|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไอ.ซี.ซี.ฯปลุก “กุลสตรี” ตื่นจากหลับ งัดแผนรุกตลาดชุดชั้นในครั้งใหญ่รอบ 8 ปี รับมือตลาดในประเทศแข่งเดือดและเออีซี ลั่นปีนี้ต้องโต 30% เจาะตลาดใหม่อายุ 15-25 ปี เพิ่มช่องทางไดเรคเซลส์ เล็งสยายปีต่างประเทศโฟกัสอินโดจีนก่อน
นายบุญธรรม รัตนจรัสโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายชุดชั้นในกุลสตรี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุดชั้นในแบรนด์กุลสตรีซึ่งบริษัทสร้างขึ้นมานานกว่า 37 ปีแล้ว ทั้งในตลาดไทยและขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่รุนแรงในไทยและรับมือกับตลาดเออีซีที่จะมีผลสมบูรณ์แบบในปี 2015 ทำให้การแข่งขันจากอินเตอร์แบรนด์เพิ่มขึ้นด้วย โดยตลาดต่างประเทศบริษัทฯวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 20% จากปัจจุบันมีเพียง 5% เท่านั้น เพราะยังไม่เน้นหนัก ตลาดหลักคือ พม่า เวียดนาม เขมร เป็นต้น โดยจะเริ่มเน้นตลาดเอเชียก่อน
ขณะที่แผนรุกตลาดในประเทศ ปีนี้ทุ่มงบตลาดมากวกว่า 30 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมแบรนด์และกลยุทธ์ครั้งใหญ่รอบ 8 ปี โดยเริ่มที่การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสู่ไดเร็คเซลส์ผ่านทางฟรายเดย์ซึ่งเริ่มทดลองบ้างแล้ว และการเพิ่มยอดขายจากจุดจำหน่ายเดิมที่มีมากกว่า 400 ร้านค้า
รวมทั้งการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ไปยังผู้หญิงกลุ่มอายุ 15-24 ปี จากเดิมเน้นกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป สัดส่วน 70% และอายุ 25-35 ปี สัดส่วนรายได้ 30% เนื่องจากกลุ่มใหม่นี้เป็นฐานตลาดที่ใหญ่มีศักยภาพ โดยประชากรหญิงไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปมีประมาณ 27ล้านคน เป็นอายุ 15-24 ปีประมาณ 5 ล้านคน อายุ25-39 ปีประมาณ 7.9 ล้านคน และอายุ 40 ปีขึ้นไป ประมาณ 14ล้านคน ส่วนพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในมีความถี่ซื้อ 2-3 ชุดต่อครั้งต่อคนต่อ 2 เดือน และกลุ่ม 15 ปีขึ้นไปมีการซื้อเพิ่มขึ้นจาก 1-2 ชุดต่อคนต่อ 2 เดือนเป็น 3 ชุดต่อ คนต่อ 2 เดือนด้วย
นอกจากนั้นมีแผนจะขยายโปรดักส์ไลน์มากขึ้น เดิมมียกทรง กางเกงใน และชุดนอนเล็กน้อย จะเพิ่มสัดส่วนชุดนอนมากขึ้น และออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลคชั่น ”ใหญ่ เล็ก ชิด ห่าง” ซึ่งตอบโจทย์ได้ครบสำหรับขนาดหน้าอกของสตรีไทย โดยมีการทำตลาดเต็มรูปทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์
ทั้งนี้ ตลาดชุดชั้นในเมืองไทยมีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท เติบโต 10% ต่อปี แบ่งเป็น ระดับบน มูลค่า 5,000 ล้านบาท (ราคา 700 บาทขึ้นไป) มีแบรนด์วาโก้เป็นผู้นำตลาดแชร์ 58% รองมาคือ ซาบีน่า 15% ไทรอั๊ม 15% อื่นๆ 12% ส่วนระดับกลางมูลค่า 5,000 ล้านบาท (ราคา 200-700 บาท) โดยกุลสตรีเป็นผู้นำใกล้เคียงกับจินตนามีส่วนแบ่งรายละ 10% ซึ่งกลุ่มนี้มีมากกว่า 30 แบรนด์ท้องถิ่น และระดับล่าง (ราคา 50-200 บาท) มูลค่า 2,000 ล้านบาท
“เราอยู่ในกลุ่มระดับกลางซึ่งส่วนใหญ่ตลาดจะเน้นแข่งขันด้านโปรโมชั่น การลดราคาต่างๆ แต่เราพยายามทำในส่วนที่เป็นมูลค่าเพิ่มของตัวสินค้าและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงจุด”
สำหรับแผนการรุกตลาดครั้งใหญ่นี้ นายบุญธรรมกล่าวว่า จะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้จากชุดชั้นในกุลสตรีปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30% ซึ่งสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากรายได้รวมของกุลสตรีปีที่แล้ว 500 กว่าล้าบาท และจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 12% จากเดิม 10% จากมูลค่าตลาดกลุ่มนี้ที่มี 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการขยายตลาดกลุ่มใหม่เป็นหลัก
|
|
|
|
|