วนโรงงานจะถูกกีดกันให้ไปอยู่ทางตอนใต้และตะวันออกหรือบริเวณจังหวัดสมุทรปราการตอนล่างมากขึ้น
ตามโครงการที่จะผลักดันให้โรงงานเข้าไปอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม
พื้นที่แถบรามอินทรา
พื้นที่แถบนี้ได้รับการพัฒนามาหลายปีแล้ว แต่เนื่องจากสภาพของพื้นที่ ดูแล้วยังอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองอยู่มาก
อัตราการเจริญเติบโตของพื้นที่แถบนี้จึงยังไม่รวดเร็วนัก
แต่ในปัจจุบัน จากข่าวโครงการตัดถนนหลายสายของ กทม. อย่างเช่นถนนสายรามคำแหง-รามอินทรา
ถนนวงแหวนรอบนอก และทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มจากถนรัชดาภิเษกไปสิ้นสุดที่ถนนรามอินทรานั้น
ได้ส่งผลให้พื้นที่แถบนี้เริ่มที่จะคึกคักขึ้นมา ทั้งด้านราคาและทางด้านการซื้อขาย
อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่นอนว่าการทางพิเศษฯ จะต้องเวนคืนพื้นที่ดินแถบไหนบ้าง
ในบริเวณพื้นที่แถบรามอินทรานี้ โครงการทางด่วนขั้นที่ 2 นี้กำลังสำรวจพื้นที่ที่จะทำการเวนคืนอยู่
เช่นเดียวกับถนนที่กำลังตัดใหม่ของ กทม. ซึ่งยังหาแนวที่แน่นอนยังไม่ได้เช่นกัน
แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่า พื้นที่แถบนี้จะต้องเติบโตเร็วมากในอนาคต ภายหลังจากถนนและทางด่วนได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพราะความรู้สึกที่ว่าพื้นที่แถบนี้อยู่ไกลก็คงจะหายไป ประกอบกับถนนที่มีอยู่เดิม
ทั้งถนนรามอินทรา ถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิตทางด้านทิศตะวันตกก็เป็นถนนสายใหญ่อยู่แล้ว
พื้นที่แถบนี้จึงเป็นพื้นที่ที่มีความสะดวกมากในการคมนาคมในอนาคต
ทางด้านราคาพื้นที่แถบนี้เรียกว่ายังไม่แพงเกินไป พื้นที่ว่างก็ยังมีอยู่มาก
ราคาประเมินเพื่อการเก็บภาษีของทางการ ถ้าเป็นริมถนนพหลโยธินราคาประเมิน
25,000-5,000 บาทต่อตารางวา ริมถนนรามอินทราราคาประเมิน 8,000-500 บาทต่อตารางวา
ถนนลาดปลาเค้าราคาประเมิน 5,000-1,500 บาทต่อตารางวา ริมถนนสุขาภิบาลราคา
10,000-3,000 บาทต่อตารางวา
ทางด้านราคาที่ดินเพื่อที่พักอาศัยนั้น ราคาที่ซื้อขายกันในตลาดอยู่ระหว่าง
20,000-4,000 บาทต่อตารางวา
ข้อเสียของพื้นที่แถบนี้คือ ปัญหาการทรุดตัวของพื้นดินแต่ก็ยังต่ำกว่าแถบบางนา
พื้นที่แถบนี้มีการทรุดตัวประมาณ 5 เซนติเมตรต่อปี แต่พื้นดินยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
คือสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1.51-2.00 เมตร โอกาสที่น้ำจะท่วมในเขตนี้จึงนับว่ายังน้อย
ประกอบกับพื้นที่รอบข้างยังเป็นทุ่งนาที่โล่งกว้าง น้ำจึงระบายลงทุ่งนาได้ง่าย
พื้นที่แถบถนนศรีนครินทร์
การตัดถนนสายใหญ่คือถนนศรีนครินทร์เข้าสู่บริเวณแถบนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นทุ่งนาโล่งกว้างอยู่นั้น
ทำให้พื้นที่ดินแถบนี้ราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และว่ากันว่าความนิยมของประชาชนที่จะใช้พื้นที่แถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยนั้นยังสูงกว่าถนนบางนา-ตราดเสียอีก
ประกอบกับถนนสายนี้ ตัดตรงมาจากถนรามคำแหงที่บางกะปิในปัจจุบันสุดทางที่ถนนเทพารักษ์นั้น
ทำให้การเดินทางบนถนนสายนี้รวดเร็ว ไม่ต่างกับขึ้นทางด่วนเลยและยังมีถนนสายใหญ่อื่น
ๆ ที่ตัดผ่านเช่นถนพัฒนาการซึ่งทำให้การเดินทางเข้าถนนเพชรบุรีเร็วขึ้น และถนนสายอื่น
ๆ อย่างเช่นถนนอ่อนนุช ถนนอุดมสุข ถนนบางนาตราด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทำให้ขึ้นทางด่วนสะดวกมาก
ในอนาคต การทางพิเศษฯ ก็จะตัดทางด่วนอีกเส้นทางหนึ่งลงตรงถนนศรีนครินทร์แห่งนี้ตรงเหนือถนนพัฒนาการเล็กน้อย
ยิ่งจะทำให้พื้นที่แถบนี้เป็นที่สนใจของผู้ที่กำลังกว้านซื้อที่ดินยิ่งขึ้นอีก
เรียกว่าการคมนาคมในพื้นที่แถบนี้สะดวกมาก
แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ น้ำประปายังเข้าไม่ถึงในส่วนใหญ่ของพื้นที่ หมู่บ้านจัดสรรและโรงงานที่มีอยู่เดิมจึงพากันสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้
ทำให้พื้นที่แถบนี้มีอัตราการทรุดของพื้นดินอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าสูงมาก
คือ 10 เซนติเมตรต่อปี
และตั้งแต่ซอยอุดมสุขลงมาถึงสมุทรปราการก็มีความสูงของระดับดินเหนือน้ำทะเลต่ำมาก
คือสูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียงแค่ 0.10-0.50 เมตร ส่วนเหนือซอยอุดมสุขขึ้นไประดับดินก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำคือประมาณ
0.51-1.00 เมตร
ทางด้านราคาที่ดินในแถบนี้ ราคาค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกับพื้นที่แถบถนนบางนา-ตราด
บางคนบอกว่า "มันสูงเกินความเป็นจริงไปหน่อย" ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พื้นที่แถบนี้ยังมีที่โล่งว่างอยู่มาก
ราคาประเมินของทางราชการเพื่อการเก็บภาษีนั้น ถ้าเป็นพื้นที่ริมถนนศรีนครินทร์ราคาประเมิน
15,000-4,000 บาทต่อตารางวา ส่วนที่ติดถนนอ่อนนุช 6,000-1,000 บาทต่อตารางวา
ส่วนที่ดินถนนบางนา-ตราด 15,000-4,000 บาทต่อตารางวา และส่วนที่ติดถนนเทพารักษ์ราคาประเมิน
2,500-1,500 บาทต่อตารางวา
ส่วนราคาที่ซื้อขายกันในตลาดสำหรับที่พักอาศัยนั้น มีราคาประเมิน 1,000-8,000
บาท ราคาของพื้นที่แถบนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15-60% ต่อปี
สรุป
ที่กล่าวมาทั้งหมดทุกวันนี้ มิได้เรียงตามลำดับความสำคัญของพื้นที่ก่อนหลังเนื่องจากการจะซื้อบ้านซื้อที่ดินของและคน
ต่างก็มีเหตุผลที่ต่างกัน บางคนเน้นความสำคัญทางด้านคมนาคมเป็นหลัก บางคนก็เน้นเรื่องมลภาวะเป็นหลัก
บางคนก็เน้นราคาถูกอนาคตดีเป็นหลัก ฯลฯ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทัศนะของแต่ละคน
อีกประการหนึ่ง ก็ขอบอกกันไว้ก่อนว่าทำเลทองในกรุงเทพมหานครใช่จะหมดอยู่เพียงแค่นี้
มีอีกหลายพื้นที่ที่ดี ๆ และยังไม่ได้กล่าวถึง หากมีโอกาสในครั้งหลังจะนำมาว่ากันอีก…