Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา เมษายน 2554
วิลเลียม เทอร์เนอร์ ผู้นำร่องอิมเพรสชั่นนิสต์             
โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
 


   
search resources

Art




พี่ชายน้องสาวกลับจากศึกษาในต่างประเทศในเวลาใกล้เคียงกัน น้องสาวกลับมาก่อน หอบภาพรีโปรดัคชั่นของอิมเพรสชั่นนิสต์ฝรั่งเศสหลายคนเช่น โคล้ด โมเนต์ (Claude Monet) เอดการ์ เดอกาส์ (Edgar Degas) ปิแอร์-โอกุสต์ เรอนัวร์ (Pierre-Auguste Renoir) ฯลฯ พี่ชายกลับจากอังกฤษพร้อมภาพรีโปรดัคชั่นของจิตรกรชาวอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิลเลียม เทอร์เนอร์ (William Turner)

วิลเลียม เทอร์เนอร์ มีชื่อเต็มว่า โจเซฟ มัลลอร์ด วิลเลียม เทอร์เนอร์ (Joseph Mallord William Turner) เกิดในปี 1775 ในย่านโคเวนต์การ์เดน (Covent Garden) ในลอนดอน พ่อเป็นช่างตัดผม แม่ป่วยทางจิตจนต้องเข้ารับการบำบัด

พ่อจึงส่งลูกชายไปอยู่กับลุงที่เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) ริมแม่น้ำเทมส์ (Thames) แล้วจึงไปเรียนหนังสือที่มาร์เกท (Margate) วิลเลียม เทอร์เนอร์ติดใจทัศนียภาพริมน้ำ และค้นพบว่าชอบการเขียนรูป จึงเริ่มเขียน รูปส่งไปให้พ่อตั้งแสดงในร้าน ในปี 1789 ขณะอายุ 14 ปี เข้าโรงเรียนเตรียมของ Royal Academy of Arts ปีถัดไปจึงเข้า Royal Academy โดยมีเซอร์โจชัว เรย์โนลส์ (Sir Joshua Reynolds) อธิการบดีเป็นประธานในการรับเขาเข้าเรียน วิลเลียม เทอร์เนอร์เลือกเรียนสถาปัตยกรรม ทว่าโทมัส ฮาร์ดวิค (Thomas Hardwick) อาจารย์ผู้หนึ่งแนะนำให้เขาเรียนจิตรกรรม

Fisherman at sea เป็นภาพสีน้ำมันภาพแรกของวิลเลียม เทอร์เนอร์ได้แสดงที่ Royal Academy นับแต่นั้นผลงานของเขาได้รับการแสดงที่สถาบันแห่งนี้ ทุกปี ภาพเขียนของวิลเลียม เทอร์เนอร์ โรแมนติก แสดงทัศนียภาพเป็นส่วนใหญ่ เป็นทิวทัศน์ในอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทะเล เน้นการใช้แสง จนได้ชื่อว่า Painter of the light-จิตรกรแห่งแสง เขามีชื่อด้าน ภาพสีน้ำมัน แต่ก็เขียนภาพสีน้ำด้วย เขาได้รับอิทธิพลจากจิตรกรอย่างโคล้ด เจลเล (Claude Gellee) หรืออีกนัยหนึ่งโคล้ด เลอ ลอแรง (Claude le Lorrain) รุยสเดล (Ruysdael) จอห์น โรเบิร์ต โคเซนส์ (John Robert Cozens) อัลแบรต์ คุป (Aelbert Cuyp) และนิโกลาส์ ปุสแซง (Nicolas Poussin)

วิลเลียม เทอร์เนอร์ได้เป็นสมาชิกสมทบของ Royal Academy ขณะอายุ 27 ปี เขาสอนหนังสือด้าน perspective และได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ในปี 1845

ผู้ชื่นชอบผลงานของวิลเลียม เทอร์ เนอร์อย่างวอลเตอร์ แรมสเดน ฟอร์คส์ (Walter Ramsden Fawkes) เชิญเขาไปที่ออตลีย์ (Otley) จึงได้เขียนรูปที่เมืองนี้ ภาพดังชื่อ Hannibal and his army crossing the Alps ได้รับความบันดาลใจ จากพายุที่ได้เห็นที่เมืองนี้ นอกจากนั้นยังได้รับเชิญไปพักที่ Petworth House ในซัสเซกส์ (Sussex) หลายครั้ง

ยิ่งอายุมากขึ้น วิลเลียม เทอร์เนอร์ ยิ่งไม่คบใคร เขาอยู่กับพ่อจนพ่อเสียชีวิต หลังจากนั้นมีอารมณ์ผันผวนมาก และปลีกตัวจากสังคมในปี 1846 ใช้ชื่อแฝงว่า Mr.Booth ผลงานของเขาแสดงครั้งสุดท้าย ที่ Royal Academy ในปี 1850 และถึงแก่กรรมในปี 1851 เขาแจ้งความประสงค์ให้ฝังศพเขาที่วิหารเซนต์-ปอล (Saint-Paul Cathedral) ในลอนดอน เขาจึงได้ทอดร่างเคียงข้างเซอร์โจชัว เรย์โนลส์ มรดกของวิลเลียม เทอร์เนอร์มีไม่เยอะ ส่วนหนึ่งแบ่งให้ลูกพี่ลูกน้องคือ โทมัส ไพรซ์ เทอร์เนอร์ (Thomas Price Turner) อีกส่วนหนึ่งมอบให้ Royal Academy

วิลเลียม เทอร์เนอร์มอบภาพเขียนส่วนใหญ่ให้ National Gallery ปัจจุบันผลงานส่วนใหญ่อยู่ที่ Tate Britain ในลอนดอน ด้วยความประสงค์ให้รวบรวมผลงานของเขาอยู่ด้วยกันทั้งหมด หากในยุคหนึ่ง รัฐสภาอังกฤษอนุมัติให้นำภาพเขียนของวิลเลียม เทอร์เนอร์ออกนอกกรุง ลอนดอนได้ ซึ่งผิดความประสงค์ของเขา ผลงานของเขาภาพสีน้ำมันกว่า 300 ชิ้น ภาพสีน้ำและภาพร่างอีกมากมาย

ในปี 1984 มีการตั้งรางวัลด้านศิลปะ Turner Prize เป็นเกียรติแก่วิลเลียม เทอร์เนอร์

นิทรรศการ William Turner and his painters จัดที่ลอนดอนตั้งแต่เดือนกันยายน 2009 ถึงมกราคม 2010 จากนั้น จึงข้ามทะเลมาจัดที่ปารีสในชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า William Turner et ses peintres ที่กรองด์ ปาเลส์ (Grand Palais) ในเดือนกุมภาพันธ์จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2010 และจะเดินทางต่อ ไปแสดงที่แมดริดในสเปน

วิลเลียม เทอร์เนอร์ ถือเป็นจิตรกร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ นิทรรศการ William Turner et ses peintres แสดงภาพเขียนของเขาเทียบกับภาพของจิตรกร ที่ให้แรงบันดาลใจแก่เขา รวมทั้งภาพเขียน ของจิตรกรในยุคเดียวกัน อย่างไรก็ตามนิทรรศการแสดงภาพเขียนของเขาเป็นส่วนใหญ่ มีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่เป็นภาพของจิตรกรอื่น ส่วนใหญ่เป็นภาพทิวทัศน์ เห็นวิลเลียม เทอร์เนอร์ “เล่น” แสงและ “น้ำ” และการเขียนรูปที่ไม่เน้นกรอบนอก ถือเป็นจิตรกรที่นำร่องกระแสอิมเพรสชั่นนิสต์ของฝรั่งเศส

วิลเลียม เทอร์เนอร์ชอบเดินทาง เริ่มจากภายในอังกฤษ สกอตแลนด์ พลันที่สงครามระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสสิ้นสุดลง เขาเดินทางไปฝรั่งเศส มุ่งตรงไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre) ชอบภาพเขียนของโคล้ด เลอ ลอแรง (Claude le Lorrain) นิโกลาส์ ปุสแซง (Nicolas Poussin) และอองต็วน วัตโต (Antoine Watteau) เขาเดินทางไปยังฮอลแลนด์ ชอบภาพเขียนของเรมแบรนด์ (Rem-brandt) และรุยสเดล (Ruysdael) ไปติด ใจอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เวนิสซึ่งเขาไปถึง 3 ครั้งด้วยกัน ชอบภาพเขียนของราฟาเอล (Raphael) ติเชียง (Titien) กานาเลตโต (Canaletto) นอกจากนั้นยังไปสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย เยอรมนี ภาพเขียนที่เขาได้ไปชม ทัศนียภาพที่เห็นผ่าน ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเขียนรูป

นอกจากทิวทัศน์แล้ว วิลเลียม เทอร์เนอร์ยังชอบสังเกตการณ์ธรรมชาติ ฝน ลม พายุ เมฆ หมอก และร่างไว้เพื่อเขียนภาพในภายหลัง

วิลเลียม เทอร์เนอร์ชอบภาพ Port de mer avec l’embarquement de la reine Saba ของโคล้ด เลอ ลอแรง (Claude le Lorrain) ถึงกับบ่งไว้ในพินัยกรรมว่าขอให้แขวนภาพของเขาชื่อ Dido building Carthage เคียงข้างภาพเขียนของโคล้ด เลอแรงที่ National Gallery นอกจากนั้นยังหลงใหลภาพ paysage avec Jacob et ses filles ของโคล้ด เลอ ลอแรง อันบันดาลใจให้เขาเขียนภาพ Palestrina เขาประทับใจภาพของนิโกลาส์ ปุสแซง ชื่อ L’hiver ou le deluge จนเป็นแบบอย่างให้เขาเขียนภาพ Le deluge และเมื่อได้ชมภาพ Les deux cousines ของอองต็วน วัตโต (Antoine Watteau) เขาฮึดเขียนรูปในสไตล์เดียวกันทั้งๆ ที่ไม่ถนัดเขียนภาพคน หากวิลเลียม เทอร์เนอร์ก็รังสรรค์ภาพชื่อ As you like it ซึ่งได้รับความบันดาลใจจากผลงานของเชคสเปียร์ในชื่อเดียวกัน

เมื่อโคล้ด โมเนต์ (Claude Monet) และกามีย์ ปิสซาโร (Camille Pissaro) ไปเยือนกรุงลอนดอน ได้เห็นภาพชื่อ Rain, storm and speed ของวิลเลียม เทอร์เนอร์ ต่างตื่นตาตื่นใจกับการใช้แสงของจิตรกรอังกฤษ ซึ่งตรงกับหลักของอิมเพรสชั่นนิสต์ โคล้ด โมเนต์เขียนรูปในอังกฤษหลายรูปด้วยกัน เป็นทิวทัศน์ที่ซ่อนตัวในหมอก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us