Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2530
อั้นฟองเหลาฯ โรคซ้ำ กรรมซัดวิบัติเป็น             
 


   
search resources

Import-Export
Agriculture
อั้นฟองเหลาไมฮง, บจก.
พจน์ วงศ์ศรีชนาลัย




อั้นฟองเหลาไมฮง บริษัทค้าข้าวระดับท็อปเท็น ล้มตึงเมื่อปี 2526 เป็นข่าวใหญ่สั่นสะเทือนทั้งวงการค้าส่งออกข้าว และวงการธนาคาร!!!

อั้นฟองเหลาไมฮง เป็นบริษัทส่งออกข้าว ก่อตั้งเมื่อปี 2471 หรือประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทในเครือ 2 แห่ง -- บริษัทไทยตรง ดำเนินธุรกิจทุกอย่างเหมือนบริษัทแม่ กับบริษัทโรงสีศรีชัย ดำเนินกิจการโรงสี 2 แห่งที่บุรีรัมย์และสระบุรี ดำเนินกิจการโดยพจน์ วงศ์ศรีชนาลัย พื้นเพเป็นชาวจีนกวางตุ้ง อดีตเคยเป็นครูอยู่เมืองจีน เขาได้ชื่อและยอมรับกันว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่หาได้ยากในวงการค้าข้าวและมีบทบาทในสมาคมผู้ค้าข้าวออกต่างประเทศตลอดมา

นอกจากนี้พจน์ยังได้ชื่อว่าสนิทสนมเป็นพิเศษกับสุลต่านบรูไน ถึงขั้นเคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้น "ดาโต๊ะ" ด้วย จึงเป็นที่รู้กันว่าเมื่อครั้งอั้นฟองเหลายังอยู่ตลาดข้าวที่บรูไนนั้นไม่มีใครแทรกเข้าไปได้เลย

การล้มของอั้นฟองเหลาไมฮงถูกประเมินว่า จากนี้ไปธุรกิจค้าส่งออกข้าวซึ่งถือกันว่ายิงใหญ่ทรงอิทธิพลในประเทศนี้นั้น จะไม่มีความมั่นคง แน่นอนอีกแล้ว อันเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากระบบจัดสรรโควต้ามาสู่การค้าเสรี ธุรกิจค้าข้าวต้องแปรปรวนทะยานเข้าสู่ตลาดข้าวโลกอันปั่นป่วน ผู้บริหารธุรกิจแบบ "เถ้าแก่" กำลังถูกท้าทายอย่างหนัก

จากวันนั้นเองบรรดายักษ์ใหญ่ค้าข้าวในอดีตได้ลดบทบาทลงอย่างเห็นได้ชัด หันไปทำการค้า-ลงทนชนิดอื่นกันมากขึ้น ธุรกิจค้าข้าวที่มีกำไรดีนั้นไม่หวนกลับอีกแล้ว

แท้ที่จริงอั้นฟองเหลาไมฮงมี "แบ็ค" อย่างแน่นหนาถาวรเพราะธนาคารกรุงเทพถือหุ้นใหญ่กว่า 20% (เท่าที่ทราบ) โดยมีชิน โสภณพนิช เป็นประธานกรรมการ และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน "ห้าเสือ" ค้าข้าวผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับธนาคารกรุงเทพ

การล้มของอั้นฟองเหลาจึงไม่ใช่คำตอบของยุคสมัยหนึ่งที่ว่าธุรกิจล้มลง เพราะไม่มีแหล่งการเงินหนุนหลังอย่างแน่นอน

หากพิจารณาผลประกอบการแล้ว อั้นฟองเหลาฯ มิได้ขาดทุนมากมาย เช่นบางบริษัทในปัจจุบันบางบริษัทด้วยซ้ำ ทั้งนี้ขาดทุนสะสมเพียง 61 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่บริษัททุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท สินทรัพย์รวมประมาณ 64 ล้านบาท ในขณะที่หนี้สิน 112.2 ล้านบาท ว่ากันว่าชิน โสภณพนิชให้ความสำคัญบริษัทนี้มาก ถึงกับมาร่วมวงประชุมชี้ชะตาด้วยตนเอง ซึ่งได้ข้อสรุปว่าควรเลิกกิจการดีกว่าจะต้องเพิ่มทุนอีก

ข้อสรุปความล้มเหลวของอั้นฟองเหลาฯ กระจ่างชัดแล้วในวันนี้ กล่าวคือผู้บริหารไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางการค้า และไม่อาจหาผู้สืบทอดกิจการได้ พจน์ วงศ์ศรีชนาลัย อายุมากแล้ว เขามีประสบการณ์ความสำเร็จในการค้าข้าวในยุคก่อนที่ไม่มีการแข่งขันรุนแรง มีระบบโควต้าชนิดใครอยู่นานได้มาก ที่สำคัญเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือในบริษัทอั้นฟองเหลาที่รู้เรื่องข้าวดีที่สุดมองหาใครไม่เห็นอีกแล้วที่จะมารับช่วงได้

สู้วางมือดีกว่าเจ็บตัวมากกว่านี้!

หลังจากการจากไปของอั้นฟองเหลาและบริษัทในเครือวงการค้าส่งออกข้าวเผชิญมรสุมลูกแล้วลูกเล่าซึ่งหนักหน่วงกว่าหลายเท่า เรื่องราวของอั้นฟองเหลาจึงจมหายไปในอดีต

พจน์ วงศ์ศรีชนาลัยเองรู้สึกเจ็บปวดกับชีวิตมาก บวกกับวัยชราไม่อาจต้านโรคร้ายได้และแล้วเขาก็เป็นอัมพาต นอนเฝ้าอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน วันนี้เขาก็นอนอยู่กับบ้านนาน ๆ เพื่อนฝูงในอดีตจะมาเยี่ยมสักหน บริษัทอั้นฟองเหลาฯ ไทยตรง และโรงสีของเขาเลิกกิจการอย่างเด็ดขาด สำนักงานปัจจุบันปิดตาย ชื่อบริษัทถูกแกะออกแต่ยังพอเห็นร่องรอยชื่อเดิมอยู่

ที่หน้าสำนักงานซึ่งถูกปิดตายปรากฏเอกสารที่ใคร ๆ ไม่ปรารถนาปรากฏอยู่ ในจำนวนนั้นมีหมายเรียกและสำเนาฟ้องล้มละลายบริษัทไทยตรง (บริษัทในเครือ) โจทก์คือกรมสรรพากรโดยมีบัณฑิต บุณยะปานะเป็นอธิบดี

ฐานไม่ยอมจ่ายภาษีย้อนหลังเป็นเงิน 2,634,734 บาท!!!

กล่าวคือกรมสรรพากรได้ค้นข้อมูลจากไหนไม่ทราบว่าระบุบริษัทไทยตรงชำระภาษีนิติบุคคลระหว่างปี 2521-2523 ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องต้องชำระเพิ่มอีก 1,515,923.21 บาท รวมกับภาษีอากรอื่น ๆ อีกรวมแล้วเป็นเงิน 2,196,565.57 บาท และการไปชำระตามกำหนด บริษัทไทยตรงจึงต้องชำระเพิ่มเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นดังกล่าวข้างต้น

กรมสรรพากรทำหนังสือทวงถามไปหลายครั้ง ล่าสุดคือวันที่ 26 ธันวาคม 2528 และแล้ววันไม่ดีคืนไม่ดี กรมสรรพากรได้ยื่นฟ้องล้มละลายบริษัทไทยตรง เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา

เรื่องอย่างนี้คงทำเอาบรรดาผู้ส่งออกข้าวเสียวกันไปหลายคน จริงไหม!?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us