Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2528
อารี สันติพงศ์ไชย จูเนียร์ เส้นทางชีวิตของลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น             
 


   
search resources

Printing & Publishing
อารี สันติพงศ์ไชย
อารี ซีสเต็มส์, บจก.




อารี สันติพงศ์ไชย เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของ ลี สันติพงศ์ไชย เจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาจีนซิงเสียนเยอะเป้า

อายุของอารีถึงปีนี้เพิ่งย่าง 28 ซึ่งสำหรับหลายๆ คนในวัยเดียวกันก็คงจะยังอ่อนเยาว์เกินไปต่อการมีอาณาจักรทางธุรกิจเป็นของตนเอง แต่สำหรับคนมีรากฐานเก่าหนุนช่วยอย่างอารีก็คงจะต้องมีข้อยกเว้นบ้างเป็นธรรมดา

ปัจจุบันอารีมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของซิงเสียนเยอะเป้าและยังมีกิจการแยกสี , จัดทำเพลท (ก็แม่พิมพ์ของกระบวนการพิมพ์สมัยใหม่นั่นแหละ) เป็นของตนเองอีกด้วย โดยกิจการหลังซึ่งเป็นของอารีเองนี้ดำเนินการในนามบริษัท อารี ซีสเต็มส์ จำกัด

อารี เรียนหนังสือชั้นประถมและมัธยมต้นโรงเรียนแรก และโรงเรียนเดียวในประเทศไทยที่บางกอกพัฒนา จนอายุ 14 ปี ก็ถูกลี สันติพงศ์ไชย ผู้พ่อส่งตัวไปเข้าโรงเรียนประจำในออสเตรเลีย

อยู่และเรียนหนังสือที่ออสเตรเลียโดยตลอด จนกระทั่งสำเร็จปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย

กลับบ้านเกิดอีกครั้งเมื่ออายุ 21 ก็เข้าเริ่มงานที่หนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้าทันที

อารีใช้เวลาในการศึกษางานอยู่ 2-3 ปี โดยมีพ่อช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ ครั้นแล้วหลังจากนั้น "ผมก็เข้าทำหน้าที่แทนคุณพ่อเต็มตัว…" เขาบอกกับ "ผู้จัดการ"

ซิงเสียนเยอะเป้า ในยุคของคนหนุ่มอย่างอารีมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ หลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทีมงานรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนทีมงานเก่าซึ่งเริ่มจะร่วงโรยไปตามวัย

เขายอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เป็นงานยากลำบากมากสำหรับหนังสือพิมพ์ที่เกือบจะไมี่มีการเปลี่ยนแปลงเลยนับสิบๆ ปี แต่ก็ดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยนโยบายพยายามเปลี่ยนอย่างนุ่มนวลที่สุดของเขา

อยู่ในธุรกิจการพิมพ์มากปีขึ้น ทายาทหนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้าก็เริ่มตระหนักว่า คนหนุ่มมีความสามารถพอตัวอย่างเขานี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะหยุดอยู่แค่ที่ครอบครัวได้สร้างเอาไว้ให้ เขาจะต้องมีบางอย่างเองบ้าง

จากจุดนี้ในปี 2524 อารีก็กระโดดเข้าไปในธุรกิจแยกสีและจัดทำเพลท

"มันเป็นกระบวนการขั้นหนึ่งของธุรกิจการพิมพ์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ผมทำอยู่แล้ว ผมคิดว่าผมถนัดที่สุด ส่วนสาเหตุที่เลือกธุรกิจแยกสีและทำเพลทก็เพราะตอนนั้นยังมีคนทำธุรกิจนี้กันไม่กี่แห่ง จึงเกิดการโก่งราคาและเล่นตัวมาก ผมเห็นว่ามีช่องว่างก็เข้ามา…" อารี เล่าเบื้องหลังการตัดสินใจให้ฟัง

บริษัทสแกนสยามหรือที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นอารี ซีสเต็มส์ เมื่อ 6 เดือนที่แล้วของอารีนี้มาแรงและขึ้นเร็วมากแห่งหนึ่ง

และที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการอย่างยิ่งก็เห็นจะเป็นการสั่งเครื่องระบบแยกสีและประกอบหน้าอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาติดตั้งเป็นแห่งแรกเมื่อเร็วๆ นี้

ระบบดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "โครมาคอม" เป็นเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมอ่องของบริษัทเฮลล์แห่งประเทศเยอรมนีตะวันตก ควบคุมการแยกสี การทำเทคนิคพิเศษ (SPECIAL EFFECT) เพื่อประกอบเป็นภาพด้วยคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการสิ่งพิมพ์แล้วก็อุทานได้คำเดียวว่า "มหัศจรรย์"

อารีบอกว่าเฉพาะเครื่อง "โครมาคอม" ที่เขานำเข้ามาติดตั้งอยู่ขณะนี้ ลงทุนไปทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท

"ผมตั้งเป้าว่ามันควรจะทำรายได้เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และภายใน 3 ปี คงเบรกอีเวนต์ได้" เขาพูดถึงเป้าหมายที่คาดไว้

คนหนุ่มอย่างอารียังจะมีโครงการอื่นๆ อีก โดยเฉพาะการมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ของธุรกิจการพิมพ์เขาตั้งความหวังไว้ว่า "สักวันหนึ่งบ้านเราจะเป็นศูนย์การพิมพ์ที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งของโลก ไม่แพ้ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้งานพิมพ์จากที่ต่างๆ ทั่วโลกมักจะถูกส่งไปที่นั่น ผมคิดว่าความสามารถและเทคโนโลยีของเราสู้เขาได้ เพียงแต่รัฐเองก็จะต้องให้ความสนใจและให้การส่งเสริมมากกว่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับภาษีนำเข้าเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น…" อารีกล่าวในตอนหนึ่ง

ทุกวันนี้อารีต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งให้กับซิงเสียนเยอะเป้าซึ่งมีพนักงานจะต้องดูแลอยู่กว่า 200 ชีวิต และอีกครึ่งหนึ่งสำหรับอารี ซีสเต็มส์ ที่ลงเงินไปแล้วกว่า 40 ล้านบาท พนักงานอีกกว่า 50 คน

"ผู้จัดการ" ถามเขาสั้นๆ ว่า มีหลักในการบริหารธุรกิจอย่างไร

"ผมเน้นเรื่องการกระจายอำนาจ…" อารีตอบ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us