น้อยคนนักในเขตพื้นที่พิจิตร เพชรบูรณ์ หรือพิษณุโลกที่จะไม่รู้จักชื่อเสียงตระกูลบุรพรัตน์
รุ่นแรก ๆ ของบุรพรัตน์ก็เฉกเช่นคนจีนโพ้นทะเลทั้งหลายซึ่งอาศัยความขยันขันแข็งเข้ามากอบกู้ชีวิตใหม่ในเมืองไทย
ต่างกันที่บุรพรัตน์ไม่มุ่งการค้าแต่หันเหไปสู่ป่าดง บุกเบิกถากถางประกอบอาชีพเกษตรกรรมและทำไม้จนเป็นล่ำเป็นสัน
สามารถสร้างสมบารมีคุมไปทั่วทั้งสามจังหวัด
บุรพรัตน์โด่งดังคับฟ้าขึ้นอีกในรุ่นที่ 2 ทุกคนได้รู้จักชื่อ น.พ. ประกอบ
บุรพรัตน์ หมอนักธุรกิจเจ้าของยูเนียมโซดาที่เคยทำหวยคุ้มเกล้ากำไรเป็นร้อย
ๆ ล้าน ฝีมือเอกอุกระทั่งคนอย่าง สุระ จันทร์ศรีชวาลายินดีให้เป็นผู้รับสัมปทานพัฒนาที่ดินหลายพันไร่ของตน
หรือแม้แต่ชื่อ จรัล บุรพรัตน์ ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งบริหารงานของการทางฯ
ให้ก้าวรุดหน้าขยายตัวอย่างไม่หยุดหย่อน จนจรัลเองมีศักยภาพพอที่จะปะหมัดท้าทายความคิดกับคนโตสภาพัฒนาฯ
บางคนได้อย่างไม่ต้องกลัวเกรงแรงบีบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมี น.พ.ไพศาล บุรพรัตน์ สองพี่น้องที่ร่วมกันทำโรงสีและค้าข้าวจนชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการนี้
ทั้งหมดนี้ล้วนต่างเป็นพี่น้องที่เกิดจากพ่อคนเดียวกันทว่าคนละมารดา
และนับตั้งแต่ปลายปี 2529 เป็นต้นมา หากใครติดตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจจะพบชื่อคนในตระกูลบุรพรัตน์ปรากฏอยู่เป็นประจำคนหนึ่ง
คน ๆ นั้นก็คือ เกรียงศักดิ์ บุรพรัตน์ หรือ "กำนันหน่อย" ซึ่งเป็นประธานชมรมผู้เลี้ยงโคเนื้อแห่งประเทศไทยคนล่าสุด
เกรียงศักดิ์ เป็นลูกชายโทนของพี่ชายหมอประกอบพ่อของเขาได้รับการยอมรับนับถือในการเป็นนักสู้เป็นเกษตรกรตัวอย่างของเพชรบูรณ์
ส่วนตัวเขาเป็นนักเรียนนอก จบปริญญาโททางสัตวบาลจากสหรัฐอเมริกา มีพี่สาวอีกคนคือ
รุ่งทิพย์ บุรพรัตน์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของเซนทาโก ยักษ์ใหญ่วงการอาหารสัตว์ที่ทำธุรกิจครบวงจรเช่นเดียวกับซีพี
เกรียงศักดิ์จัดได้เป็นหัวขบวนของคนรุ่นที่ 3 ในตระกูลบุรพรัตน์ หลังจากสำเร็จการศึกษา
เขาหอบเอาปริญญากลับไปสู่ไร่ที่พ่อทิ้งไว้ให้ที่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ไร่นี้มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
3,000 ไร่ ทำการเลี้ยงวัวและแกะเป็นหลัก
เขาหวังที่จะเป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่พลิกระบบเกษตรกรรมที่เคยคร่ำครึของเมืองไทยให้ก้าวไปสู่มิติแห่ง
"อะโกรอินดัสตรี" ที่ค่อนข้างจะไฉไลและมีอนาคตมากกว่า
หลังจากที่เข้ามาคลุกคลีก็ตัดสินใจรื้อระบบงานเก่า ๆ ลงสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังทุ่มทุนอีกหลายล้านขยายงานของไร่จนกลายเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวและแกะใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังเสี่ยงลงมะม่วงอีกสี่พันกว่าต้นในพื้นที่ฟาร์มทั้งๆ ที่บริเวณนั้นขาดน้ำอยู่มาก
"ห้าปีถ้ากำนันไม่เป็นยักษ์ก็ต้องเป็นหนูไปเลย" คนในพื้นที่
ต. ท่าข้าม อ. ชนแดน ซึ่งเขาเป็นกำนันเอ่ยถึงเมื่อเห็นการลงทุนอย่างไม่ยั้ง
และต้องระทึกใจมากขึ้นอีกเมื่อมีข่าวว่า เขาจะกู้เงินจากสถาบันการเงินอิตาลีกว่า
800 ล้านเพื่อสร้างโรงฆ่าสัตว์ครบวงจรทันสมัยที่สุดในเอเชีย และทำอุตสาหกรรมต่อเนื่องขึ้นที่นั่น
เรียกได้ว่าโครงการของเขา ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง มาบุญครอง ไทย-มุสลิม ถึงกับต้องถอนตาใคร่ครวญกันอย่างหนัก...
"ผมดูทิศทางตลาดโคเนื้อสามพันกว่าล้านในบ้านเราแล้วเห็นว่ามีอนาคตมาก
ยิ่งถ้ากำจัดโคเถื่อนจากพม่าได้ก็ยิ่งสวย ดังนั้นผมจึงกล้าพอที่จะตัดสินใจทำโครงการนี้
ซึ่งเมื่อคิดจะทำก็เห็นว่าทำที่ฟาร์มนั่นเลยเพราะอยู่ใกล้แหล่งเลี้ยงทุก
ๆ ด้านไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าขนส่ง" เขาเคยกล่าวถึงโครงการที่สดสวย
และวันนี้ตัวแทนจากสถาบันการเงินอิตาลี (อักซ่า) ก็ได้เข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้วไม่น้อยกว่า
30% ซึ่งก็มีข่าวอยู่บ่อย ๆ อีกเหมือนกันว่า ประเทศที่เป็นเต้ยในเรื่องปศุสัตว์อย่าง
ออสเตรเลีย คานาดา ก็มีแนวโน้มสนใจโครงการนี้อยู่ไม่น้อย
นอกจากนี้โครงการโรงฆ่าสัตว์ โครงการทำอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงโคเนื้อให้มากขึ้นในฐานะประธานชมรมฯยังสอดคล้องกับโครงการปล่อยสินเชื่อ
300 กว่าล้านเพื่อพัฒนางานปศุสัตว์ของธนาคารกสิกรไทยอีกด้วย ซึ่งแบงก์กสิกรไทยส่ง
ลัดดาวัลย์ ขยันกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายสาขาสินเชื่อเกษตรลงมาลุยในแผนงานนี้
ด้วยมนุษย์สัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของคนทั้งคู่ ระหว่างเกษตรกร-นักอุตสาหกรรมหนุ่มและแบงก์เกอร์สาว
เขาและเธอจึงเหมือนเงาที่ตามกันและกันไม่ขาดสาย เกรียงศักดิ์เองเริ่มสร้างฐานเครดิตในแบงก์กสิกรไทยได้อย่างไม่ยากเย็น
จะเห็นได้ว่าการปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรแบงก์จะปล่อยผ่านห้างหุ้นส่วนบุรพรัตน์ปศุสัตว์ของเกรียงศักดิ์ที่เป็นผู้ค้ำประกัน
ปัจจุบันระหว่างที่รอความฝันของโรงฆ่าสัตว์จะเป็นจริงเกรียงศักดิ์นำวัวของเขาและสมาชิกส่งผ่านโรงฆ่า
อสร.ที่บ้านโป่ง ราชบุรี โดยห้างหุ้นส่วนบุรพรัตน์จะรับหน้าที่หาตลาดให้ซึ่งแผนตลาดของเขาก็ใช่ย่อยยอมตัดสินใจหั่นราคาเนื้อเข้าสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ
"ตอนนี้เขาอาจขาดทุนแต่ถ้าคุมได้เมื่อไร บุรพรัตน์จะเป็นจ้าวตลาดด้านนี้ทันที"
คนที่ทำงานกับเขาเอ่ยกับ "ผู้จัดการ"
ฝันของคนหนุ่มเป็นความสวยสดอยู่เสมอ ฝันของกำนันหน่อยที่จะพัฒนาเกษตรกรรมให้กลายเป็นอะโกร
อินดัสตรีนั้นทุกอย่างที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อมนัก แต่อย่างว่าแหละ
การทำงานที่ไร้ปัญหาให้ขบคิดแก้ไขไหนเลยจะเป็นการทำงานที่สมบูรณ์แบบ
บนเส้นทางที่งดงามกำนันหน่อยเริ่มพบปัญหาขึ้นแล้วในวันนี้ และเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาโดยตรงเสียด้วย
เป็นเรื่องภายในชมรมโคเนื้อฯ ที่ตัวเองเป็นประธาน ซึ่งมีกลิ่นคาวตุๆ เกี่ยวกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายและผลประโยชน์ที่สมาชิกควรจะได้รับจากการส่งโคเข้าฆ่า
กลิ่นที่โชยมานี้ว่ากันว่ากรรมการส่วนหนึ่งของชมรมฯ เริ่มไม่สู้จะพอใจเท่าไรนัก
และทุกคนก็ปรารถนาคำตอบที่กระจ่างชัดโดยเร็ว โดยเฉพาะกับคนหนุ่มวัย 30 กว่า
ๆ เช่นกำนันหน่อยที่พวกเขาหวังเป็นอย่างมากว่าจะเป็นผู้นำการพัฒนา
ปัญหายังมีอีกมาก และอาจมากเสียจนคนหนุ่มที่พกพาแต่รอยยิ้ม คนหนุ่มที่เต็มไปด้วยความละเอียดขนาดบิลค่าน้ำมันยังต้องให้ฝ่ายบัญชีคิดออกมาเป็นกิโลเมตร
ตยหนุ่มที่เคยบอกว่าเขาผ่านความล้มเหลวในชีวิตมาแล้วหลายครั้งเช่นเขาจะต้องหาหนทางอก้ไขสถานการณ์คอขาดบาดตายอย่างเร่งด่วน
ยังไง ๆ ก็คิดว่าคงไม่ตายน้ำตื้นหรอกนะ
เพราะรุ่นที่ 3 ของบุรพรัตน์ก็อยู่ที่เขานี่แหละจะเป็นตัวจุดประกาย