มืออาชีพที่หากินกับชาวบ้าน แทรกเข้าช่องว่างของการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฯลฯ
เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยเมื่อเงื่อนไขสุกงอม กรณีเสมาฟ้าครามฯ กับพรชัย สิงหาเสมานนท์
เกิดขึ้นแล้ว สร้างปัญหาให้กับวงการธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจบ้านจัดสรรและคงจะเกิดขึ้นอีก
"ผู้จัดการ" พูดถึงเรื่องนี้ในแง่มุมที่แหวกอกไป แนวความคิด การบริหารงานเชิงธุรกิจตามสไตล์ของเราเท่านั้น!
กรณีฟ้าครามนครจะไม่เกิดขึ้น หากไม่มีเงื่อนไข 2 ประการ หนึ่ง-ผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจพอสมควรมีความมั่นใจ
เป็นนักการตลาดตัวยงที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค และความเป็นนักเสี่ยงโชค
เช่น พรชัย สิงหเสมานนท์ คนนี้ สอง-"สิ่งแวดล้อม" เอื้ออำนวยอันประกอบด้วยแหล่งเงินทุนสนับสนุนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แน่นอน
ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มาบรรจบกัน
สุดท้ายกรณีเสมาฟ้าคราม ก็ยังมิใช่บทสรุปลงตัว ยังจะมีผู้ประกอบการอีกจำนวนหนึ่งเชื่อว่าภาระหน้าที่ของพรชัยยังไม่สิ้นสุด
หากปล่อยไปตามธรรมชาติไม่มีสิ่งกีดขวาง (กระทรวงการคลัง-ตำรวจ) ความเพ้อฝันของเขาอาจจะเป็นจริง?!
ตราบที่เงื่อนไขยังเป็นเช่นปัจจุบันบุคคลเช่นพรชัย คงรอจังหวะและโอกาสสุ่มเสี่ยงลงสู่เวทีนี้อีก!!
พรชัย สิงหเสมานนท์ ผ่านประสบการณ์ธุรกิจโชกโชนคนหนึ่ง อันเป็นงานที่ต้องคลุกกับคนจำนวนมาก
แม้ไม่ได้เรียนจิตวิทยามวลชน ก็เข้าใจได้ไม่ยาก เขาไม่ใช่คนที่มีชาติตระกูล
ไม่ได้ผ่านการศึกษาในระดับดี เขาเพียงเรียนจบระดับมัธยมเท่านั้น แต่เขามีความใฝ่ฝันจะเป็นผู้ประกอบการหรือ
"เถ้าแก่" ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
ก่อนจะมาถึงวัย 42 ปีเศษเช่นวันนี้ เขาเริ่มต้นจากพนักงานตั๋วเครื่องบินซึ่งมีสำนักงานย่านพัฒน์พงษ์
จากจุดนี้เขาจึงมีโอกาสสัมผัสราตรีพัฒน์พงษ์อันเย้ายวน ในที่สุดพรชัยก็เข้าสู่วงการ
"คนมีเขี้ยว คนมีคาว" ดำเนินธุรกิจสถานเริงรมย์อยู่พักใหญ่
ผู้คนที่เขาคบค้าและผ่านเข้ามาในธุรกิจของเขาช่วงนั้นคือชนชั้นกลาง
ต่อจากนั้นก็เข้าสู่ธุรกิจอันเป็นพื้นฐานธุรกิจวันนี้ของเขา "ผมเคยเป็นนายกสมาคมบริษัทเงินแชร์…"
เขาพูดถึงความรุ่งเรืองในธุรกิจประเภทนี้ของเขา "บริษัทเงินทุนสมัยก่อนเกิดขึ้นมาเยอะแยะเลย
เพราะคนอยากจะทำในด้านการรับฝากเงินและให้ดอกเบี้ย คล้ายคลึงกับแบงก์ พอเกิดมามากขึ้นทางราชการก็เข้าไปควบคุม
ก่อให้มีปัญหาอย่างหนึ่ง บริษัทแชร์ต่าง ๆ…" เขาแสดงภูมิรู้จากประสบการณ์ธุรกิจเงินแชร์เมื่อประมาณ
10 ปีก่อน
ประสบการณ์ของพรชัย สิงหเสมานนท์ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ จากพบปะคนหมู่มาก
สู่การดำเนินธุรกิจกับคนหมู่มากชนิดฝังรากลึก พร้อม ๆ กับการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดชนิดถึงลูกถึงคนตามสไตล์ของเขา
"ผมอยากให้รัฐบาลมีผู้บริหารในด้านการตลาดเก่ง ประเทศชาติจะได้มีความสุข"
บทเรียนของเขาตกผลึกเป็นแนวคิดเช่นนี้ซึ่งเขาพูดกับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งก่อนเข้าไปนอนเรือนจำธัญญบุรี
พิจารณาจากประวัติคดีเช็คของเขาแล้ว สันนิษฐานได้ว่าเขาเริ่มธุรกิจอย่างจริงจังประมาณปี
2515 อีก 10 ปีต่อมามีสถิติถูกจับกุมเกือบ 20 คดี เกิดขึ้นท้องที่พญาไท ลุมพินีและมากเป็นพิเศษที่บางรัก
และที่น่าสนใจพรชัย สิงหเสมานนท์เจอข้อหาผิด พ.ร.บ. เงินทุนในช่วงนั้นถึง
2 ครั้ง จากข้อมูลของตำรวจระบุชัดต่อมาว่าในปี 2527 เขาเคยเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุนอีก
โดยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยแลนด์เครดิต ซึ่งอยู่ในระหว่างการจัดตั้งบริษัทและประกอบธุรกิจเงินทุนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลลงโทษจำคุก 3 เดือนปรับ 2,500 บาท โทษให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี ทั้งปรากฏว่าดื้อแพ่งดำเนินธุรกิจนี้จนถึงปี
2528 เหตุเกิดที่ สน. บางรัก
ก่อนการดำเนินธุรกิจที่ดินอย่างจริงจัง พรชัยเริ่มต้นเป็นนักค้า-เก็งกำไรที่ดินตัวฉกาจ
ข้อมูลจากตำรวจกล่าวว่าเขาซื้อที่ดิน 72 ไร่ในประมาณปี 2525 ในราคาเพียง
8 ล้านบาทหรือตารางวาละไม่เกิน 300 บาทนั้นในสายตาของผู้ประกอบการธุรกิจประเภทนี้เชื่อว่าเป็นไปได้
ศักยภาพของนักค้า-เก็งกำไรและนายหน้าที่ดินนั้นมีโอกาสเหมา ๆ ทำเงินนับล้านก็เคยมี
ข้อมูลบางตอนของตำรวจค่อนข้างสับสน ที่ว่าพรชัยได้นำที่ดิน 72 ไร่ไปค้ำประกันเงินกู้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงเทพมหานคร
แล้วเริ่มโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการแรก ทั้งระบุว่าบริษัทเงินทุนแห่งนี้ต่อมาเลิกกิจการไป
จึงได้มาติดต่อกับธนาคารทหารไทย เท่าที่ "ผู้จัดการ" ตรวจสอบ ไม่ปรากฏบริษัทเงินทุนชื่อนี้และปี
2525 ก็ไม่มีบริษัทเงินทุนใดล้มหรือเลิกกิจการ
ที่ดิน 72 ไร่นั้นตั้งอยู่ที่ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี อันเป็นที่ตั้งโครงการหมู่บ้านเสมาฟ้าครามนครปัจจุบัน
ปี 2524 ธนาคารนครหลวงไทยเริ่มเข้าสู่ก้าวกระโดด เมื่อประยูร จินดาประดิษฐ์
เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่พร้อม ๆ กับอนุตร์ อัศวนนท์ เป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่
หลังจากนั้นธนาคารทหารไทย ก็เปลี่ยนโฉมหน้าจากธนาคารทหารมาเป็นธนาคารพาณิชย์
ขยายธุรกิจเข้าสู่ภาคธุรกิจอื่น ๆ อย่างขนานใหญ่ ตั้งแต่อุตสาหกรรมน้ำตาล
จนถึงบ้านจัดสรร กรณีพรชัย สิงหเสมานนท์กับหมู่บ้านฟ้าครามนครนั้นได้เข้ามาบรรจบในสถานการณ์เช่นว่านี้
มีผู้พยายามอธิบายกรณีนี้ในหลายแง่ แต่ข้อสรุปที่ลงตัวก็คือพรชัยได้นำที่ดินในมูลค่าที่คุ้มกับจำนวนเงินที่ธนาคารทหารไทยปล่อยไป
นั้นมาเป็นเรื่องธุรกิจอย่างแท้จริง ที่ไม่น่ามีสิ่งใดแอบแฝง
บริษัทเสมาการลงทุน (ต่อมาเปลี่ยนเป็นเสมาฟ้าครามนคร) ก่อตั้งเมื่อวันที่
16 กุมภาพันธ์ 2525 ในเวลา 7 เดือนต่อมาบริษัทเสมาฟ้าครามฯ ก็ได้นำโฉนดที่ดิน
72 ไร่ของพรชัย สิงหเสมานนท์ ประธานกรรมการบริษัท มาขอจดจำนองค้ำประกันกู้เงินเกินบัญชี
10 ล้านบาท เงินกู้ 15 ล้านบาท กับธนาคารทหารไทยในวันที่ 14 ตุลาคม อีก 5
วันต่อมาธนาคารทหารไทยก็รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทเสมาฟ้าครามฯ ที่ต้องชำระแก่บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงิน
10 ล้านบาท ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นทางธุรกิจระหว่างธนาคารทหารไทยกับบริษัทเสมาฟ้าครามฯ
อย่างเป็นการเป็นงาน
หลังจากนั้นก็ดำเนินธุรกิจระหว่างกันสืบเนื่องมาจนถึงเดือนพฤษภาคม 2527
รวมทั้งสิ้นแล้วบริษัทเสมาฟ้าครามฯ เป็นหนี้ธนาคารทหารไทยทั้งหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี
หนี้เงินกู้กับเงินกู้ชั่วคราว และหนี้ขอให้ธนาคารทหารไทยอาวัลการใช้เงินตามสัญญาใช้เงินรวมเงินต้นและดอกเบี้ย
112,544,365.37 บาท ในอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 17.5 - 19% ต่อปี โดยบริษัทเสมาฟ้าครามฯ
นำที่ดิน 2 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นหมู่บ้านฟ้าครามนครปัจจุบันกับที่ดินที่สำโรงอันเป็นกรรมสิทธิ์ของ
โสภณ หงษ์ดำ ซึ่งไม่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับพรชัยอย่างไร
แท้จริงธุรกิจบ้านจัดสรรในปี 2525 นั้นเริ่มถดถอย แทนที่ด้วยคอนโดมิเนียมกำลังบูมอย่างเห็นได้ชัดในใจกลางเมือง
ประกอบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่บริษัทเสมาฟ้าครามฯ กู้นั้นก็อยู่ในระดับสูง
การที่พรชัยดำเนินโครงการบ้านจัดสรร 2 โครงการ และขายได้หมดก็ต้องนับว่ามีฝีมือ
จุดขายของฟ้าครามนครคือซื้อผ่อนส่งในราคาถูก ตั้งแต่ 1,000 บาท เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียวแบ่งออกเป็น
2 ล็อค ๆ แรกจำนวน 397 หลัง ในเนื้อที่ 34 ตารางวา ล็อคที่สอง 400 กว่าหลัง
เนื้อที่ 40 ตารางวา ในปี 2525 ราคาเริ่มต้น 2.39 แสนบาทต่อหลัง และค่อย
ๆ เพิ่มอยู่ตลอดเวลา บางคนมองเป็นการปั่นราคาที่ดิน แต่ผลอีกประการหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือสร้างแรงกระตุ้นให้คนซื้อบ้านกันมากขึ้น
พรชัยประกาศว่าซื้อบ้านของเขาไม่ต้องมีเงินดาวน์ ใช้แต่เงินผ่อนไม่เสียดอกเบี้ย
โดยทำสัญญา 60 เดือน (5 ปี) กับบริษัท หากผู้ซื้อผ่อนชำระเป็นเวลา 36 เดือน
ๆ ละ 2,000 บาท จะเข้าอยู่ได้ทันที
นอกจากนี้หลักประกันโครงการอีกประการหนึ่งก็คือปลายปี 2525 บริษัทเสมาฟ้าครามฯ
ได้ยกป้ายโฆษณาว่า "ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารทหารไทย" ขึ้นหน้าโครงการ
ปัจจุบันมีประมาณ 500 ครอบครัวได้เข้าไปอยู่แล้วในหมู่บ้านเสมาฟ้าครามฯ
ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครู ทหาร โดยเฉพาะทหารอากาศ ตำรวจ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย
กลุ่มลูกค้าเหล่านี้คุยกับพรชัยรู้เรื่อง ซ้ำยังยกย่องนับถือพรชัยอีกด้วย
"ส่วนหนึ่งมาซื้อบ้าน เพราะเชื่อถือคุณพรชัยว่าเป็นคนดี ธรรมะธรรมโม
ซึ่งกระเดียดไปทางคนมีบุญหรือคนลักษณะพิเศษ" บางคนกล่าว
ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ขายบ้านแบบสมัยใหม่ มีธนาคารหนุนหลัง มีระบบการผ่อนชำระที่ดี
(ผ่อนน้อย ๆ นาน ๆ ) พรชัยได้หันมาสร้าง "ภาพพจน์" ตัวเองอย่างขนานใหญ่
ตามทรรศนะนักการตลาดของเขา เขาวาดภาพโครงการหมู่บ้านเสมาฟ้าครามฯ ให้ชาวบ้านอย่างเลิศเลอ
จะว่าไปแล้วเขาก็สามารถทำสิ่งเหล่านั้นให้ปรากฏเป็นพยานหลักฐานไม่น้อย
"ในหมู่บ้านยังมีรถม้าลำปางแท้ ๆ วิ่งรับ - ส่งคนในหมู่บ้าน สวนดอกไม้เอย
สระว่ายน้ำ ภัตตาคาร คอกเทลเลาจน์ ต่อไปจะมีโรงเรียน มีสถานพยาบาล โรงยิมฯ
และอื่น ๆ เพิ่มเติมอย่างนี้แล้วคุณยังคิดว่าลูกค้าไม่ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าหรือกับบ้านราคาสองแสนกว่าถึงสามแสนกว่าเท่านั้น"
พรชัย เคยคุยเอาไว้กับนิตยสารรายเดือนที่รู้กันว่าสนิทสนมกับเขาเป็นอย่างดี
นอกจากสาธารณูปโภคที่สิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว ยังปรากฏพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร
โดยเบื้องพระพักตร์หันไปทางสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่สูงขนาดตึก
5 ชั้น หันหน้าเข้าหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีเวทีกลางแจ้ง มีกรงนกและสัตว์อันเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อม
สิ่งอำนวยความสะดวกทางใจของหมู่บ้านนี้ที่พรชัยเขาทุ่มทุนอย่างมากก็คือ
"พุทธเสมาสถาน" ประดิษฐ์พระเจ้าห้าองค์บนเนื้อที่ 11 ไร่
รวม ๆ แล้วการลงทุนหลายสิบล้านบาท และต้องยอมรับว่าพรชัย สิงหเสมานนท์ เป็นนักการตลาดที่เข้าใจ
"ชาวบ้าน" ได้ดีมาก กลยุทธ์การตลาดของเขาผสมผสานอย่างกลมกลืนมาก!
สุดท้ายก็คือการปฏิบัติตนเป็นคนน่าเลื่อมใส คนที่รู้จักพรชัยเชื่อว่าเขาเป็นคนยึดมั่นในศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
รวมไปถึงแนวคิดทางไสยศาสตร์ด้วย เช่น อ้างว่าตนเป็นร่างทรงของหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
สมุทรปราการ โดยที่เขาจะทำพิธีเช่นว่านี้ติดต่อกันหลายวันในหนึ่งสัปดาห์
แม้แต่นักธุรกิจผลิตหม้อแปลงที่ล้มเหลวคนหนึ่งยังต้องพึ่งและเชื่อถือเป็นนักหนา
แผนการส่งเสริมการขายของเขาทุกรูปแบบจริง อันรวมไปถึงการจ่ายเงินกับหนังสือพิมพ์บางฉบับ
นิตยสารบางเล่มเขียนเชียร์ และในอีกรูปแบบหนึ่งก็ทุ่มทุนแจ้งความโฆษณาอย่างเปิดเผยด้วย
และก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสถาบันการเงินที่เคยล้มมาแล้ว โดยเฉพาะบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
กล่าวคือยามใดมีปัญหาหนักการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์จะหนักหน่วงมาก
พรชัยเป็นแบบฉบับของการบริหาร "วันแมนโชว์" อย่างสุดขั้ว ครั้นเมื่อเขาถูกจับไปจึงไม่มีใครตัดสินใจแทนเขาทำเอาลูกน้องที่เหลือสับสนวุ่นวายกันไปหมด
ทำอะไรไม่ถูก
เคยมีคนตั้งคำถามว่า กลยุทธ์ทางการตลาดนั้นต้องพลิกแพลงเข้ากับสถานการณ์และเงื่อนไข
และไม่จำกัดอยู่เพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่ทั้งนี้นักการตลาดอย่าเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ตนเองทำ
ที่นอกเหนือกฎเกณฑ์อันเป็นวิทยาศาสตร์ทางธุรกิจ ดั่งเช่นพรชัย สิงหเสมานนท์เชื่อว่าตนเองคือเทพ
เข้าทำนอง "เราเหมือนพระอาทิตย์ถึงเมฆามาบดบังก็เพียงชั่วขณะเดียว แล้วก็ผ่านไป"
เขาเคยพูดกับคนใกล้ชิดเมื่อถูกทางการจ้องจะเล่นงานทางกฎหมาย
นักการตลาดมืออาชีพคนหนึ่งเมื่อทราบสไตล์และแนวคิดการบริหารของพรชัย สิงหเสมานนท์แล้ว
ก็ลงความเห็นธุรกิจของเขา "เป็นไปได้ยากมาก"
พรชัยตั้งสูตรสำเร็จขึ้นมา ที่ดินที่เขาซื้อเมื่อปี 2525 ราคาตารางวาละ
250 บาท (จากปากของ น.ส. ผล หินกลัด เจ้าของที่กว่าครึ่งบอก "ผู้จัดการ"
ว่าขายให้พรชัยราคาไร่ละ 1 แสนบาท) ปัจจุบันอ้างว่าราคาขึ้นไปถึง 2 ล้านบาท
หรือประมาณ 20 เท่า ซึ่งความเป็นจริงที่ดินรอบนอกหมู่บ้านเสมาฟ้าครามฯ เท่าที่
"ผู้จัดการ" สำรวจราคาแทบไม่ได้ขยับขึ้นจากไร่ละ 1 แสนบาทเท่าใดนัก
ผู้มองโลกในแง่ดีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า พรชัยคงจะไม่ได้ตั้งใจถลำเข้าสู่การเล่นแชร์ในครั้งแรก
แต่สถานการณ์บีบบังคับ!?!
ปมเงื่อนนั้นเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค เกี่ยวกับการปลอดจำนองที่ดินจากธนาคารทหารไทยเพื่อโอนให้ลูกหนี้เพื่อนำไปขออนุญาตจัดสรรกับกรมที่ดิน
ซึ่งทำให้พรชัยและโครงการฟ้าครามฯ ประสบมรสุม 2 ทางในเวลาเดียว หนึ่ง - กรมที่ดินได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาจัดสรรโดยไม่ได้รับอนุญาต
สอง - ธนาคารไทยฟ้องเรียกค่าเสียหาย ฐานผิดสัญญาค้ำประกัน อันเป็นสัญญาณว่าธุรกิจที่ดินของพรชัยมีปัญหาครั้งยิ่งใหญ่
นักธุรกิจที่ดินคร่ำหวอดคนหนึ่งแย้งว่าแม่ไม่ใช่ปัญหานี้ ก็ยากจะดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จ
"ไม่มีแบงก์ไหนจะปล่อยกู้กับคนที่บริหารงานเช่นนี้หรอก" เขาเน้น
ซึ่งสรุปได้ว่าธุรกิจนี้จะไปได้อยู่ที่เงินทุน อันเป็นลักษณะพิเศษของธุรกิจนี้ต้องใช้ทุนจำนวนมาก
ต้นปี 2528 ช่วงเดียวกับที่ธนาคารทหารไทยยื่นฟ้องนั้น แชร์วงบันลือโลก แชร์แม่ชม้อยก็กำลังถึงกาลอวสาน
ส่งผลกระเทือนไปทุกหย่อมหญ้า และต่อเนื่องมาจนถึงแชร์แม่นกแก้ว แชร์ชาเตอร์
ปรากฏชัดว่าลูกค้ารายใหญ่ของกลุ่มแชร์นอกกฎหมายคือพวกทหารอากาศ ซึ่งมีที่พำนักไม่ไกลจากเสมาฟ้าคราม
เท่าใด
พรชัยเองก็มีประสบการณ์เรื่องแชร์ ๆ ทรัสต์เถื่อน ๆ พอสมควร อีกทั้งในหมู่บ้านนี้ก็มีการเล่นกันเองอยู่บ้าง
เล่นข้างนอกบ้าง บางคนบอกว่าลูกค้ามาซื้อของพรชัยได้เล่นแชร์เถื่อน รวมไปจนถึงการที่หมู่บ้านเสมาฟ้าครามฯ
ทำหนังสือเชิญชวนให้ชาวบ้านที่พำนักในหมู่บ้านเสมาฟ้าครามฯ ลงทุนซื้อหุ้นบริษัท
ซึ่งเข้าใจกันว่า เป็นจุดเริ่มอย่างแท้จริงของการถลำของพรชัย ลงสู่เบื้องต่ำเช่นนี้
และที่น่าแปลกใจไม่น้อยที่ลูกค้าเข้าร่วมขบวนการเงินต่อเงินนี้เป็นคนที่อกหักมาจากแชร์เถื่อน
ๆ วงดัง ๆ ในอดีตประมาณ 30% นักสังเกตการณ์บางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตกลุ่มคนพวกนี้ได้ก่อตัวขึ้นมาซึ่งประกอบด้วย
ภรรยานายทหาร-ตำรวจ ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจดีพอ แต่เข้าใจเรื่องปล่อยกู้กินดอกเบี้ย
เล่นแชร์พื้น ๆ แบบชาวบ้านจนถึงระดับประเทศค่อนข้างละเอียด "ปกติอยู่เฉย
ๆ ก็เล่นไพ่กันอยู่แล้ว" เขาแจงรายละเอียดให้เห็นจริงจัง ข้าราชการครูที่สะสมเงินทองค่อนข้างมัธยัสต์
แต่เป็นผู้บริโภคที่ตัดสินใจง่าย และก้าวไม่ทันกลโกงทางธุรกิจ (โปรดอ่านล้อมกรอบ)
รวมไปถึงกลุ่มชาวนาที่พัฒนาอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยด้วย
จุดของความล้มเหลวทางธุรกิจอย่างฉกาจฉกรรจ์ของพรชัย อยู่ที่การกำหนดท่าทีกับธนาคารทหารไทยไม่ถูกต้อง
เมื่อเกิดฟ้องร้องในศาลก็ยกประเด็นส่วนตัวขึ้นมาต่อสู้เช่นอ้างว่า ธนาคารทหารไทยไม่พอใจเรื่องเป็นพยานกรณีธนาคารทหารไทยมีคดีกับผู้รับเหมารายหนึ่ง
จึงกลั่นแกล้ง ทั้งมุ่งแก้ภาพพจน์มากไป ออกโรงฟ้องแย้งและเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก
"แกไปฝันหวานเอาแต่ว่าจะชนะคดี แล้วจะได้ค่าเสียหายเท่านั้นเท่านี้
ผมจะบอกให้อย่างเก่งก็ได้ไม่เท่าไหร่ และที่ผ่านมาลงได้เป็นคดีกับแบงก์แล้ว
ยากที่แบงก์จะแพ้ แต่แกดื้อรั้นและเชื่อมั่นตัวเองมากไป ไม่ฟังความเห็นคนอื่น"
หัวหน้าสายคนหนึ่งของบริษัทเสมาฟ้าครามฯ บ่นให้ฟัง
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาระดมเงินจากประชาชนที่อ้างว่าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจาก
5 ล้านเป็น 10 ล้านบาทภายในเวลาไม่นานนักนั้นสมควรอย่างยิ่งจะนำมาหมุนเวียนในการก่อสร้างโครงการต่อมาซึ่งมีแผนการจะสร้างทาวน์เฮ้าส์
3,750 หลัง แทนการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น คอกเทลเลาจน์อะไรเทือกนั้น
หรือนำเงินไปปลดจำนองที่ดินกับธนาคารทหารไทย เพื่อจะได้ถูกต้องตามกฎหมายการจัดสรรที่ดินให้แล้วไปในทัศนะของชาวบ้านเสมาฟ้าครามฯ
บางคน
ก่อนวันที่พรชัย จะถูกตำรวจจับนั้นเขาไม่มีความเป็นผู้ประกอบการหรือเถ้าแก่หลงเหลืออยู่เลย!