ประเดิมรับต้นปี ในไตรมาสแรกแบบ “จัดเข้ม”สำหรับการตลาดออนไลน์ ( Online Marketing )ในการสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ 3 แบรนด์ดัง “ ซีพี-ลอรีอัล-ปริญสิริ” จากกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภคและอสังหาริมทรัพย์ ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ผู้บริโภควัยทีน และคนรุ่นใหม่ชอบแบ่งปันข้อมูล และค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์ด้วยตัวเองมากขึ้น

สื่อออนไลน์ซีพี เจาะใจวัยทีน

เริ่มจากแบรนด์ซีพี สินค้าไส้กรอก จากค่าย เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) โดยแบรนด์ไส้กรอกซีพีได้จัดเต็ม ทำตลาดแบบออนไลน์ โดยมีการใช้เว็บไซต์ และสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กFacebook, Twitter, เป็นเครื่องมือหลัก โดยมีการเปิดเว็บไซต์ใหม่ชื่อว่า www.SausageMansion.com พร้อมแชร์ลิงค์ส่งความฮาให้เพื่อนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก Facebook, Twitter, อีเมล์ หรือบล็อกตัวละคร ควบคู่ไปกับการทำละครสั้นๆเป็นตอน หรือ ซิทคอมสำหรับ “ซอสเซส แมนชั่น” จัดเป็น ซิทคอมเรื่องแรกของประเทศไทยในรูปแบบออนไลน์ ที่เปิดให้ชมแบบจุใจฟรีๆ ถึง 16 ตอน

ขณะเดียวกัน ได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้ชิทแฮนด์แชท อัพเดทเทรนด์ไลฟ์สไตล์มันส์ๆ อาทิ ดนตรี, ทำอาหาร เป็นต้น โดยมีการเชื่อมเว็บเข้ากับระบบของ Facebook Social Plug in เช่น การกด ‘like’ หรือระบบ ‘comment’

“เป้าหมายของสื่อโซเชียลเน็ทเวิร์ก และการตลาดออนไลน์ เพื่อให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลออกไปในวงกว้าง และยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกพร้อมลุ้นของรางวัลอีกมากมาย นอกจากนี้สื่อ MUPI และ Poster ยังมี QR Code ซึ่งสามารถถ่ายรูปแล้วลิงค์ไปชมวีดีโอได้ทันทีอีกด้วย

ลอรีอัล วิชีคอมมูนิตี้-สร้างแบรนด์

ขณะที่ สินค้เวชสำอางอย่างแบรนด์ วิชี่ของ ค่ายลอรีอัล ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ได้ประกาศหันมาทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะแบรนด์วิชี่ ( Vichy ) เวชสำอางใบหน้าระดับพรีเมี่ยมในปีนี้ได้ใช้โซเชียลเน็ทเวิร์คอย่าง Facebookเป็นเครื่องมือหลักในการทำตลาดและสร้างแบรนด์ ประเดิมเป็นแบรนด์แรกแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ขณะที่แบรนด์อื่นๆของบริษัทก็จะจัดงบ 5-10% ทั้งนี้ถือเป็น 1 ใน 3 กลยุทธ์หลัก ( Faster-Wider-Better ) ที่เรียกว่า Wider Strategyที่ค่ายลอรีอัล ใช้บุกตลาดในปีนี้

เหตุผลที่ลอรีอัล ใช้ช่องทางโซเชียลเน็ทเวิร์คนี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) ฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ ให้เหตุผลว่า เนื่องจาก วิชีเป็นเวชสำอาง มีกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์หาข้อมูล อีกทั้งสินค้าเวชสำอางเป็นสินค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือ จากเดิมลูกค้าดังกล่าว หาข้อมูลจากร้านจำหน่ายยาหรือแพทย์ผิวหนัง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นการหาข้อมูลด้วยตัวเอง โดยเน้นพูดคุยหาข้อมูลจากกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ใช้แบรนด์ดังกล่าว

" จากการศึกษาพฤติกรรมพบว่า ผู้บริโภคสินค้าเวชสำอางมีพฤติกรรมชอบค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง ดังนั้น แบรนด์วิชี่จึงเลือกใช้สื่อโซเชียลเน็ทเวิร์คอย่างFaceBook เป็นเครื่องมือหลักในการทำตลาด ทั้งนี้ ข้อดีของการทำตลาดfacebook คือ สามารถเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความน่าเชือถือและยังเป็นรูปแบบการบอกต่อปากต่อ หรือ Word of Mouth อีกด้วย "

ล่าสุดจากการสำรวจของผู้จัดการ 360 องศารายสัปดาห์พบว่า แฟนเพจของวิชีที่กดlikeเข้ามาเป็นสมาชิกกว่า 24000 คนจากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นสมาชิกเครือข่ายเป็นผู้หญิง

“ปริญสิริ”จัดเข้ม
ออนไลน์ +โซเชียลเนทเวิร์ก

ด้านแบรนด์ “ปริญสิริ” จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดได้สร้างช่องทางการสื่อสารรูปแบบ “มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง” โดยได้จัดทำการสื่อสารเกี่ยวกับแบรนด์ผ่านเรื่องสั้น 3 เรื่อง และมิวสิค วิดีโอ 1 เรื่อง เพื่อให้ง่ายต่อการสร้างความเข้าใจของแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น จึงได้ใช้กลยุทธ์การสื่อสารรูปแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ www.prinsiri.com และผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์คบน Facebook : Prinsiri เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก

เหตุผล เนื่องจากในทุกวันนี้กลุ่มลูกค้าต่างๆ นิยมรับข่าวสารและค้นหาข้อมูลต่างๆ บนโลกออนไลน์มากขึ้น โดยได้ปรับรูปแบบเว็บไซต์ของปริญสิริเพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลโครงการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับเรื่องแบรนด์และการใช้ชีวิตของสมาชิกปริญสิริในโครงการฯ ต่างๆ ผ่านวิดีโอคลิป เพื่อให้กลุ่มลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร พร้อมรับทราบความเคลื่อนไหวของปริญสิริทั้งโครงการใหม่ๆ และกิจกรรมการร่วมสนุกได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เร่งขยายเพิ่มรูปแบบการสื่อสารแบบเจาะลึกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าด้วยสื่อนิตยสารชั้นนำของประเทศไทยอีกด้วย” พัชรี โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)ให้ความเห็น