|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ในปัจจุบันคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงจำนวนมากออกมาหางานทำนอกบ้าน นอกเหนือจากการเป็นแม่บ้านแม่เรือนในอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น มีผู้หญิงออกมาทำงานนอกบ้านเหมือนกับผู้ชายเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ขณะที่บ้านเรายังมีค่านิยมและความเชื่อว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าและผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ขณะเดียวกันก็มีผู้หญิงเป็นจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องออกมาทำงานนอกบ้านเพื่อหาเงินไปจุนเจือครอบครัว อย่างที่อเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น มีผู้หญิงออกมาทำงานนอกบ้านประมาณ 40% และในบางครอบครัวก็ยังมีผู้หญิงเป็นเสาหลักของบ้านด้วยซ้ำไป
แม้ว่าสังคมจะเปิดกว้างขึ้นและให้โอกาสกับผู้หญิงในการทำงาน แต่ผู้หญิงก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาหลายๆ อย่างเช่น ทัศนคติของคนที่ทำงานเดียวกันซึ่งมักจะมองว่าผู้หญิงทำงานนั้นงานนี้ไม่ได้ เพราะว่าบุคลิกและลักษณะของผู้หญิงไม่เหมาะกับงานเหล่านั้น ในแต่ละอาชีพก็ต้องการคนที่มีบุคลิก ลักษณะและคุณสมบัติต่างๆ กันไป และในบางครั้งเพศก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัตินั้นด้วย
อย่างเช่นทหารและตำรวจ นอกจากจะมีการกำหนดคุณสมบัติในเรื่องของความรู้และความแข็งแรงของร่างกายแล้ว เพศก็มักจะถูกระบุเอาไว้ด้วยว่าตำแหน่งที่เปิดนี้รับเฉพาะผู้ชายหรือรับทั้งสองเพศ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าหากประกาศรับทั้งสองเพศก็มักจะรับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หรือในกรณีที่มีตำแหน่งเปิดรับเฉพาะผู้หญิงก็จะมีน้อยมากๆ และนานๆ ครั้งเท่านั้น
โดยทั่วไป มีการแบ่งงานออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ (1) งานที่ถูกมองว่าเป็น “อาชีพสำหรับ ผู้หญิง” (traditional occupations for women) หมายความว่าในอาชีพนั้นจะมีลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เรียกได้ว่าในอาชีพนั้นจะมีผู้หญิงทำงานมากกว่า 90% เช่น พยาบาล และครู
(2) งานที่ถูกมองว่าเป็น “อาชีพสำหรับผู้ชาย” (male-dominated occupations) คืองานที่มีคนทำงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายและมีผู้หญิงเข้าไปทำงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ทหาร ตำรวจ และวิศวกร ที่อเมริกาได้ให้คำจำกัดความของอาชีพที่เป็นงานของผู้ชายไว้ว่า เป็นอาชีพที่มีการจ้างผู้หญิงเข้าไปทำงานน้อยกว่า 25% ของลูกจ้างทั้งหมด
ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเลือกทำงานในอาชีพที่ถูกมองว่าเป็นอาชีพของผู้หญิง เพราะว่าผู้หญิงมีโอกาสได้งานสูงมากกว่าผู้ชายในอาชีพเหล่านี้ แต่ถ้าผู้หญิงไปสมัครงานในอาชีพที่ถูกมองว่าเป็นอาชีพของผู้ชาย โอกาสที่ผู้หญิงจะได้งานก็มีน้อยลง
3 อาชีพหลักๆ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกทำในทุกประเทศคือ เลขานุการ พยาบาล และครู อาชีพ เหล่านี้ถือว่าเป็นงานของผู้หญิงเพราะคนที่ทำงานในอาชีพเหล่านี้มากกว่า 90% เป็นผู้หญิง อย่างในอเมริกา 6 อาชีพหลักๆ ที่ถูกมองว่าเป็นอาชีพสำหรับผู้หญิงและมีผู้หญิงเข้าไปทำงานมากที่สุดคือ เลขานุการ พี่เลี้ยงเด็ก พนักงานต้อนรับที่บริษัทหรือโรงแรมต่างๆ ครู พยาบาล และพนักงานบัญชี(1)
แต่ผู้หญิงที่ทำงานเหล่านี้ก็ยังได้เงินเดือนที่น้อยกว่าผู้ชายอยู่ดี ไม่ว่าพวกเธอจะทำงานอยู่ในอาชีพไหน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพของผู้ชายหรือของผู้หญิง ความต่างของเงินเดือนระหว่างผู้ชายและผู้หญิงนั้นเป็นปัญหาที่ผู้หญิงในทุกประเทศเผชิญไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่และต้องใช้เวลาพอสมควรในการแก้ไข ปัญหา ดังนั้นสิ่งที่ผู้หญิงเราน่าจะทำได้ตอนนี้คือ เลือกทำงานในอาชีพที่น่าจะให้รายได้สูงที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้สำนักงานสถิติแห่งชาติของประเทศอเมริกาเปิดเผยว่า อาชีพที่ให้เงินเดือนกับผู้หญิงสูงที่สุดคือ อาชีพที่เป็นอาชีพสำหรับผู้ชายและนิตยสาร Forbes ยังเผยผลการสำรวจ 5 อาชีพที่ผู้หญิงได้เงินเดือนมากที่สุดคือ เภสัชกร ผู้บริหารระดับสูง ทนายความ วิศวกรซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ และผู้จัดการระบบสารสนเทศ ซึ่ง 5 อาชีพที่กล่าวมา ล้วนเป็นอาชีพที่ถูกมองว่าเป็นงานของผู้ชายทั้งสิ้น
ตัวอย่างผู้หญิงที่ทำงานในอาชีพเหล่านี้แล้วได้เงินเดือนสูงกว่าผู้หญิงที่ทำงานอื่นๆ คือ ผู้หญิงที่ทำงานเป็นวิศวกรและช่างเทคนิคเกี่ยวกับเครื่องยนต์ กลไกจะมีรายได้มากกว่าผู้หญิงและมากกว่าผู้ชายที่ทำงานเดียวกันถึง 43% และ 29% ตามลำดับ
เรื่องนี้สำนักงานสถิติอเมริกาอธิบายเหตุผลไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงที่ทำงานในอาชีพที่ถูกมอง ว่าเป็นอาชีพสำหรับผู้ชายได้เงินเดือนเยอะกว่าผู้ชาย ที่ทำงานในอาชีพเดียวกันก็เพราะว่าพวกเธอมักกลัว ที่จะต้องเข้าไปทำงานในอาชีพเหล่านี้ ทำให้ผู้หญิง ที่ทำงานในอาชีพเหล่านี้มีจำนวนน้อยมาก
ดังนั้น พวกเธอจึงสามารถเลือกบริษัทที่จะทำงานและต่อรองเรื่องของเงินเดือนกับบริษัทได้ และในที่สุดพวกเธอก็จะเลือกทำงานกับบริษัทที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทก็จำเป็นที่จะต้องยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อให้ผู้หญิงเข้ามาทำงานในบริษัทของตัวเองครบตามจำนวนขั้นต่ำที่ทางรัฐบาล กำหนดไว้ว่าแต่ละบริษัทจะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ ในการทำงานและยังกำหนดจำนวนขั้นต่ำของพนักงานผู้หญิงไว้โดยขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละบริษัท ดังนั้นผู้หญิงที่ทำงานในอาชีพที่เหมาะสำหรับผู้ชายได้รับเงินเดือนมากกว่าผู้หญิงที่ทำงานในอาชีพอื่นๆ และพวกเธอยังได้รับเงินเดือนมากกว่าผู้ชายที่ทำงานเดียวกันอีกด้วย
จากการเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงความเชื่อเดิมๆ ที่มีอยู่ เพราะโดยปกติแล้วผู้หญิงมักจะได้เงินเดือนน้อยกว่าผู้ชาย ในอเมริกาถ้าผู้ชายทำงานได้ 1 เหรียญ ผู้หญิงก็จะได้เงินแค่ 78 เซนต์เท่านั้น หรืออย่างที่นิวซีแลนด์ถ้าชั่วโมงหนึ่งผู้ชายได้รับค่าจ้าง 10 เหรียญ ผู้หญิงก็จะได้รับเงินค่าจ้างแค่ 8 เหรียญเท่านั้น ไม่มีหน่วยงานหรือนิตยสารไหนเคยเปิดเผยมาก่อนว่ามีอาชีพไหนบ้างที่ผู้หญิงทำแล้วจะมีรายได้มากกว่าผู้ชายที่ทำงานเดียวกัน
นอกจากนี้นโยบายเรื่องการกำหนดจำนวนขั้นต่ำของผู้หญิงในที่ทำงานได้มีการเริ่มใช้ในหลายๆ ประเทศแล้ว เพื่อเป็นการลดปัญหาเรื่องการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน เพราะเมื่อมีจำนวนผู้หญิงในที่ทำงานมากขึ้นก็จะถือได้ว่าผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาส เกือบจะเท่ากันในการทำงาน โดยเฉพาะการทำงานในระดับผู้บริหารที่มีจำนวนผู้หญิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้
เช่นประเทศไอซ์แลนด์ได้มีการกำหนดจำนวนขั้นต่ำของผู้หญิงในบอร์ดบริหารของแต่ละบริษัท ถ้าบริษัทไหนมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปจะต้องมีผู้หญิงนั่งทำงานในตำแหน่งของผู้บริหารอย่างน้อย 3 คน
นอกจากนี้ทางสำนักงานสถิติยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ลักษณะนิสัยของผู้หญิงที่พูดเก่งกว่าผู้ชาย มีความเป็นมิตรและมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สูงทำให้ผู้หญิงกลาย เป็นที่ต้องการของงานที่ต้องอาศัยความชำนาญควบคู่ไปกับการบริการ
เช่นผู้ใช้รถที่เป็นผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะกลัวเวลาที่จะต้องเอารถไปเข้าศูนย์เพื่อเช็กตรวจสภาพเครื่องยนต์หรือซ่อมรถ เพราะว่าพวกเธอกลัวว่าจะโดนหลอกให้จ่ายค่าซ่อมหรือค่าอะไหล่ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและไม่แน่ใจว่าจะต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ ต่างๆ ในราคาประมาณเท่าไร
แต่ถ้าหากว่าคนซ่อมเป็นผู้หญิงและสามารถอธิบายถึงรายละเอียดต่างๆ ของค่าใช้จ่ายและความจำเป็นของอะไหล่ต่างๆ ได้ดี ลูกค้าที่เป็นผู้หญิง ก็จะรู้สึกเชื่อถือและไว้ใจมากกว่าให้ผู้ชายเป็นคนอธิบายและชี้แจงรายละเอียด และถึงแม้ว่าผู้ที่เป็นลูกค้าจะเป็นผู้ชาย พวกเขาก็จะรู้สึกเช่นกันว่าเมื่อผู้หญิงเป็นคนแจกแจงรายละเอียดจะสามารถเชื่อถือและไว้ใจได้มากกว่าผู้ชายด้วยกันเอง
แต่การทำงานในอาชีพเหล่านี้ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป ผู้หญิงที่ทำงานในอาชีพเหล่านี้จะต้องเผชิญความกดดันในการทำงานสูงมาก เพราะว่ามักจะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชายเพราะไม่ว่าอย่างไรผู้ชายก็ยังคงมีทัศนคติที่ว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับงานผู้ชายที่ต้องใช้ความแข็งแรงทางร่างกาย ในขณะที่ผู้หญิงถูกมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอและไม่สามารถทำงานหนักๆ ได้ ดังนั้นผู้หญิงที่เข้าไปทำงานในอาชีพนี้จึงมักไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย
นอกจากนี้ผู้หญิงยังต้องเผชิญกับความสับสน ว่าจะต้องวางตัวอย่างไรจึงจะเป็นที่ยอมรับ เพราะงานที่ทำเป็นงานสำหรับผู้ชายผู้หญิงบางคนจึงวางตัวให้ดูเข้มแข็งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ แต่ผู้ชายกลับมองว่าไม่มีความเป็นผู้หญิง เพราะไม่มีความอ่อนหวานหรือความน่าเอ็นดูเลยและสุดท้ายผู้ชายก็ไม่ยอมรับพวกเธอในฐานะของเพื่อนร่วมงาน หรือผู้หญิงที่วางตัวให้ดูเป็นผู้หญิงเกินไป ผู้ชายก็จะมองว่า พวกเธอทำงานนี้ไม่ได้หรอก และไม่ยอมรับพวกเธอ เช่นกัน ทำให้ผู้หญิงส่วนมากมักจะทนความกดดันไม่ไหวและลาออกจากงานเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น หากคุณอ่านบทความนี้แล้วอยากเข้ามาทำงานในอาชีพที่ถูกมองว่าเป็นงานของผู้ชายเพื่อที่จะได้มีรายได้สูง ก็ต้องมั่นใจด้วยเช่นกันว่าคุณพร้อมที่จะเผชิญกับความกดดันในการทำงานที่ค่อนข้างสูง เพราะคงไม่มีอาชีพไหนที่ให้เงินเดือนสูง แต่ทำงานสบาย
ข้อมูลอ้างอิง
(1) United States Department of Labor (2011) 20 Leading Occupations of Employed Women, http://www.dol.gov/wb/factsheets/20lead2010.htm
อ่านเพิ่มเติม
- ทำงานเท่ากัน แต่ได้เงินน้อยกว่า นิตยสารผู้จัดการ 360 ํ เดือนพฤศจิกายน 2553
- ไอซ์แลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ของผู้หญิง นิตยสารผู้จัดการ 360 ํ เดือนมกราคม 2554
|
|
|
|
|