|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สัมพันธภาพระหว่าง “ผม” กับ “สถาปัตยกรรม” ไม่น่าจะไปกันได้ด้วยดี แต่เมื่อได้เยี่ยมบ้านปรมาจารย์นักออกแบบทรงผมชาวอังกฤษ Vidal Sassoon กับ Ronnie ภรรยาคู่ชีวิต กลับต้องเปลี่ยนความคิดนี้เสียใหม่
Vidal เริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองว่า “ชีวิตการทำงาน ทั้งหมดของผมเริ่มเมื่อปลายทศวรรษ 1950 ด้วยแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสไตล์ Bauhaus มันทำให้ผมศึกษาโครงสร้างกระดูกบนใบหน้าอย่างจริงจัง เพื่อดึงบุคลิกของแต่ละคนออกมา ผมเกลียดผมทรงสวยงามที่อยู่ในความนิยม เวลานั้นมาก”
จึงเป็นที่มาของการปฏิวัติงานออกแบบทรงผมสะเทือน โลก ทำให้ชื่อ Vidal Sassoon ขึ้นทำเนียบนักออกแบบทรงผมตลอดกาล นั่นคือ ผมทรงเรขาคณิตที่ง่ายต่อการดูแล
เขายังเล่าต่อไปว่า
“สถาปนิกเป็นวีรบุรุษของผมเสมอ ผมรู้สึกเป็นเกียรติ จนบรรยายไม่ถูกเมื่อได้พบ Marcel Breuer เขาบอกว่ารู้จักผลงานของผมดี ส่วน Rem Koolhaas เล่าว่า ในห้องสมุดของเขามีหนังสือวิธีซอยผมของผมอยู่ด้วยเล่มหนึ่ง”
Vidal เปิดใจที่บ้าน Singleton House ในลอสแองเจลิสที่เพิ่งได้รับการบูรณะไปหมาดๆ
เดิมบ้านหลังนี้เป็นฝีมือการออกแบบของ Richard Neutra สถาปนิกแนวโมเดิร์นนิสต์คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของ วงการ ซึ่งออกแบบในช่วงกลางทศวรรษ 1950 ตามคำร้องขอ ของ Henry Singleton นักอุตสาหกรรมยุคนั้น
Singleton House ตั้งบนทำเลทองตรงจุดสูงสุดของเส้นทาง Mulholland Drive ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ที่ล้อมรอบได้ทั่วทั้งหมด ทั้งในส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก หรือตึก ระฟ้าย่านธุรกิจ หรือทะเลทราย และเทือกเขาซาน กาเบรียล
เมื่อ Ronnie ซึ่งคลั่งไคล้งานสถาปัตยกรรมไม่แพ้ผู้สามีได้เห็นบ้านหลังนี้ครั้งแรก มันอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก แม้ตระกูล Singleton ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดเพื่อดูแลรักษาเอาไว้แล้วก็ตาม หลังจากที่พวกเขาย้ายออกไปเมื่อปี 1969 ก็ให้เช่าบ้านหลังนี้แก่ผู้เช่าหลายรุ่นด้วยกัน สุดท้ายจึงนำออกขายทอด ตลาดเมื่อปี 2002 หรือสามปีหลังการเสียชีวิตของ Henry ผู้เป็นเจ้าของ
บ้านขนาด 4,700 ตารางฟุต อยู่ในสภาพทรุดโทรม เพราะร้างคนอาศัยมานาน ระบบต่างๆ ภายในบ้านล้าสมัยมาก ไม่มีแม้แต่เครื่องปรับอากาศ มีเพียงหน้าต่างระบายอากาศฝีมือการออกแบบอย่างชาญฉลาดของ Neutra เท่านั้น ในส่วนของห้องนอนก็มีขนาดเล็กและมืดทึบเกินไปสำหรับครอบครัวสมัยใหม่
ตอนคู่สามีภรรยา Sassoon ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ พวก เขาบินไปมาระหว่างลอนดอนกับเบเวอร์ลี ฮิลส์ และรู้สึกว่าการตัดสินใจครั้งนี้เสี่ยงเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีวันล่วงรู้ได้เลยว่าผลที่ออกมาจะเป็นบวกหรือลบ หลังซื้อได้เพียงสองสัปดาห์ซึ่งตรงกับปี 2004 หลังคาบางส่วนพังครืนลงมา อีกไม่กี่เดือนให้หลัง ส่วนประกอบของตัวบ้านพังลงไปกองอยู่ในสนามของเพื่อนบ้าน
แต่ Ronnie ผู้เคยเป็นนักออกแบบแฟชั่นและผู้บริหาร บริษัทโฆษณาก่อนแต่งงานกับ Vidal เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว มุ่งมั่นกับโครงการบูรณะบ้านหลังนี้มาก เธอศึกษางานของ Neutra อย่างจริงจัง รวมทั้งนำภาพถ่ายบ้าน Singleton ที่ Julius Shulman (ช่างภาพเชิงสถาปัตยกรรมฝีมือโดดเด่นของลอสแองเจลิส ผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1910-2009) ถ่ายไว้มาศึกษาอย่างละเอียด เพราะ “สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนคัมภีร์ไบเบิลของดิฉัน”
ต่อมา พวกเขารับรู้อีกว่า ข้อกฎหมายด้านการเสื่อมสภาพของอาคารสมัยใหม่ ทำให้พวกเขาต้องสร้างบ้านขึ้นมาใหม่เลยทีเดียว เมื่อ ปรึกษากับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว จึงตัดสินใจทำเพดานใหม่แทนของเก่าที่พังเสียหายมาก รวมทั้งทำพื้นหินขัดใหม่ และรื้อผนังเดิมออกเพื่อ ขยายพื้นที่ภายในบ้านให้กว้างและสว่างขึ้น พวกเขายังเพิ่มห้องนอน ใหญ่ที่เป็นห้องชุดเข้าไปด้วย สามีภรรยา Sassoon คงวัสดุและรูปแบบ สถาปัตยกรรมดั้งเดิมของ Neutra ไว้มากมาย เพราะในสายตาของนักออกแบบที่พิถีพิถันเป็นพิเศษ พวกเขาถือว่าการเข้าไปเปลี่ยนแปลงเป็นการลบหลู่ไม่ให้เกียรติเจ้าของผลงานดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม Ronnie มีจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับการเปลี่ยน แปลง ซึ่งเธอไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อยถ้าจำเป็นต้องทำ “คุณไม่สามารถอยู่บ้านแบบนี้ได้แน่นอน ยกเว้นจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็มาพักปีละสองสามสัปดาห์เท่านั้น ยิ่งเมื่อคิดว่าที่ดินแปลงนี้ราคาแพงลิบลิ่ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ลงมือทำอะไรเลย บ้านหลังนี้ต้องมีจุดจบที่การถูกรื้อทิ้งอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง”
เมื่อการบูรณะแล้วเสร็จ ทั้งคู่หันไปหา Martyn Lawrence-Bullard มัณฑนากรผู้เป็นเพื่อนสนิทเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับงานตกแต่งภายใน โดยเฉพาะงานเครื่องเบาะและสิ่งทอ ซึ่ง Lawrence-Bullard เล่าว่า “Vidal กับ Ronnie มีสายตาแหลมคมมาก พวกเขาซื้อเฟอร์นิเจอร์ฝรั่งเศสและอิตาลียุคกลางศตวรรษที่ 20 ไว้มากมาย โดยเฉพาะผลงานชิ้นสำคัญของ Charlotte Perriand และ Gio Ponti ทั้งคู่ย้ายออกจากเบเวอร์ลี ฮิลส์ และเข้าอยู่ที่มัลฮอลแลนด์ด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข ที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ป่าแถบนี้ยังมีทั้งแมวป่าอเมริกาเหลือและสิงโตภูเขาให้ชื่นชม”
แม้เพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 83 ปีไปหมาดๆ แต่ Vidal ยังคล่องแคล่วและทรงพลังจนแลดูอ่อนกว่าอายุจริงหลายสิบปี ภาพยนตร์สารคดีชีวิตของเขา Vidal Sassoon the Movie ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ บอกเล่าความเป็นมาของเขาจากเด็กกำพร้าแถบอีสต์ลอนดอนจนผงาดขึ้นเป็นราชานักออกแบบผมผู้ไร้เทียมทาน โดยเฉพาะช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งสะท้อนความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมครั้งยิ่งใหญ่ของยุคนั้นได้อย่างวิเศษสุด
Vidal ฟื้นความหลังครั้งนั้นว่า “มันน่าตื่นเต้นอย่างที่สุด และตอนนี้ Ronnie ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้” เมื่อมองไปที่ภรรยาคู่ชีวิต Vidal จึงได้เห็นว่า เธอปฏิเสธถ้อยคำชื่นชมนั้น ทำให้เขาต้องยืนยันอีกครั้งว่า “จริงๆ จ้ะที่รัก”
|
|
|
|
|