การประกาศขยายไปสู่สื่อวิทยุออนไลน์ และรุกธุรกิจอีเว้นต์ของกลุ่มแอปโซลูท อิมแพค เมื่อเร็วๆนี้ และเตรียมเปิดช่องชอปปิ้งทางเคเบิลทีวีใหม่อีก 1 ช่องในปลายปีนี้ของกลุ่มอาร์เอสฯ ตอกย้ำให้เห็นชัดว่า ปี 2554 สื่อโฆษณาในอาคาร ( Instore Media) เข้าสู่โหมด "เปิดเกมรุก" อย่างจริงจังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เป้าหมายหลักครั้งนี้ ของ 2 ใน 11 กลุ่มผู้ผลิตสื่อโฆษณาในอาคาร คือ การมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่ซื้อสื่อของบริษัท ลูกค้าตรง หรือ ผู้ชมเคเบิลทีวี ที่มีฐานจำนวนสมาชิกจำนวนมาก และจัดเป็นสื่อเนื้อหอมที่สุดเวลานี้ รวมทั้งสร้างรายได้สร้างให้กับแต่ละบริษัท เพื่อให้ธุรกิจสื่อโฆษณาของบริษัทประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่งอีกด้วย

อาร์เอสฯรุก สื่อเคเบิลทีวี

ทั้งนี้ หากจำกันได้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อาร์เอส อินสโตร์มีเดีย ได้เดินหน้าประกาศแผนธุรกิจในปี 2554 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ว่า บริษัทฯ จะมุ่งลงทุนในสื่อใหม่ๆที่มีการยอมรับและตรงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามาช่วยเสริมให้สื่อน่าสนใจและได้รับความนิยม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ด้านการขายที่คงเน้นหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆเข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสทางการขายให้มีปริมาณที่สูงขึ้น และในขณะเดียวกันยังช่วงลดต้นทุนต่างๆได้อีกด้วย

" ภายในไตรมาสที่ 3 หรือ 4 อาร์เอสฯมีแผนที่จะเปิดช่องเคเบิลทีวีใหม่ "Shopping Channel"ในช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส4 ของปีนี้อีก 1 ช่อง อีกทั้งเพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลสินค้าและบริการที่มีอยู่ให้เข้าถึงและให้ได้การรับรู้อย่างกว้างขวาง ผ่านสื่อเคเบิลทีวี ซึ่งในเวลานี้จัดว่าเป็นสื่อที่มีคนบริโภคมากที่สุดอีกช่องทางหนึ่ง อีกทั้ง เพื่อตอบโจทย์การขยายฐานลูกค้าของอาร์เอส อินสโตร์มีเดีย และเข้าถึงลูกค้าได้ชัดเจนและมากยิ่งขึ้น" แหล่งข่าวบอก

ขณะเดียวกัน ยังขยายธุรกิจในการบริหารสื่อ P.O.P Radio โดยจะเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจ ในรูปแบบ Community media คือ การขยายสื่อไปยังชุมชนต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างกับรายการปัจจุบันใน โมเดิร์น เทรด นอกจากนั้นบริษัทฯยังมีแผนขยายสื่อประเภท Bus Ad. พร้อมกับขยายสัมปทานเพิ่มเติม อีก 1 สาย หรือกว่าอีก 40 คัน ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า โดยเจาะกลุ่มลูกค้าใจกลางเมืองเป็นหลัก ควบคู่กับการพัฒนาโฆษณาบนรถให้มีความทันสมัยมากขึ้น ตลอดจนเดินหน้าพัฒนาสื่อประเภท LCD ด้วยการเน้นการทำกิจกรรมและปรับแผนการขายให้ทันสมัย น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

“ ผมมั่นใจว่าแนวโน้มของสื่ออินสโตร์ ยังคงเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนไป ไม่ได้ซื้อสินค้าครั้งละมากชิ้น แต่จะซื้อเพียงน้อยชิ้นเท่าที่ต้องการ จึงต้องเลือกแบรนด์ที่คุ้มค่าที่สุด จึงทำให้บทบาทของสื่ออินสโตร์ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค เข้าไปมีส่วนในการตัดสินใจของผู้บริโภค ที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเชื่อมั่นว่าเมื่อบริษัทฯ มีความพร้อม ผนวกกับความร่วมมือของพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะเป็นอาวุธสำคัญในการรุกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดการรายได้ปี 54 ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท หรือโตกว่า 30 % ” จิรพงศ์ โรจนวาสี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ให้ความเห็น

เปิดสื่อวิทยุ-รุกเกมส์ออนไลน์

ล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้ กลุ่ม แอปโซลูท อิมแพค จำกัด(มหาชน)หรือ AIM ผู้ดำเนินธุรกิจการให้บริการสื่อโฆษณา Instore Media ผ่านสื่อจอภาพดิจิตอล 2 และ 3 มิติในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ดิ เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ และอาคารจามจุรีสแควร์ โดย กนกวัลย์ วรรณบุตร กรรมการผู้จัดการ บอกถึง แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2554 ว่า บริษัทจะเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่ซื้อสื่อของบริษัทเป็นหลัก เช่น เอเจนซี่โฆษณา , ลูกค้าตรง เป็นต้น รวมทั้งยังได้พัฒนาสื่อในห้างใหม่อีก 2 สื่อคือ Mradio ซึ่งเป็นสถานีวิทยุออนไลน์ออกอากาศเฉพาะห้างเดอะมอลล์ทุกสาขาในกทม. ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. และรับฟังจากสถานที่ต่าง ๆผ่านอินเตอร์เน็ต ส่วนสื่อประเภท Ambiente หรือ Scroller media จะมีลักษณะเป็นป้ายขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในจุดเด่น ๆ ภายในห้างเดอะมอลล์

อีกทั้ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เอนโม จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านการให้บริการเกมออนไลน์ Sangokushi (ซันโกคุชิ) มหาสงครามสามก๊ก ซึ่งเป็นเกมแรกที่ได้รับลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่น และบริษัท อรูมายไลท์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านการวางแผน การจัดงาน จัดกิจกรรม CSR ต่าง ๆ ตลอดจนการผลิต เผยแพร่ งานด้านการสื่อสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสังคมของหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ทั้งนี้หลังจากเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี

บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นให้บริการเกมออนไลน์บนเว็บเบราเซอร์ หรือเว็บเบสเกมออนไลน์เป็นหลัก พร้อมทั้งจะเปิดให้บริการเกมใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกประมาณ 3-4 เกมภายในปี 2554 รวมทั้งจะมีการพัฒนาเกมออนไลน์ฟอร์มใหญ่ ๆ ประเภทไคลเอนท์เบสเพื่อเป็นช่องทางขยายตลาดเกมให้มีฐานกว้างขึ้น จนถึงการขยายตลาดเกมออกไปสู่ธุรกิจใหม่อื่น ๆที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบัน เกมส์ออนไลน์มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,500-4,500 ล้านบาท โดยบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดยังเป็นผู้ให้บริการรายเดิม ขณะที่เกมบนระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น เฟซบุ๊ค มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้แนวทางของเกมออนไลน์ในโลกมีการปรับรูปแบบอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น