หลังจากที่ธุรกิจฟิตเนสกลายเป็นที่นิยมของคนไทย แม้แต่ช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยภาพคนไทยที่ออกกำลังกายตามฟิตเนสกลับไม่ลดลงเลย ทำให้การแข่งขันของฟิตเนสมีความรุนแรงมากขึ้นและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการที่แต่ละรายพยายามให้สิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งเข้ามาให้ลูกค้าได้ใช้ หรือการเพิ่มคลาสเรียนให้มากขึ้นเพื่อสร้างกิจกรรมที่หลากหลาย
สมรภูมิการแข่งขันธุรกิจฟิตเนสไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งกันขึ้นเป็นที่ 1 เนื่องจากมูลค่าตลาดฟิตเนสของโลกอยู่ในระดับที่สูงถึง 67,185,040,085 ล้านบาท ขณะที่ไทยมูลค่าตลาดก็ไม่ได้น้อยหน้าอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท โดยธุรกิจฟิตเนสในไทยมีด้วยกัน 3 แบรนด์ใหญ่ คือ ฟิตเนส เฟิรส์ท,แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ และทรูฟิตเนส นอกจากนี้ ยังมีฟิตเนสห้องแถวอีกจำนวนไม่น้อยรวมแล้วมีสาขาทั่วประเทศ 1,011 สาขา จำนวนสมาชิกของทุกบริษัททั่วประเทศมี 540,000 คน
โดยผู้ที่เตรียมขึ้นแท่นอันดับ 1 อย่าง “ฟิตเนส เฟิรส์ท” ปีนี้เตรียมทุ่มเม็ดเงินลงทุนกว่า 285 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่อีก2สาขาและปี 2555 อีก 1 สาขาพร้อมกับยกมาตรฐานสาขาปัจจุบันให้ดีขึ้น คาดเป้าหมายของการทุ่มเม็ดเงินจะสร้างฐานลูกค้าได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ปัจจุบัน “ฟิตเนส เฟิรส์ท” มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15%
พร้อมชูแนวคิด "MAKE THE WORLD A FITTER PLACE" ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการและกิจกรรมใหม่ๆ รวม 10 รายการ อาทิ คลาสซูมบ้า การเต้นแนวลาตินทางเลือกใหม่ของสมาชิกคลาสบอดี้แจม ฟิตซิงค์ โปรแกรมบริหารจัดการการออกกำลังกายและแอพพลิเคชั่นออนไลน์เพื่อคนรักสุขภาพ ฯลฯ ซึ่ง “ฟิตเนส เฟิรส์ท” ทุ่มงบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการกว่า 50 ล้านบาท คาดว่ากิจกรรมเหล่านี้จะช่วยดึงลูกค้าใน 18 สาขาให้อยุ่กับ “ฟิตเนส เฟิรส์ท” อย่างต่อเนื่อง
การหันมารุกตลาดฟิตเนสในไทยของ “ฟิตเนส เฟิรส์ท” เพราะมีอัตราการเติบโตของธุรกิจที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคาดว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะมียอดสมาชิกรวมในประเทศกว่า 65,000 คน เนื่องจากการขยายสาขาใหม่และเพิ่มผลิตภัณฑ์-บริการ
โดย “ฟิตเนส เฟิรส์ท” มีรายได้หลักเป็นค่าบริการรายเดือนจากสมาชิกที่ทำสัญญาตั้งแต่ 1 - 24 เดือนโดยร้อยละ 90 ทำสัญญาแบบ 12เดือนและเสียค่าบริการรายเดือนเฉลี่ย 1,900 - 2,800 บาทตามประเภทบริการ ซึ่งรายได้ของ “ฟิตเนส เฟิรส์ท” ปี 2553 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาทโตขึ้นจาก 2552 5% และคาดว่าปี 2554 จะมีอัตราการเติบโต 7%
สำหรับสาขาใหม่ที่จะเปิดในช่วงไตรมาสที่ 2มีแผนที่จะเปิดสาขาที่ 19 บนพื้นที่ของเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น บนพื้นที่กว่า 1,700 ตารางเมตร รองรับจำนวนสมาชิกได้สูงสุดกว่า 4,000 คน ส่วนสาขาที่ 20 จะเปิดช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9บนพื้นที่ขนาดกว่า 2,200 ตารางเมตร และสาขาที่ 21 ศูนย์การค้าเมกะบางนา ถนนบางนา-ตราด ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555บนพื้นที่ขนาดกว่า 2,200 ตารางเมตร
ทั้งการเปิดสาขาใหม่และการเพิ่มผลิตภัณฑ์-บริการใหม่ คือ กลยุทธ์สำคัญที่ “ฟิตเนส เฟิรส์ท” ใช้เพิ่มพาตัวเองไปขึ้นแท่นอันดับ 1 ในตลาด
ขณะที่ “แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์” ซึ่งมีสมาชิกปัจจุบันอยู่ที่ 159,000 ราย มีการใช้บริการทุกวันประมาณ 20,000 คน/วัน ถือเป็นอันดับ 1 ของตลาด แต่เมื่อ2 ปีที่ผ่านมาต้องประสบกับชะตากรรมที่แย่ เพราะถูกผู้ถือหุ้น อย่างเมเจอร์ขายหุ้นบางส่วนทิ้ง เนื่องจากทนไม่ไหวกับภาพลักษณ์ของ “แคลิฟอร์เนีย” ที่ถูกสมาชิกต่อว่าจำนวนมากทำให้กิจการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ปี 2553 “แคลิฟอร์เนีย” จึงได้ปรับรูปแบบการบริหารจากเดิมที่เน้นรายได้จากการเก็บค่าสมาชิกแบบรายเดือน 7% และค่ารักษาสมาชิก 93% ก็ปรับสัดส่วนรายได้จากค่าสมาชิกรายเดือนเพิ่มขึ้น 50% อีก 50% มาจากค่ารักษาสมาชิก และคาดว่าปี 2554 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้สมาชิกรายเดือนเป็น 70% และอีก 30% จะมาจากค่ารักษาสมาชิก
ด้าน “ทรู ฟิตเนส” แม้จะถูกรั้งท้ายเป็นอันดับ 3เมื่อ 2 ปีก่อน “ทรู ฟิตเนส” จึงเปิดเกมรุกเพิ่มสมาชิกด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่ ดิ เอสพละนาด รัตนาธิเบศน์ พร้อมกับส่งทีมงานไปตั้งโต๊ะรับสมัครสมาชิกที่คาร์ฟรู รัตนาธิเบศร์ โดยสนอเงื่อนไขการสมัคร สำหรับ 20 รายแรกที่สมัคร ด้วยการลดค่าแรกเข้า เพียง 800 บาท จากปรกติที่เก็บ 8,000 บาท เรียกได้ว่ากลยุทธ์ลดราคาทำให้คนไหลเข้าไปเป็นสมาชิกของ “ทรู ฟิตเนส” ไม่น้อย
ที่สำคัญภาพการตั้งโต๊ะรับสมาชิกของ “ทรู ฟิตเนส” มีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่องตามหน้าสาขา หรือตามรถไฟฟ้า นับเป็นการตลาดเชิงรุกที่น่าจะดึงยอดขายของ “ทรู ฟิตเนส” ให้เพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
อัพเดดล่าสุด 3/22/2011 3:27:04 PM โดย Chaotip Kleekhaew
หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :
Close
|