Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน22 เมษายน 2554
“ตราปลาหมึก”จ่อปรับราคาน้ำปลา ลดขวดแก้ว-แตกไลน์-เพิ่มฐานตปท.             
 


   
search resources

Food and Beverage
โรงงานน้ำปลาไทย (ตราปลาหมึก), บจก.




“ปลาหมึก” กัดฟันแบกรับต้นทุนขยับ 100% ไม่ไหว จ่อยื่นกรมการค้าภายในขยับราคาเป็น 30 บาทขึ้นไปต่อขวด รุกตลาดหนักรอบ 5 ปี หนีตลาดน้ำปลาหดตัว สงครามราคาเดือด แตกไลน์เครื่องปรุงรส เบนเข็มลุยตลาดต่างประเทศ สิ้นปีรักษารายได้ 700-800 ล้านบาท

นางธิติญา นิธิปิติกาญจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โรงงานน้ำปลาไทย (ตราปลาหมึก) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาตราปลาหมึก เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท วางแผนแตกไลน์กลุ่มสินค้าใหม่นอกเหนือจากน้ำปลาในเชิงรุก ซึ่งตั้งเป้า 3 ปี จะเปิดตัวแคธิกอรี่ใหม่ปีละ 1 รายการ เป็นสินค้ากลุ่มเครื่องปรุงรส

ขณะนี้มีการพัฒนาและวิจัยสินค้าใหม่ 3-4 รายการ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวน้ำปลาตราปลาหมึกฉลากเหลือง ราคา 24 บาท เพื่อขยายฐานลูกค้าที่ต้องการรสชาติกลมกล่อม แตกต่างจากน้ำปลาฉลากเขียวเป็นรสดั้งเดิม ราคา 29 บาท ได้ทดลองจำหน่ายตลาดต่างจังหวัด และเริ่มขยายตลาดมาที่กรุงเทพปีนี้ รวมทั้งปลายปีนี้บริษัทจะแตกไลน์น้ำปลาชนิดผง

โดยใช้งบ 20 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มแม่บ้านรุ่นใหม่ หลังจากที่ผ่านมาได้หยุดการสื่อสารหรือการสร้างการรับรู้ไป ส่งผลให้การรับรู้ตราสินค้าน้อยลง โดยการกลับมารุกตลาดครั้งนี้ เนื่องจากสภาพตลาดน้ำปลามูลค่า 1 หมื่นล้านบาท หดตัวโดยเฉลี่ย 5% มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 10ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดระดับบน ซึ่งมีสัดส่วน 40% หรือมูลค่า 4,000 ล้านบาท และน้ำปลาระดับล่าง 60% หรือ 6,000 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทไม่เติบโตในช่วง 5 ปี โดยมีรายได้ 700-800 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตน้ำปลา อาทิ ปลากะตัก ปรับขึ้น 2-3เท่าตัว รวมทั้งน้ำตาล และน้ำมัน โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขอปรับราคาหน้าฉลากขึ้นจาก 26 เป็น 29 บาท แต่ราคาขายปลีกในช่องทางโมเดิร์นเทรด คือ 27 บาท และกำลังจะยื่นต่อกรมการค้าภายใน เพื่อขอปรับราคาหน้าฉลากเพิ่มขึ้น 30 บาทขึ้นไปต่อขวด เพราะต้นทุนผลิตปรับขึ้น 100% ซึ่งขณะนี้กำไรน้ำปลาบรรจุภัณฑ์ขวดมีน้อยมาก เนื่องจากมีต้นทุนสูง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์สัดส่วนต่ำกว่า 40% แต่เป็นสินค้าที่คนต่างจังหวัดนิยมใช้มากกว่าบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ทสัดส่วนสูงกว่า 60% กลุ่มผู้ใช้จะเป็นคนเมือง อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทลดสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วลดลง

“เมื่อ 10 ปีที่แล้วราคาน้ำปลาสูงกว่าราคาน้ำมันพืช แต่ตอนนี้ราคาน้ำมันพืชปรับเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหรือประมาณ 50 บาทต่อขวดแล้ว ซึ่งในสถานการณ์ขณะนี้ น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ปลากะตักที่หายากและขาดแคลน บริษัทคงตรึงราคาไว้ได้ไม่นานนัก”

นางธิติญา กล่าวว่า สภาพตลาดน้ำปลาในประเทศที่หดตัว และการแข่งขันราคาอย่างรุนแรง ประกอบกับปัจจัยการตัดสินใจซื้อคำนึงถึงราคาเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงคุณค่าหรือประโยชน์ที่ได้รับจากสินค้า การสร้างตลาดจึงต้องป้อนข้อมูลความรู้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่บริโภคน้ำปลาน้อยมา ดังนั้นบริษัทจึงหันมาให้ความสำคัญการขยายน้ำปลาในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งในอีก 5 ปีตั้งเป้ารายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 50% จากปัจจุบันปลาหมึกเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาอันดับ 1ของประเทศ โดยมีแผนขยายตลาดตะวันออกกลาง อาทิ ดูไบ ยุโรป อเมริกา ฯลฯ เพราะสามารถขายราคาที่สูงขึ้น คือ 300บาทต่อลัง เมื่อเทียบกับไทย 220 บาทต่อลัง

สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 700-800 ล้านบาท รักษารายได้ไม่ให้หดตัวลง ด้วยการครองส่วนแบ่ง 25% เป็นอันดับ 2 ของตลาด ส่วนอันดับ 1 คือ แบรนด์ทิพรส มีส่วนแบ่ง 50% คนแบกกุ้ง เกือบ 10% หอยนางรม 5% และที่เหลือเป็นอื่นๆ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us