ธวัชชัย ถาวรธวัช อาจจะไม่ต้องมานั่งปวดหัวเช่นทุกวันนี้กับเรื่องอนาคตของบริษัทเงินทุนแหลมทองที่ก่อนหน้าจะเกิดโครงการ
4 เมษาเคยเป็นของเขา หากเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วเขาไม่ตัดสินใจทำโครงการสร้าง
"ตึกทอง" ขึ้นริมถนนสุขุมวิทระหว่างซอย 12 และซอย 14 เยื้อง ๆ
โรงแรมแอมบาสเดอร์
โครงการออฟฟิศคอนโดมิเนียมที่ยืดเยื้อยาวนานผิดปกติ
"สำหรับมือเก่าทางด้านรีลเอสเตทอย่างธวัชชัยแล้ว นับเป็นความซวยอย่างยิ่งที่มีปัญหามีมาให้โครงการตึกทองอย่างต่อเนื่อง"
คนที่สนิทกับธวัชชัยพูดกับ "ผู้จัดการ"
ตึกทองนั้นเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการประกาศว่าเป็นโครงการมหึมาลงทุนเกือบ
400 ล้านบาท สนับสนุนโครงการโดยธนาคารกรุงเทพ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คาเธ่ย์ทรัสต์
และที่ย่อมขาดไม่ได้แน่นอนคือ บริษัทเงินทุนแหลมทองของธวัชชัย ถาวรธวัช เอง
"แบงก์กรุงเทพตอนที่เริ่มโครงการใหม่ ๆ ก็หนุนเต็มที่ ทั้งนี้บริษัทสุขุมวิทคอนโดมิเนียมเจ้าของโครงการได้เอาโฉนดที่ดินบริเวณที่จะใช้ก่อสร้างมาจดจำนองไว้กับแบงก์ค้ำประกันเงินกู้
ครั้นต่อมาเมื่อบรรยากาศการก่อสร้างหยุดบูม หลาย ๆ โครงการพับฐานแบงก์กรุงเทพก็ขอหยุดการปล่อยเงินให้
ยกเว้นแต่จะมีการเพิ่มทุนให้คุ้มเสี่ยง ซึ่งเจ้าของโครงการไม่ยอม แบงก์กรุงเทพก็เลยถอนตัว"
ผู้บริหารระดับวงในที่รู้เรื่องดีเล่า
ตึกทองก็มีอันให้ต้องชะงักไปพักใหญ่
ครั้นต่อมาหุ้นส่วนรายหนึ่งของธวัชชัยมีช่องทางเข้าถึงรัฐบาลจีน สามารถใช้ลิ้นการทูตเจรจาจนยอมให้กู้เงิน
3.5 ล้านเหรียญหรือราว ๆ 80 ล้านบาทในขณะนั้น ดอกเบี้ย 8% โครงการตึกทองก็มีทีท่าคึกคักขึ้น
แต่ก็เจ้ากรรมจริง ๆ เงินกู้จากจีนก้อนนี้บังเอิญค้ำประกันโดยธนาคารเอเชียทรัสต์ยุคก่อนทางการเข้าไปยึด
ผู้บริหารของเอเชียทรัสต์คนหนึ่งก็แนะนำว่า น่าจะเอาไปไว้กับนทีทองที่เป็นทรัสต์ในเครือเพื่อจะได้ดอกผลสูงขึ้นขณะที่เงินยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทั้งหมด
ผลก็คือเงิน 70 ล้านบาทที่ฝากไว้กับนทีทอง สัปดาห์เดียวหลังจากนั้นเอเชียทรัสต์ก็ถูกยึดกระทบไปถึงทรัสต์ในเครือจนตึกทองเอาเงินออกมาใช้ดำเนินงานก่อสร้างไม่ได้
ตึกทองหยุดเดินหน้าอีกครั้ง
ธวัชชัยแก้ปัญหาด้วยการโอนทรัพย์สินของตึกทองมาวางไว้กับเงินทุนแหลมทองแทนธนาคารกรุงเทพในวงเงิน
120 ล้านบาท เพิ่งจะเอาเงินออกไปใช้เพียง 70 กว่าล้านบาทก็เกิดวิกฤตการณ์ที่กระทบสถาบันการเงินและบีบบังคับให้เขาต้องหลบภัยด้วยการนำแหลมทองเข้าโครงการ
4 เมษา และเมื่อทางการส่งคนเข้ามาบริหาร โครงการตึกทองก็ถูกดองไม่ยอมปล่อยเงินให้อีกต่อไป
"ก็ทำผิดสัญญาก็เลยงดการปล่อยเงินให้ ทั้ง ๆ ที่วงเงินยังพอปล่อยได้…"
ธวัชชัย ถาวรธวัช บอกเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา
ธวัชชัยเล่าว่า ตึกทองนั้นถึงขณะนี้ใส่เงินไปแล้วราว ๆ 200 ล้านบาทและจะต้องใส่เข้าไปอย่างน้อยอีกเท่า
ๆ กันเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ตามที่ตั้งเป้า เขาเชื่อมั่นมากในความเป็นไปได้ของโครงการโดยเฉพาะผลตอบแทน
"คือมันล่าช้ามาก ดอกเบี้ยก็กินไปมาก แต่กำไรยังพอมี…"
ปัญหาก็คือต้องมีแหล่งเงินเข้ามาสนับสนุน หาไม่แล้วเจ้าหนี้ก็คงจะต้องเอาไปทำกันเองให้รู้แล้วรู้รอด
หลายปีมานี้ธวัชชัยก็เลยต้องดิ้นสุดเหวี่ยง
เขาเดินเรื่องไปถึงสถานทูตจีนบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเงินกู้
70 ล้านบาทใน 80 ล้านบาทที่นอกจากจะไม่สามารถเอาออกมาใช้จ่ายได้แล้วก็ยังไม่ทราบว่าจะใช้คืนอย่างไรได้ด้วย
สถานทูตจีนก็ทำหนังสือไปถึงกระทรวงการคลัง ต่อมาธนาคารสยามก็แสดงความจำนงขอรับเปลี่ยนตั๋วให้
เองก็เลยคลายไปหนึ่งเปลาะ
และเปลาะต่อไปที่ธวัชชัยต้องการมาก ๆ ก็คือ ได้แหลมทองกลับมาเป็นฐานการเงินให้กับโครงการที่อาจจะกลายเป็นตึกตะกั่วแห่งนี้ให้จงได้