ความเป็นไปในแวดวงการเงินกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่สุดของไทยประกาศจับมือกับธนาคารไอซีบีซี ด้วยการร่วมลงนามในสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่างกันในประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน วงเงิน 8,000 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพและสภาพคล่องให้กับธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) รองรับการแข่งขันและการให้บริการทางการเงินของทั้ง 2 ธนาคาร

หลี เสี่ยวเผิง กรรมการ ธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China Limited หรือ ICBC (ไอซีบีซี) เปิดเผยว่า ธนาคารไอซีบีซี ได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินระหว่างกัน Reciprocal Funding Line Agreement ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในวงเงิน 1,600 ล้านหยวน หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับเป็นวงเงินสนับสนุนสภาพคล่องให้กับธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) และธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นธนาคารในเครือที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย และประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน

ธนาคารไอซีบีซีเข้าถือหุ้นในธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 97.24 ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยมุ่งหวังให้ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เป็นสะพานสู่โอกาสทางธุรกิจระหว่างไทย-จีน และเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยและภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผลิตภัณฑ์ เงินหยวนที่จะทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด อันจะทำให้ธุรกิจการค้าระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปโดยราบรื่นและเติบโตยิ่งขึ้น ทั้งนี้ธนาคารไอซีบีซียังหวังที่จะเห็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน กับธนาคารกรุงเทพให้มากยิ่งขึ้นในอนาคตอีกด้วย” หลี เสี่ยวเผิงย้ำ

ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การลงนามในความร่วมมือทาง การเงินในครั้งนี้นอกจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำแล้ว ยังส่งผลดีทำให้ธนาคารทั้ง 2 แห่งมีความพร้อมในการรองรับและสนองตอบความต้องการของลูกค้านักลงทุน โดยในประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ธนาคารไอซีบีซีพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) เมื่อมีความต้องการ

ขณะเดียวกันในประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพพร้อมให้ การสนับสนุนทางการเงินแก่ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) รวมถึงความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตต่อไปในอนาคต

“ความสำเร็จในการจัดตั้งและเปิดให้บริการของธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ในฐานะธนาคารท้องถิ่น เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552 นับเป็นความก้าวหน้าอีกระดับหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าและธนาคารได้รับโอกาสมากขึ้นในการขยายธุรกิจ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศจีนแล้ว ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของธนาคาร ที่มุ่งเน้นการเติบโตไปพร้อมๆ กับลูกค้าด้วย” ชาติศิริระบุ

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ยังคงให้บริการสินเชื่อ ธุรกิจและบริการเพื่อการค้าระหว่างประเทศ บริการด้านบริหารการเงิน บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และบริการโอนเงิน ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ยังสามารถรับฝากเงินสกุลหยวนจากลูกค้าที่เป็นบริษัท และลูกค้าชาวต่างชาติได้ ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้น

ความร่วมมือของสองธนาคารขนาดใหญ่ครั้งนี้จะสามารถเติมเต็มเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของธนาคารทั้งสองในระยะยาว ได้หรือไม่เป็นกรณีที่น่าสนใจไม่น้อย