|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมื่อเอ่ยชื่อของสื่อสังคมออนไลน์ คงไม่มีใครที่ขึ้นชื่อเกินกว่าเฟซบุ๊ก VS ทวิตเตอร์ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของสมาชิกทั่วโลกได้มากที่สุดในขณะนี้ แต่รายใดที่ดีกว่ากันในเชิงการตลาดยังเป็นสิ่งที่นักการตลาดสนใจกันอยู่
ประการแรก ประเด็นหนึ่งที่เป็นที่สนใจกันมาก คือ แม้ว่าเฟซบุ๊กจะเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นผู้นำในด้านจำนวนสมาชิก แต่สิ่งที่มีอยู่ในเฟซบุ๊กเป็นเพียงการพิสูจน์ถึงความเห็นของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก แต่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านี้
ประการที่สอง นักการตลาดเป็นเจ้าของธุรกิจทั้งหลายยังตั้งข้อสงสัยว่าประโยชน์ที่เห็นชัดในเชิงประจักษ์ของสื่อสังคมออนไลน์ยังประเมินไม่ได้ชัดเจน หากไม่มีข้อมูลที่ให้รายละเอียดเชิงสถิติได้อย่างชัดเจนหรือพิสูจน์ตำนานของความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
คนที่ออกมาตอบประเด็นของประโยชน์ทางการตลาดก็พบว่ายังมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป
อย่างเช่น ซีเอ็นเอ็น ให้ความเห็นว่า เฟซบุ๊ก ทำท่าว่าจะมีความสามารถในการทำกำไรทางการตลาดได้มากกว่าทวิตเตอร์
แต่หากเป็นความเห็นของ บริษัท บิซิเนส อินไซเดอร์ แล้ว กลับระบุว่าทวิตเตอร์ทำงานทางการตลาดให้แก่ตนได้ดีกว่าเฟซบุ๊ก เช่นเดียวกับบริษัท อีเว่นไบร์ท ที่ระบุว่าทวิตเตอร์สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายให้แก่ตนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาราว 80 เซ็นต์ต่อชิ้น ขณะที่เฟซบุ๊กได้เพิ่มยอดจำหน่ายโดยเฉลี่ย 1.34 ดอลลาร์ต่อชิ้น
ข้อดีของเฟซบุ๊ก คือ ได้ผลตอบแทนที่มีบูรณาการโดยรวมดีเพราะสมาชิกในแวดวงที่กว้าง ขณะที่ทวิตเตอร์ก็มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะสามารถบูรณาการได้น้อยกว่า และประเด็นที่เกี่ยวข้องจำกัดกว่า
อย่างไรก็ตาม มุมมองทางการตลาดได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่น่าสนใจ
ประการแรก จากที่บริษัทวิจัย บิซิเนส อินไซเดอร์ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลราว 1 ล้านลิงก์ในกรณีของทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ พบว่า การแบ่งปันลิงก์ของเฟซบุ๊กคิดออกมาแล้วเฉลี่ยเพียง 3 คลิก ขณะที่ทวิตเตอร์สามารถสร้างลิงก์เฉลี่ยได้ 19 คลิก ซึ่งมากกว่า
ประการที่สอง ทวิตเตอร์มีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่เป็นการตลาดขนาดเล็กได้ดีกว่า และนักการตลาดที่เป็นบริษัทย่อยๆ ในกลุ่มหลายๆ บริษัท ตลอดจนบล็อกเกอร์ได้ดีกว่า ในขณะที่เฟซบุ๊กอาจจะกว้างเกินไปจนไม่สามารถมุ่งเน้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์อย่างเฉพาะเจาะจงได้
ประการที่สาม ในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ลูกค้าผู้บริโภคคนสุดท้ายโดยตรง หากแต่เป็นฐานของลูกค้านอกกลุ่มผู้บริโภค เช่น ธุรกิจที่ขายข่าวสาร หรือ อี-นิวส์ และกิจการเอนเตอร์เทนเมนต์ก็ได้ใช้ประโยชน์จากการที่ไม่ต้องมีภาระหนัก หรือโอเวอร์โหลด เกินไปในการแสวงหาข้อมูล ด้วยการติดตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญสื่อสารสังคมออนไลน์และงานเผยแพร่ผลการวิเคราะห์ที่กล่าวถึงธุรกิจของตน หรือได้ประโยชน์ในการติดตามแนวโน้มของสภาพแวดล้อมทางการตลาดระดับประเทศหรือระดับโลก
ประการที่สี่ ในธุรกิจที่เพิ่งเริ่มพัฒนางานการตลาดเชิงรุก ให้ความเห็นว่าไม่ค่อยจะคุ้มค่าในการลงทุนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์เอง แต่จะสามารถประหยัดทั้งต้นทุนและเวลาได้ดีกว่าหากหาทางเอาต์ซอร์สงานการตลาดโซเชียลมีเดียให้ผู้ที่ชำนาญโดยเฉพาะกรุยทางให้
ประการที่ห้า กิจการที่มีธุรกิจในระดับท้องถิ่นหรือตลาดโดยเฉพาะเจาะจง (Niche) ก็สามารถใช้ประโยชน์จากการสุ่มดูจากบล็อกการตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ หรืองานเผยแพร่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจในเชิงธุรกิจ
ประการที่หก มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในช่วงที่กิจการมีการจัดแคมเปญงานโฆษณาและส่งเสริมการขายได้พบว่า การเข้าไปใช้หน้าของเฟซบุ๊กเพจค่อนข้างมีประสิทธิภาพเพียงระดับหนึ่ง และควรจะเพิ่มช่องทางผ่านเว็บไซต์อื่น เช่น Tumbler, LinkedIn เป็นต้น
ทั้งนี้ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นในทางการตลาดจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ทั้ง 2 รายการยังขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะประเด็นที่เป็นที่สนใจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่คงอยู่กับที่ตลอดไป
|
|
|
|
|