ประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
โมเดลชอปปิ้งมอลล์รูปแบบใหม่ยังเกิดขึ้นในเมืองไทยได้เสมอ จนวันนี้เกิด “ดูอัล” มอลล์ ครั้งแรกในประเทศไทย ที่เป็นการรวมตัวระหว่างห้างสรรพสินค้ากับไลฟ์สไตล์มอลล์เกิดเป็น “ไฮบริดมอลล์” ในลักษณะของ 1 ทำเล 2 รูปแบบชอปปิ้งมอลล์ เติมเต็มไลฟ์สไตล์ตั้งแต่นักชอปทั่วไปจนถึงกลุ่มพรีเมียมกระเป๋าหนัก
กระแสการเกิดขึ้นของคอมมูนิตี้มอลล์และไลฟ์สไตล์มอลล์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จากกระแสของนักชอปที่นิยมเดินชอปใกล้บ้านและนักชอปที่ต้องการสถานที่ชิลชิลเพื่อเดินเล่น
แต่คนที่มาทีหลังจะต้องมีอะไรดีพร้อมที่จะดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคให้เข้าสู่ศูนย์ชอปปิ้งของตนเอง ยิ่งมอลล์ที่เกิดขึ้นใหม่อยู่ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง ยิ่งต้องมีทีเด็ดอยู่ในมือไว้ให้โชว์ได้เหนือคนอื่น
อย่างพื้นที่บริเวณรามอินทราในรัศมี 10 กิโลเมตรใกล้กับแฟชั่น ไอส์แลนด์ มีคอมมูนิตี้มอลล์และไลฟ์สไตล์มอลล์ตั้งเผชิญหน้ากันอยู่ถึง 6-7 แห่ง แต่ด้วยพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ย่อมเป็นที่หมายปองของผู้เข้ามาลงทุนใหม่
ไลฟ์สไตล์มอลล์ “เดอะ พรอมานาด” จึงเกิดขึ้นล่าสุดโดยบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารแฟชั่น ไอส์แลนด์
จุดเริ่มต้นของ “เดอะ พรอมานาด” เกิดขึ้นจากการที่สยามรีเทลฯ มองเห็นศักยภาพและการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณคนที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยมีคนเข้ามาใช้บริการ 80,000 คนต่อวัน มีรถที่เข้ามาใช้บริการที่จอดรถประมาณ 18,000-24,000 คันต่อวัน นับว่ามีปริมาณสูงกว่าศูนย์การค้าทั่วไป
ประกอบกับศักยภาพกำลังซื้อของผู้อยู่อาศัยย่านรามอินทรา จากการสำรวจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในรัศมี 5-10 กิโลเมตรบริเวณรอบศูนย์การค้า พบว่าสังคมที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จำนวนหมู่บ้านระดับพรีเมียมที่มีมูลค่าสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี นับได้มากกว่า 22,000 ครัวเรือน รวมแล้วมีผู้อยู่อาศัยกว่า 1 แสนคน โดยครึ่งหนึ่งมีรายได้ครอบครัวต่อเดือนเฉลี่ยกว่า 200,000 บาท
“ยังไม่มีศูนย์การค้าใดในย่านนี้ที่ตอบรับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ตรงใจ”
เป็นคำกล่าวของ ประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ และ “เดอะ พรอมานาด” กล่าว
เดอะ พรอมานาด จึงเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกับศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ที่มีปริมาณคนใช้บริการ (Traffic) และกำลังซื้อมากพอที่จะส่งต่อแก่กัน เดอะ พรอมานาด จึงถือเป็น “ไฮบริดมอลล์” แห่งแรกของประเทศไทย จากการผนึกกำลังกับแฟชั่น ไอส์แลนด์ ทั้ง 2 ศูนย์การค้าจะช่วยตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในย่านรามอินทราได้อย่างครอบคลุมในจุดเดียว ทั้งกลุ่มพรีเมียมสำหรับเดอะ พรอมานาด และกลุ่มทั่วไปสำหรับแฟชั่น ไอส์แลนด์ โดยทั้ง 2 ศูนย์ฯ ยังเชื่อมต่อกำลังซื้อมหาศาลสู่กันด้วยสะพานทางเชื่อมที่ใช้เวลาเดินต่อถึงกันเพียงไม่ถึง 1 นาที
“เรารู้จุดอ่อนของคอมมูนิตี้และไลฟ์สไตล์มอลล์บ้านเรา จึงเกิดการพัฒนาไลฟ์สไตล์มอลล์เวอร์ชั่นเมืองไทยขึ้นโดยเฉพาะ เป็นมอลล์ที่ไม่กลัวร้อนและไม่ต้องกลัวฝน”
หากมองในแง่การลงทุน สยามรีเทลฯ ใช้เงินลงทุนสูงถึง 1 พันล้านบาทกับเดอะ พรอมานาด โดยโครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 18 ไร่ ติดถนนรามอินทรา เป็นอาคารสูง 2 ชั้น กินพื้นที่ทั้งสิ้น 18,000 ตารางเมตร พร้อมมีสโลแกนสอดคล้องกับชื่อของศูนย์การค้า คือ “เลตส์ เทก อะ วอล์ก” (Let’s Take a Walk) เพื่อดึงลูกค้ากลุ่มพรีเมียมเข้ามาเดินเล่นในสถานที่ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัวที่สุด
เดอะ พรอมานาดมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมที่มีกำลังซื้อสูง อายุ 28-40 ปี มีรสนิยมดีและมีไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเอง ชื่นชอบการแฮงเอาต์กับเพื่อนๆ และครอบครัวในสถานที่ซึ่งเดินทางไปมาสะดวกและมีสินค้าที่หลากหลายครบทุกความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าในซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร และสินค้าแฟชั่น ซึ่งเป็นประเภทสินค้า 3 อันดับแรกที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เลือกเมื่อมาศูนย์การค้า
จุดเด่นของเดอะ พรอมานาด คือ ไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่ผสมผสานศูนย์การค้าลักษณะอินดอร์ และเอาต์ดอร์เข้าด้วยกัน มีทั้งส่วนที่เป็นศูนย์ปิดเหมือนลักษณะศูนย์การค้าอินดอร์ทั่วไป และถนนสายชอปปิ้งแบบโอเพ่นแอร์ ที่รวบรวมร้านค้าปลีกหลากรูปแบบเข้าด้วยกัน มีทางเชื่อมปรับอากาศระหว่างร้านค้าปลีกภายในอาคาร รวมถึงทางเชื่อมต่อระหว่างอาคาร ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่ต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไปที่มักเป็นศูนย์การค้าแบบเปิด (Open-air Shopping Center)
การมาของเดอะ พรอมานาดในทำเลที่มีทราฟฟิกมากมาย มีบรรยายกาศแบบเอาต์ดอร์แต่สามารถชอปปิ้งได้แบบอินดอร์ด้วย คือสิ่งที่ผู้บริหารสยามรีเทลฯ เชื่อมั่นว่าคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้แตกต่างจากทุกที่ในเมืองไทย และจะสร้างประสบการณ์การชอปปิ้งได้อย่างแตกต่างให้กับนักชอป
ก่อนหน้านี้เพียง 2 สัปดาห์ ย่านทองหล่อเพิ่งมีการเปิดตัว “ซีนสเปซ” คอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ล่าสุดเช่นกัน ด้วยการเน้นสร้างความต่างจากคู่แข่งในพื้นที่ด้วยคอมมูนิตี้ไซส์เล็ก เน้นบรรยากาศของมอลล์ในสไตล์โมเดิร์นทันสมัย ต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไป ที่ส่วนใหญ่คำนึงถึงปริมาณพื้นที่ให้เช่าเป็นอันดับแรก เพื่อให้คุ้มกับการลงทุน ส่วนบรรยากาศเป็นอันดับ 2 ซึ่งตรงกันข้ามกับซีนสเปซอย่างสิ้นเชิงที่จะเน้นบรรยากาศเป็นจุดขายหลัก โดยภายในโครงการจะประกอบด้วยร้านค้าพรีเมียมเพียง 24 ร้านเท่านั้น
ซีนสเปซยังใช้ร้านค้าชื่อดังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการอีกด้วย เพราะหากดูจากพฤติกรรมของลูกค้าในย่านทองหล่อ พบว่า เป็นกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่รู้จักและคุ้นเคยกับร้านดัง ซึ่งหากมีร้านประจำชื่อดังมาเปิดสาขา จะช่วยดึงลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการ
ดังนั้น แม้จะมีร้านค้าเพียง 24 ร้าน แต่หากได้ยินชื่อแต่ละร้าน พบว่าเป็นแบรนด์ดังและโดดเด่นในแบบฉบับของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ร้านมนตร์ลดา ของ มนตร์ลดา พงษ์พานิช, ร้าน Roast ของ วรัช วิจิตรวาทการ, ร้าน Tudari ของดาราชื่อดัง เอ๊ะ ศศิกานต์, ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าคลัง ของ อรินทม์ แสงชูโต และร้าน BREW ซึ่งนำเข้าเบียร์กว่าร้อยชนิดจากทั่วโลก
|