Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน27 พฤษภาคม 2554
“กุลสตรี”ปรับใหญ่รับตลาดดุ-เออีซีขยายฐานบราหญิงต่ำ25ปี-รุกอินโดจีน             
 


   
search resources

ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล, บมจ.
Clothings




ไอ.ซี.ซี.ฯปลุก “กุลสตรี” ตื่นจากหลับ งัดแผนรุกตลาดชุดชั้นในครั้งใหญ่รอบ 8 ปี รับมือตลาดในประเทศแข่งเดือดและเออีซี ลั่นปีนี้ต้องโต 30% เจาะตลาดใหม่อายุ 15-25 ปี เพิ่มช่องทางไดเรคเซลส์ เล็งสยายปีต่างประเทศโฟกัสอินโดจีนก่อน

นายบุญธรรม รัตนจรัสโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายชุดชั้นในกุลสตรี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุดชั้นในแบรนด์กุลสตรีซึ่งบริษัทสร้างขึ้นมานานกว่า 37 ปีแล้ว ทั้งในตลาดไทยและขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่รุนแรงในไทยและรับมือกับตลาดเออีซีที่จะมีผลสมบูรณ์แบบในปี 2015 ทำให้การแข่งขันจากอินเตอร์แบรนด์เพิ่มขึ้นด้วย โดยตลาดต่างประเทศบริษัทฯวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 20% จากปัจจุบันมีเพียง 5% เท่านั้น เพราะยังไม่เน้นหนัก ตลาดหลักคือ พม่า เวียดนาม เขมร เป็นต้น โดยจะเริ่มเน้นตลาดเอเชียก่อน

ขณะที่แผนรุกตลาดในประเทศ ปีนี้ทุ่มงบตลาดมากวกว่า 30 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมแบรนด์และกลยุทธ์ครั้งใหญ่รอบ 8 ปี โดยเริ่มที่การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสู่ไดเร็คเซลส์ผ่านทางฟรายเดย์ซึ่งเริ่มทดลองบ้างแล้ว และการเพิ่มยอดขายจากจุดจำหน่ายเดิมที่มีมากกว่า 400 ร้านค้า

รวมทั้งการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ไปยังผู้หญิงกลุ่มอายุ 15-24 ปี จากเดิมเน้นกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป สัดส่วน 70% และอายุ 25-35 ปี สัดส่วนรายได้ 30% เนื่องจากกลุ่มใหม่นี้เป็นฐานตลาดที่ใหญ่มีศักยภาพ โดยประชากรหญิงไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปมีประมาณ 27ล้านคน เป็นอายุ 15-24 ปีประมาณ 5 ล้านคน อายุ25-39 ปีประมาณ 7.9 ล้านคน และอายุ 40 ปีขึ้นไป ประมาณ 14ล้านคน ส่วนพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในมีความถี่ซื้อ 2-3 ชุดต่อครั้งต่อคนต่อ 2 เดือน และกลุ่ม 15 ปีขึ้นไปมีการซื้อเพิ่มขึ้นจาก 1-2 ชุดต่อคนต่อ 2 เดือนเป็น 3 ชุดต่อ คนต่อ 2 เดือนด้วย

นอกจากนั้นมีแผนจะขยายโปรดักส์ไลน์มากขึ้น เดิมมียกทรง กางเกงใน และชุดนอนเล็กน้อย จะเพิ่มสัดส่วนชุดนอนมากขึ้น และออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลคชั่น ”ใหญ่ เล็ก ชิด ห่าง” ซึ่งตอบโจทย์ได้ครบสำหรับขนาดหน้าอกของสตรีไทย โดยมีการทำตลาดเต็มรูปทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์

ทั้งนี้ ตลาดชุดชั้นในเมืองไทยมีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท เติบโต 10% ต่อปี แบ่งเป็น ระดับบน มูลค่า 5,000 ล้านบาท (ราคา 700 บาทขึ้นไป) มีแบรนด์วาโก้เป็นผู้นำตลาดแชร์ 58% รองมาคือ ซาบีน่า 15% ไทรอั๊ม 15% อื่นๆ 12% ส่วนระดับกลางมูลค่า 5,000 ล้านบาท (ราคา 200-700 บาท) โดยกุลสตรีเป็นผู้นำใกล้เคียงกับจินตนามีส่วนแบ่งรายละ 10% ซึ่งกลุ่มนี้มีมากกว่า 30 แบรนด์ท้องถิ่น และระดับล่าง (ราคา 50-200 บาท) มูลค่า 2,000 ล้านบาท

“เราอยู่ในกลุ่มระดับกลางซึ่งส่วนใหญ่ตลาดจะเน้นแข่งขันด้านโปรโมชั่น การลดราคาต่างๆ แต่เราพยายามทำในส่วนที่เป็นมูลค่าเพิ่มของตัวสินค้าและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงจุด”

สำหรับแผนการรุกตลาดครั้งใหญ่นี้ นายบุญธรรมกล่าวว่า จะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้จากชุดชั้นในกุลสตรีปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30% ซึ่งสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากรายได้รวมของกุลสตรีปีที่แล้ว 500 กว่าล้าบาท และจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 12% จากเดิม 10% จากมูลค่าตลาดกลุ่มนี้ที่มี 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการขยายตลาดกลุ่มใหม่เป็นหลัก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us