|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หากจะนับตัวผู้เล่นในธุรกิจยานยนต์ของลาวแล้ว กลุ่มที่น่าจะเรียกว่าใหญ่และมีบทบาทสูงที่สุด น่าจะเป็นกลุ่มเคพีของตระกูลพิลาพันเดช
“ในลาวจะมีอยู่ประมาณ 5 ตระกูลใหญ่ แบบที่เรียกว่าภาพลักษณ์ดี ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง การศึกษา แล้วก็การทำธุรกิจ ที่โปร่งใส หรือซื่อสัตย์ แล้ว 1 ใน 5 ตระกูลนั้น ก็มีตระกูลพิลาพันเดชเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งอยู่ด้วย” นักธุรกิจที่ทำธุรกิจอยู่ในลาวมาช้านานบอก
ทำไมผู้จัดการ 360 ํ จึงนำเรื่องราว ของตระกูล “พิลาพันเดช” ของลาว มาเปรียบเทียบกับตระกูล “พรประภา” ของไทย?
เหตุผลไม่ซับซ้อน เพราะตระกูลนี้ทำธุรกิจอยู่ในลาวมาช้านาน ทำธุรกิจที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับธุรกิจรถยนต์
ไม่แตกต่างจากตระกูล “พรประภา” ของไทย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ในนามของ “สยามกลการ”
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการเข้ามาทำตลาดเองของบริษัทแม่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์จากญี่ปุ่น ทำให้บทบาทของ “พรประภา” ในอุตสาหกรรมนี้ลดลงไปมากในปัจจุบัน
แต่ใน สปป.ลาว สภาพของตลาดรถยนต์คงไปไม่ถึงจุดนั้น
ปัจจุบันธุรกิจของตระกูลพิลาพันเดชได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ รถยนต์ทั้งโตโยต้า และอีซูซุในลาว
โดยเฉพาะโตโยต้า ต้องถือว่าตระกูลนี้เป็นผู้ที่นำรถโตโยต้าเข้ามาเปิดตลาดในลาว เป็นรายแรกตั้งแต่เมื่อ 19 ปีก่อน และก็คงความเป็นตัวแทนจำหน่ายไว้ตลอด ซึ่งเป็นเหตุผล สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้โตโยต้ากลายเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดของคนลาวในปัจจุบัน
ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ธุรกิจในเครือของตระกูลพิลาพันเดช ก็เพิ่งเซ็นสัญญากับซูซูกิจากญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิอย่างเป็นทางการใน สปป.ลาว โดยคาดว่า จะนำรถกระบะซูซูกิ แครี่ และรถเก๋งขนาดเล็ก รุ่นเซเรลิโอ เข้ามาทำตลาดเพื่อแข่งกับรถกระบะและรถเก๋งจากจีนและเกาหลีโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ธุรกิจในเครือของตระกูลนี้ยังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในเครือข่ายพิลาพันเดชที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์โดยตรง
แต่ยังมีส่วนที่เกี่ยวข้องโดยอ้อมอีก นั่นคือการได้เป็นตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ยี่ห้อบริดจสโตน ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องของ ปตท. และการร่วมทุนกับบริษัทไทยสแตนเลย์ ของไทยจัดตั้งบริษัทลาวสแตนเลย์ขึ้น เพื่อขายระบบไฟฟ้ารถยนต์และจักรยานยนต์ รวม ถึงการได้เป็น 1 ในตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรยี่ห้อคูโบต้าในลาว
ส่วนที่เป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เลยก็มี นั่นคือการเป็นตัวแทนจำหน่าย และผู้กระจายสินค้าให้กับยูนิลีเวอร์ และคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค รวมถึงน้ำมันพืชมรกต ฯลฯ
“พิลาพันเดช” เป็นตระกูลธุรกิจเก่าแก่ซึ่งทำธุรกิจหลากหลายประเภทใน สปป.ลาว มาตั้งแต่สมัยยังไม่เปลี่ยนแปลงการปกครอง
รุ่นแรกของตระกูลนี้ คือคำใบ พิลาพันเดช ที่เริ่มทำธุรกิจนำเข้าวัสดุก่อสร้างมาจำหน่ายในลาว ต่อมาก็ขยายไปสู่การนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตร ทำโรงเลื่อย และการร่วมทุนกับนักธุรกิจจากญี่ปุ่นทำสวนหม่อนและปลูกฝ้าย
คำใบมีลูกทั้งหมด 12 คน และบุตรบุญธรรมอีก 4 คน เขาเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เพราะเมื่อทำธุรกิจสร้างฐานะขึ้นมาได้ เขาส่งลูกๆ ส่วนใหญ่ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ
จนเมื่อคำใบเสียชีวิตลง สปป.ลาวเริ่มเปิดประเทศ ลูกๆ ของคำใบจึงได้ร่วมกันจัดโครงสร้างของธุรกิจในเครือใหม่ มีการจัดตั้งบริษัทเคพี ซึ่งย่อมาจากชื่อของคำใบ พิลาพันเดช ขึ้นมาเป็นโฮลดิ้ง คัมปานี เพื่อลงทุนในการขยายกิจการของเครือออกไปให้กว้างขวางขึ้น ดังได้กล่าวถึง ไปแล้วข้างต้น
ปัจจุบัน บริษัทในเครือเคพีเริ่มเปลี่ยนมือการบริหารมาสู่รุ่นที่ 3 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่จบการศึกษามาจากต่างประเทศ และมีหัวคิดแบบนักธุรกิจรุ่นใหม่
เรื่องราวการขยายอาณาจักรธุรกิจในกลุ่มเคพีของตระกูลพิลาพันเดช ในอนาคตต่อไป จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตาม
|
|
|
|
|