|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มัลลิกา อิทธิสกุลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มภาคพื้นอินโดจีน
ไบกอน จับเทรนด์ตลาดโลก ชูนวัตกรรม “สารสกัดจากธรรมชาติ” เป็นจุดขายต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่ม 100 ล้านบาท เข็นสูตร “ดิ-เลมอนนีน สารสกัดจากเปลือกส้ม” ลุยตลาดต่อจาก “กลิ่นลาเวนเดอร์” หลังได้ผลตอบรับดีทั้งในรูปแบบขดและสเปรย์ การขยับในก้าวนี้ เป้าหมายอยู่ที่การทิ้งห่าง “ชิลด์ท้อกซ์” เป็นเท่าตัว ด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งจาก 42% เป็น 45% ในสิ้นปีนี้ เพื่อตอกบัลลังก์แชมป์ทุกกลุ่ม หลังปีก่อนขึ้นเบอร์ 1 ตลาดขดแทน “ห่านฟ้า” ครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี
ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงมีมูลค่า 4,100 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์ 54% คิดเป็นมูลค่า 2,214 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า บนสังเวียนนี้ “ไบกอน” ครองตำแหน่งแชมป์ด้วยส่วนแบ่ง 42% ตามมาด้วย “ชิลด์ท้อกซ์” 27.4% “เชลล์ไดร้ท์ 16.7% และ “อาร์ท” 7.5% ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบขดมูลค่า 1,332 ล้านบาท ที่เดิมคุ้นเคยว่า “ห่านฟ้า” คือผู้นำที่ครองส่วนแบ่งสูงสุด ทว่าตัวเลขรอบล่าสุดระบุว่า “ไบกอน” สามารถโค่นแชมป์เก่าได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ด้วยการคว้าส่วนแบ่งมากถึง 31.1% ส่ง “ห่านฟ้า” ไปนั่งเก้าอี้รองแชมป์ด้วยส่วนแบ่ง 29% ส่วน “ช้าง” และ “คายาริ” มีส่วนแบ่ง 16.7% และ 8.4% ตามลำดับ
จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าปีนี้การแข่งขันในสมรภูมิผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงจะสู้กันดุเดือดเลือดท่วมกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะในฝั่งผลิตภัณฑ์แบบขดที่แชมป์เกิดการเปลี่ยนมือเป็นครั้งแรก ซึ่งเชื่อว่าเกมรบของ “ห่านฟ้า” ต่อจากนี้จะมาในรูปแบบเชิงรุกในลักษณะจัดเต็มตลอดปี เพื่อทวงบัลลังก์คืน ก่อนที่ไบกอนจะทิ้งห่างไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะชี้นำว่าการแข่งขันในรูปแบบขดจะมีสีสันชวนให้ติดตามมากกว่า ทว่าด้วยขนาดของตลาดสเปรย์ที่ยังมีมูลค่ามากสุด และยังเป็นผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงประเภทแรกที่ผู้บริโภคเลือกใช้เป็นอันดับ 1 กว่า 80% เพราะเป็นทางเลือกที่เห็นผลชัดเจนทันที ต่างจากแบบขดที่เป็นลักษณะการไล่หรือป้องกันมากกว่า ทำให้การแข่งขันในเซกเมนต์นี้ก็ยังมีความสำคัญ ชนิดที่ผู้เล่นบนสังเวียนนี้ยอมทุ่มแบบไม่อั้น เพื่อรักษาพื้นที่ทุกตารางนิ้วของตนเอง
ล่าสุด กับความเคลื่อนไหวของแชมป์ “ไบกอน” จากค่าย เอส.ซี.ยอห์นสันฯ ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ชนิดสเปรย์ตัวใหม่ “ดิ-เลมอนนีน” กลิ่นสารสกัดจากเปลือกส้ม ซึ่งเป็นกลิ่นที่ได้จากการสกัดจากธรรมชาติ โดยเป็นสินค้าตัวที่ 2 ที่นำเรื่อง “ธรรมชาติ” เข้าเป็นจุดขายกับผู้บริโภค หลังจากที่ก่อนหน้านี้ 2 ปี ไบกอนเคยส่ง “กลิ่นลาเวนเดอร์” ทั้งในรูปแบบขดและสเปรย์เข้าสู่ตลาดมาแล้ว และได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยดูจากยอดขายของไบกอนในรูปแบบสเปรย์ กลิ่นลาเวนเดอร์ทำสัดส่วนถึง 25% เป็นอันดับ 2 สูงกว่าสูตรไร้กลิ่นที่แม้จะออกสู่ตลาดก่อนก็มีสัดส่วนเพียง 20% โดยสูตรพื้นฐานทำสัดส่วนมากสุด 50% ส่วนกลิ่นเปลือกส้มที่เริ่มวางจำหน่ายไป 3 เดือน ก็ทำยอดขายได้ 5% แต่ที่ชัดเจนสุดคงเป็นผลงานในแบบขดที่วันนี้ไบกอนอยู่ในฐานะผู้นำ
“ปัจจัยที่ทำให้ไบกอนแซงห่านฟ้าได้สำเร็จ เพราะสินค้าแบบขดของเรามีนวัตกรรมและทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวกลิ่นลาเวนเดอร์ที่เรานำร่องออกสู่ตลาดเป็นรายแรก จากนั้นไม่นานก็มีคู่แข่งออกสินค้าตามมา และจากนี้ไปทิศทางการทำตลาดของไบกอนจะเน้นเรื่องธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเทรนด์ในตลาดโลกด้วย” เป็นคำกล่าวของ มัลลิกา อิทธิสกุลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มภาคพื้นอินโดจีน บริษัท เอส.ซี.ยอห์นสัน แอนด์ ซัน จำกัด
กลับมาที่นวัตกรรมตัวใหม่ถอดด้ามของไบกอน แว่วมาว่านอกเหนือจากงบการตลาดที่ถูกเตรียมไว้ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสื่อสารโฆษณา การแจกสินค้าตัวอย่าง และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างเต็มที่แล้ว เจ้าไบกอน กลิ่นสารสกัดจากเปลือกส้มตัวนี้ยังซุ่มพัฒนาจากศูนย์วิจัยในสหรัฐอเมริกา โดยมีการใช้งบวิจัยสูงถึงหลักร้อยล้านด้วย ทำให้เชื่อว่านวัตกรรมนี้จะเป็นไฮไลต์ของไบกอนในปีนี้ ซึ่งผู้บริหารค่าย เอส.ซี.ฯ กล่าวเสริมว่า การเติบโตโดยรวมของแบรนด์ไบกอนในปีนี้ 50% จะต้องมาจากผลงานของไบกอน กลิ่นดิ-เลมอนนีน และสินค้าตัวนี้ต้องทำยอดขายเป็น 15% ด้วย
จึงเป็นไปได้ว่า ในอนาคตไบกอนสูตรใหม่นี้จะมีการต่อยอดไปยังสินค้าในรูปแบบขด เช่นเดียวกับไบกอนกลิ่นลาเวนเดอร์ที่มีให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ทั้งในรูปแบบสเปรย์และแบบขด แต่ต่างตรงที่กลิ่นลาเวนเดอร์ถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบขดก่อนจะต่อยอดไปสู่รูปแบบสเปรย์ ทั้งนี้ หากพิจารณาที่ตัวกลิ่นจะเห็นว่า “กลิ่นส้ม” เป็นกลิ่นที่มีความคุ้นเคยและเชื่อว่าผู้บริโภคในบ้านเราจะยอมรับได้ง่ายและเร็วเมื่อเทียบกับกลิ่นอื่น ทว่า มัลลิกา อธิบายว่า ไบกอนเลือกเปิดตัวกลิ่นลาเวนเดอร์ออกสู่ตลาดก่อน เนื่องจากในตอนนั้นเป็นกลิ่นที่มีความอินเทรนด์ดูทันสมัยมากกว่า เป็นกลิ่นที่คนไทยรู้จักและยอมรับได้ไม่ยาก และถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมั่นใจว่า “ส้ม” ซึ่งเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยดีอยู่แล้วก็จะได้การตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หากมองเฉพาะในเซกเมนต์แบบสเปรย์ การขยับครั้งนี้ ไบกอนมีเป้าหมายเพื่อทิ้งห่างเบอร์รองอย่าง “ชิลด์ท้อกซ์” เป็นเท่าตัว ด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งจาก 42% เป็น 45% ให้ได้ในสิ้นปี แต่หากมองภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง นี่คือการตอกบัลลังก์อุดทางคู่แข่งในฝั่งสเปรย์ ก่อนจะหันไปออกแรงวิ่งหนี “ห่านฟ้า” ในตลาดแบบขดอย่างเต็มที่ เพื่อยึดตำแหน่งผู้นำผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงโดยรวมแบบเบ็ดเสร็จ
|
|
|
|
|