Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2530
ณรงค์ โชคชัยณรงค์ พ่อค้าเพชรผู้เกือบตายกับ "รีเจนซี่"             
 


   
search resources

ณรงค์ โชคชัยณรงค์
Alcohol




ความเป็นมาและที่กำลังจะเป็นไปของ "รีเจนซี่" บรั่นดีไทย เป็นเรื่องราวของลูกวัวที่ไม่เคยรู้ว่าแม่เสือนั้นรูปร่างเป็นอย่างไร ดุร้ายน่าหวาดกลัวเพียงไหน จึงหาญกล้าเข้าไปคลุกเคล้าหยอกล้อราวกับว่าเป็นแม่ของตนต่อเมื่อผ่านพ้นและได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้เคลียคลอนั้นคือแม่เสือร้าย ก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า "แล้วมันรอดตายมาได้อย่างไรกัน"

ชื่อของณรงค์ โชคชัยณรงค์ ไม่เคยแผ้วพานปรากฏในสารบบของคนค้าเหล้ามาก่อนเขาไม่อาจจัดอยู่ในทำเนียบมือเซียนได้แม้แต่น้อย แต่ถ้าเอ่ยชื่อนี้ในวงการค้าเพชรพลอยแล้วละก็เป็นต้องร้องอ๋อ เขานี่แหละมือเซียนชั้นปรมาจารย์คนหนึ่งทีเดียว

เมื่อณรงค์เจียระไนความคิดที่อยากจะผลิตสุราชนิดหนึ่งโดยที่ไม่ขอเลียนแบบแม่โขงประมาณปี 2518 โดยจะผลิตเป็นสุราชั้นสูงให้กับเพื่อนฝูงและคนสนิทชิดเชื้อฟัง สิ่งที่เขาได้รับตอบกลับมาคือคำพูดว่า "อยู่ดี ๆ ไม่ชอบคิดจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ"

เพราะนอกจากจะต้องออกแรงราวีอย่างหนักกับบรั่นดีนอกที่คุณภาพย่อมเหนือกว่าช่วงตัวแล้วก็เป็นที่รู้กันว่า การลงทุนผลิตบรั่นดีต้องใช้งบค่อนข้างสูง กอปรกับบ้านเราในขณะนั้นยังขาดแคลนองุ่นพันธุ์ดีที่จะนำมาทำบรั่นดีโดยตรง และนี่คือบทสรุปที่ทุกคนบอกว่าณรงค์กำลังจะเสียบดาบปักท้องตัวเอง

อย่าว่าแต่คนรู้จักเขาเลย แม้แต่เมื่อเขาเสนอแบบขวดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไปยังกรมสรรพสามิต ก็ไม่วายที่จะถูกกระแซะแกมปลงอนิจจังว่า "สงสัยอยากจะเร่งวันตายเร็วขึ้น" ทั้งนี้เนื่องจากมาจากแบบขวดไม่เหมาะกับบรั่นดีนัก คือคนกินจะเกิดอาการหลอนตลอดเวลากินเท่าไร ๆ ก็ไม่หมด สงสัยจะเป็นบรั่นดีชั้นปลายแถว

แต่ณรงค์ไม่ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น เขากล้าที่จะเป็นคนทำเหล้าคนแรกที่เข้าไปขอรับการส่งเสริมจาก บีโอไอ. ตอนนั้นแสงโสม หรือแม่โขงที่พร้อมจะผลิตได้ และเป็นคนรู้เรื่องเหล้าชนิดถึงกึ๋นยังไม่คิดที่จะแหยมเข้าไปท้าทายบรั่นดี

"เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง คิดว่าสามารถผลิตบรั่นดีคุณภาพไม่แพ้ของนอกได้ เมื่อใจสู้แล้วต่อให้คมหอกคมดาบจ่ออยู่ตรงหน้าก็ไม่กลัว เขาเลยตัดสินใจตั้งโรงงานเมื่อปี 18 และก็เป็นจุดเริ่มแรกที่คนไม่เคยกินเหล้าอย่างเขาต้องหันมากินเหล้า" ผู้ใกล้ชิดของเขากล่าวกับ "ผู้จัดการ" และบอกด้วยว่ารสนิยมละเลียดบรั่นดีของเขาชอบผสมโค้ก แต่เดี๋ยวนี้เล่นแบบเพียวๆ

เมื่อนำออกตลาดซึ่งขณะนั้นมีบรั่นดีจากนอกเข้ามาขายนับสิบยี่ห้อ ปรากฏว่า "รีเจนซี่" บรั่นดีไทยตัวนี้แทบจะไร้คนมอง ณรงค์เองเจอะเจอใคร ๆ ก็ได้แต่บ่นว่า "จะตายแล้ว ไม่ไหวแล้ว" ทว่าคนอย่างเขาเข้าประเภทยอมหักไม่ยอมงอเลยยิ้มสู้มาโดยตลอด

รีเจนซี่เริ่มมาเป็นที่รู้จักและมีคนดื่มพอเป็นกระสายบ้างก็ในราวปี 2525 ซึ่งเป็นปีที่ณรงค์ยอมตัดสินใจทุ่มสินค้าของตนโปรโมทตามงานต่างๆ แบบชนิดให้เปล่า โดยไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด เขาหวังแต่ว่า อยากให้คนได้รู้จักว่ายังมีบรั่นดีไทยอีกตัวหนึ่งนะที่คุณน่าลอง

แหล่งข่าวในวงการสุราเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า ในสมัยที่ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยความพิสมัยในบรั่นดีและเป็นนักดื่มตัวยง ทำให้ณรงค์สามารถเข้าถึงตัวอดีตนายกฯคนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น และนั่นเขาก็เริ่มวางพื้นฐานให้แข็งแกร่ง เรียกว่าขอส่งเสริมอะไรจากภาครัฐบาลเป็นไม่เคยได้รับคำปฏิเสธ

ยอดขายของ "รีเจนซี่" ตั้งแต่ปี 2525 เป็นต้นมาอยู่ในระดับไม่เกินร้อยละ 4 ของบรั่นดีในตลาด ซึ่งเรียกว่าน้อยสิ้นดีจนถึงปี 2528 เริ่มพุ่งสูงขึ้น และมาในปี 2529 ที่วงการสุรากำลังประสบความระส่ำระสายอย่างหนัก รีเจนซี่ที่ราคาไม่สูงกว่าแม่โขงเริ่มเป็นที่ได้รับการยอมรับ จากการวางขายที่เคยเน้นหนักเฉพาะสโตร์ เริ่มกระจายเข้าไปตามร้านค้าต่าง ๆ มากขึ้น

ตัวเลขล่าสุดจากกรมสรรพสามิตบอกว่า รีเจนซี่ก้าวขึ้นมาผงาดอย่างวีระอาจหาญไม่น้อยหน้าใครอีกแล้ว ยอดขายสูงถึงร้อยละ 70 ของสุราในตลาด ณรงค์ที่เคยส่ายหน้าว่า "ไม่ไหว" วันนี้ถ้าใครได้พบจะเห็นก็แต่รอยยิ้มอันเปี่ยมสุข และดวงตาที่เปล่งประกายเจิดจรัสถึงความหวังอันเรืองรองต่อไปในอนาคต

และเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จโอฬาร ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่ "รีเจนซี่" โหมทุ่มงบโฆษณาผ่านมีเดีย ที.วี. อย่างหนักซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะก่อนนั้นจะเน้นหนักเฉพาะตามหน้านิตยสารไม่กี่ฉบับเท่านั้น

"ณรงค์ต้องการฉวยจังหวะนี้อัดชื่อรีเจนซี่ให้เป็นที่แพร่หลายทั่วทั้งประเทศ และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ตลาดแผนใหม่ของเขาที่เริ่มลุยอย่างหนักโดยขณะนี้นำเอารีเจนซี่ไปลงตามร้านอาหารตามปั๊มน้ำมันต่างๆ ทั่วภาคเหนือ และจะขยายออกไปในภาคอีสานเร็ว ๆ นี้ เส้นกราฟการขายคาดว่าจะต้องสูงกว่าปีก่อนอีกเท่าตัว" แหล่งข่าวผู้หนึ่งเผยกับ "ผู้จัดการ"

นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวออกมาอีกว่า ณรงค์เตรียมโครงการที่จะขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ โดยได้สั่งองุ่นพันธุ์ดีจากฝรั่งเศสมาส่งเสริมให้ชาวสวนปลูก พร้อมกับตั้งราคาประกันรับซื้อทั้งหมด ซึ่งองุ่นที่ส่งเสริมนี้ณรงค์ต้องการที่จะนำเอามาทำไวน์ชนิดพิเศษแบบฝรั่งเศส ซึ่งเป็นไวน์มาตรฐานที่ผลิตกันมาตั้งแต่สมัยพระเยซู (ว่าเข้านั่น) โดยใช้องุ่นล้วน ๆ ไม่ต้องมีสารผสมแต่อย่างใด

"ไวน์ตัวนี้แหละที่เป็นความหวังสุดยอดของเขา" คนในกรมสรรพสามิตกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

หยดต่อหยดที่ผ่านการเรียนรู้ ผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดลึก ๆ ปีแล้วปีเล่าเพื่อผลิตเหล้าอย่างดีออกมาให้คนดื่มคนค้าเพชรอย่างณรงค์ก็ได้แต่หวังไว้ว่า สักวันหนึ่งที่คุณได้ลองจิบสุราของเขาคุณอาจทนไม่ไหวที่จะขอจิบหยดต่อไป...และต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us