|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตั้งแต่จำความได้ Fia Andram รู้แต่ว่า เธอรักเกาะ Resaro ในหมู่เกาะของสตอกโฮล์มเป็นที่สุด เธอใช้ชีวิตที่นี่อย่างสุขสงบกับ Kenneth ผู้สามี
“เดิมที พ่อแม่ดิฉันเป็นคนสร้างบ้านพักตากอากาศฤดูร้อนขึ้นที่เกาะนี้เมื่อปี 1952”
ต่อมาสองสามีภรรยารับช่วงเป็นเจ้าของในทศวรรษ 1970 พวกเขาใช้เป็นบ้านพักตากอากาศช่วงวันหยุด และเริ่มบูรณะเสียใหม่จนกลายเป็นบ้านขนาด 5 ห้อง ทั้งยังคอยปลูกฝังให้ลูกๆ ทั้งสองคนมีความรู้สึกผูกพันใกล้ชิดกับโลกแห่งธรรมชาติที่รายล้อมอยู่ด้วย
Fia เล่ารายละเอียดต่อไปว่า
“แต่เราวางแผนไว้แล้วว่า เมื่อลูกๆ โตและแยกบ้านไปกัน หมด เราจะมาอยู่ที่นี่อย่างถาวร เมื่อถึงเวลาจริงๆ บ้านนี้กลับดูเหมือนใหญ่โตเกินไปเสียแล้ว เราอยากได้บ้านหลังเล็กกว่านี้ ที่สำคัญคือ มีความกลมกลืนอยู่กับภูมิประเทศที่เป็นธรรมชาติ และ ง่ายต่อการดูแลกว่า”
อย่างไรก็ตาม ทั้ง Fia กับ Kenneth ต่างยอมรับว่า ตัวทำเลที่ตั้งเหมาะสมดีแล้ว “ก็ต้องเป็นที่นี่แหละ เพราะมีความโดดเด่นเฉพาะตัวมาก ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามอย่างไม่มีที่ติ ขณะเดียวกันก็ให้ความเป็นส่วนตัวขั้นสุดยอดเลยทีเดียว เรารักที่นี่มาก เสียจนไม่มีความคิดเรื่องการจากไปอยู่ในหัวสมอง”
เกาะแห่งนี้มีข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งคือ อยู่ห่างจากกรุงสตอกโฮล์มทางรถยนต์เพียง 40 นาที
ทั้งๆ ที่บ้านหลังใหญ่หลังเก่าเต็มไปด้วยความทรงจำและประวัติศาสตร์ของครอบครัวร่วม 60 ปี แต่ทั้งคู่ได้ตัดใจรื้อบ้านหลังเดิม และสร้างบ้านหลังใหม่ลงบนที่ดินแปลงเดิม
Fia เล่าว่า
“เราตัดสินใจได้ไม่ยาก เพราะเราพร้อมรับเอาวิถีการดำเนิน ชีวิตใหม่ๆ เข้ามาอยู่แล้ว”
สถาปนิกผู้รับผิดชอบงานออกแบบไม่ใช่ใครอื่น Michael ลูกชายของทั้งคู่นั่นเอง เขากระตือรือร้นในงานสร้างบ้านร่วมสมัย ให้พ่อแม่เป็นที่สุด นอกจากนี้ เขายังมีความผูกพันกับเกาะ Resaro มากเป็นพิเศษด้วย
“เรานั่งคุยกันว่าพ่อกับแม่ต้องการอะไรบ้าง ในที่สุดเราชัดเจนในความคิดเกี่ยวกับบ้านในจินตนาการหลังนี้ว่า ภายในตัวบ้านต้องเปิดโล่ง มี 2 ห้องนอน พร้อมเรือนรับรองแยกออกไป ต่างหากอีกหนึ่งหลัง ต้องเป็นบ้านที่พ่อกับแม่อยู่อย่างสุขสงบตลอด บั้นปลายของชีวิตพวกท่าน”
เริ่มแรก Michael ต้องเกลี้ยกล่อมให้พ่อกับแม่ยอมย้ายทำเลของบ้านใหม่ คือให้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาลาดต่ำลงไปกว่าเดิม
Fia ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้และเล่าว่า
“แน่นอน เราต้องอยากสร้างบ้านตรงจุดที่อยู่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ Michael พยายามหว่านล้อมเราว่า ถ้าให้บ้านซ่อนตัวอยู่หลังสวนหินแกรนิตขนาดใหญ่ เราจะได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและที่กำบังในเวลาเดียวกัน”
ทั้งคู่เห็นชอบตามที่ลูกชายเกลี้ยกล่อมและยอมรับว่า เพราะ ธรรมชาติรอบตัวที่สวยงามเกินคำบรรยายนี่เอง ที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจ และสุดท้ายก็ผูกพันกับบ้านหลังใหม่ ทั้งยังหลงรักอย่าง ถอนตัวไม่ขึ้นเสียด้วย
ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนในบ้าน ทะเลปรากฏให้เห็นให้สดชื่นหัวใจตลอดเวลา เท่ากับนำความงดงามจากภายนอกเข้ามาอยู่ใน บ้านอย่างง่ายดาย แต่การติดตั้งกระจกสุญญากาศ 3 ชั้น ซึ่งเป็น สไตล์การตกแต่งกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ทำให้บ้านมีฉนวนชั้นดีที่สามารถทนทานกับสภาพอากาศทุกรูปแบบ
Kenneth ผู้เป็นเจ้าของร่วมของบริษัทแฟชั่น Boomerang กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทั้งทะเล ก้อนหิน และคลื่นในทะล ล้วนเป็นแหล่งบันดาลใจสำคัญที่สุดของงานออกแบบของเขา “เหมือนบ้าน หลังนี้ สำหรับเราแล้ว มันทำให้ชีวิตของเรามีความหมายขึ้นมา”
บ้านหลังนี้ไม่แตกต่างจากบ้านชาวสวีเดนคนอื่นๆ ในแง่ที่ว่า ในฤดูหนาวเวลากลางวันสั้นมาก จึงต้องออกแบบบ้านให้สามารถรับแสงสว่างได้มากที่สุด บ้านนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และติดตั้งประตูกระจกบานเลื่อน จึงทำให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามาในตัวบ้านได้เกือบทุกตารางนิ้ว นอกจากนี้ สูตรการออกแบบ ตกแต่งภายในของชาวสแกนดิเนเวีย คือ ห้องทาสีขาวซีด ผนังสีขาว และพื้นผิวเป็นมันวาว (tried-and-tested formula) ก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อย ทำให้บ้านทั้งหลังแลดูอบอุ่นและอ่อนโยน
Fia ใช้ลูกเล่นการตกแต่งแบบ “ตัดกัน” สร้างจุดสนใจและสะดุดตาอย่างได้ผล เช่น ใช้หนังแกะคลุมเก้าอี้ ปูพรมหรูบนพื้นไม้ และใช้ผ้านวมคลุมเตียงและหมอนสวยหรูประดับบนเตียง พร้อมทั้งตบท้ายว่า
“ไม่ว่าอากาศข้างนอกจะเป็นอย่างไร เราก็ยังมีความสุขและซาบซึ้งใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับจากความสะดวกสบายในห้องนั่งเล่นของเรา”
|
|
|
|
|