Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2530
สยามกัมมาจลกับสยามซิตี้แบงก์ 67 ปีในอดีตเหมือนความฝันวันวาน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารไทยพาณิชย์

   
search resources

ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
Banking




คำตอบในปัจจุบันสำหรับบางคำถาม หาได้จากอดีต บางทีเรื่องมากมายในปัจจุบันที่ทำเอาวุ่นวายสับสน เมื่อย้อนอดีตแล้วก็พอจะมองภาพกระจะ ๆ บางภาพได้

ดังจะเล่าเรื่องแบงก์สยามกัมมาจล ในปี 2543 ที่หลายคนลืมและไม่เคยได้ยินมาก่อนตรงนี้

แบงก์สยามกัมมาจล ตั้งขึ้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2450 มีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท โดยกลุ่มราชวงศ์ถือหุ้นประมาณ 50% ชาวจีน (รวมทั้งชาวจีนซึ่งมีบรรดาศักดิ์) ประมาณ 35% ที่เหลือกลุ่มธนาคารเดนมาร์คและเยอรมัน แต่การบริหารงานธนาคารส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของฝรั่ง ส่วนคนจีน ฉลอง ไนยนารถ (ยู่เซ็งเฮง) เป็นผู้จัดการสาขาราชวงศ์

กลุ่มคนจีนเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่มีกิจการค้าข้าว โรงสีต่อมาได้ตั้งธนาคารของตนเอง ยู่เซ็งเฮงตั้งธนาคารยู่เซ็งเฮง ฮุนกิมฮวด (โกศล ฮุนตระกูล พ่อสมหมาย ฮุนตระกูล) ตั้งธนาคารบางกอกซิตี้แบงก์

ความจริงกลุ่มคนจีนเหล่านี้มีโยงใยทางการค้าเหมือนกลุ่มเดียวกัน แม้แต่ธนาคารทั้งสองแห่งก็ถือหุ้นกันไปกันมา และได้รับพระบรมราชานุญาต

ปี 2453 ธนาคารบางกอกซิตี้ ที่ฮุนกิมฮวดเป็นผู้จัดการประสบวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง การส่งออกข้าวลดฮวบ ยังผลให้ธนาคารนี้ซวนเซ คนแห่ถอนเงินเป็นการใหญ่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีธนาคารยู่เซ็งเฮงก็เข้ามาอุ้ม จ่ายเงินคืนแก่ผู้ถอนคืน ต่อมาไม่นานธนาคาร 2 แห่งก็รวมกันตั้งเป็นธนาคารจีนสยาม

จากหนี้สินจำนวนมากที่ค้างอยู่ ประกอบกับธนาคารแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ล้ม ซึ่งเป็นธนาคารมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการค้าของชาวจีนในไทยอย่างมาก อีกทั้งเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงมากขึ้นทุกขณะ

ธนาคารสยามกัมมาจลโดยยู่เซ็งเฮง ผู้จัดการสาขาราชวงศ์ ได้นำเงินจำนวน 3,673,817 บาท เข้ามาอัดฉีดธนาคารจีนสยาม แต่ก็ไม่สามารถพยุงธนาคารดังกล่าวได้ จนต้องล้มไปในที่สุด

จะว่าไปแล้วธนาคารของชาวจีนก็คือ บริษัทครอบครัวชาวจีนนั่นเอง

ปรากฏต่อมาการที่สยามกัมมาจลเข้าช่วยธนาคารจีนสยามนอกจากจะเป็นเงินจำนวนมากแล้ว ธนาคารจีนสยามยังนำตั๋วเงินเก๊มาค้ำประกันไว้จำนวนมาก รวมแล้วลูกหนี้ที่ไม่อาจเรียกเก็บหนี้ได้มีจำนวนเงินถึง 5.3 ล้านบาท

การจะปล่อยให้ธนาคารสยามกัมมาจลนั้นล้มนั้นเป็นเรื่องเสียหายมากทางเศรษฐกิจ อีกทั้งจะเสียพระเกียรติยศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ทรงเห็นว่าไม่อาจปล่อยให้ธนาคารสยามกัมมาจลล้มไปได้ กระทรวงพระคลังจึงมีคำสั่งลดทุนเหลือเพียง 10% หรือ 3 แสนบาท พร้อมทั้งเพิ่มทุนทันทีอีก 3 ล้านบาท พระคลังข้างที่ซื้อหุ้นในส่วนของตน ส่วนกระทรวงพระคลังซื้อหุ้นทั้งหมดส่วนที่เหลือ ซึ่งชาวจีนดังกล่าวข้างต้นไม่มีปัญญาซื้อหุ้นเพิ่มอีกแล้ว

ความผิดทั้งหลายทั้งปวงตกอยู่กับ ยู่เซ็งเฮง (ฉลอง ไนยนารถ) กับนายเชย (พระสรรพการหิรัญกิจ) ซึ่งเป็นชาวจีนภายใต้พระบรมโพธิสมภารทั้งคู่ ทั้งสองต้องชดใช้ถูกทางการยึดทรัพย์จนหมดตัว ไม่ว่าบ้านและที่ดิน

ธนาคารสยามกัมมาจลต่อมาคือธนาคารไทยพาณิชย์ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "SIAM COMMERCIAL BANK" คล้าย ๆ กับชื่อภาษาอังกฤษของธนาคารนครหลวงไทย ที่ว่า "SIAM CITY BANK" เสียด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us