อารี สันติพงศ์ไชย เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของ ลี สันติพงศ์ไชย
เจ้าของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาจีนซิงเสียนเยอะเป้า
อายุของอารีถึงปีนี้เพิ่งย่าง 28 ซึ่งสำหรับหลายๆ คนในวัยเดียวกันก็คงจะยังอ่อนเยาว์เกินไปต่อการมีอาณาจักรทางธุรกิจเป็นของตนเอง
แต่สำหรับคนมีรากฐานเก่าหนุนช่วยอย่างอารีก็คงจะต้องมีข้อยกเว้นบ้างเป็นธรรมดา
ปัจจุบันอารีมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของซิงเสียนเยอะเป้าและยังมีกิจการแยกสี
, จัดทำเพลท (ก็แม่พิมพ์ของกระบวนการพิมพ์สมัยใหม่นั่นแหละ) เป็นของตนเองอีกด้วย
โดยกิจการหลังซึ่งเป็นของอารีเองนี้ดำเนินการในนามบริษัท อารี ซีสเต็มส์
จำกัด
อารี เรียนหนังสือชั้นประถมและมัธยมต้นโรงเรียนแรก และโรงเรียนเดียวในประเทศไทยที่บางกอกพัฒนา
จนอายุ 14 ปี ก็ถูกลี สันติพงศ์ไชย ผู้พ่อส่งตัวไปเข้าโรงเรียนประจำในออสเตรเลีย
อยู่และเรียนหนังสือที่ออสเตรเลียโดยตลอด จนกระทั่งสำเร็จปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย
กลับบ้านเกิดอีกครั้งเมื่ออายุ 21 ก็เข้าเริ่มงานที่หนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้าทันที
อารีใช้เวลาในการศึกษางานอยู่ 2-3 ปี โดยมีพ่อช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ ครั้นแล้วหลังจากนั้น
"ผมก็เข้าทำหน้าที่แทนคุณพ่อเต็มตัว…" เขาบอกกับ "ผู้จัดการ"
ซิงเสียนเยอะเป้า ในยุคของคนหนุ่มอย่างอารีมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ หลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทีมงานรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนทีมงานเก่าซึ่งเริ่มจะร่วงโรยไปตามวัย
เขายอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เป็นงานยากลำบากมากสำหรับหนังสือพิมพ์ที่เกือบจะไมี่มีการเปลี่ยนแปลงเลยนับสิบๆ
ปี แต่ก็ดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยนโยบายพยายามเปลี่ยนอย่างนุ่มนวลที่สุดของเขา
อยู่ในธุรกิจการพิมพ์มากปีขึ้น ทายาทหนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้าก็เริ่มตระหนักว่า
คนหนุ่มมีความสามารถพอตัวอย่างเขานี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะหยุดอยู่แค่ที่ครอบครัวได้สร้างเอาไว้ให้
เขาจะต้องมีบางอย่างเองบ้าง
จากจุดนี้ในปี 2524 อารีก็กระโดดเข้าไปในธุรกิจแยกสีและจัดทำเพลท
"มันเป็นกระบวนการขั้นหนึ่งของธุรกิจการพิมพ์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ผมทำอยู่แล้ว
ผมคิดว่าผมถนัดที่สุด ส่วนสาเหตุที่เลือกธุรกิจแยกสีและทำเพลทก็เพราะตอนนั้นยังมีคนทำธุรกิจนี้กันไม่กี่แห่ง
จึงเกิดการโก่งราคาและเล่นตัวมาก ผมเห็นว่ามีช่องว่างก็เข้ามา…" อารี
เล่าเบื้องหลังการตัดสินใจให้ฟัง
บริษัทสแกนสยามหรือที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นอารี ซีสเต็มส์ เมื่อ 6 เดือนที่แล้วของอารีนี้มาแรงและขึ้นเร็วมากแห่งหนึ่ง
และที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการอย่างยิ่งก็เห็นจะเป็นการสั่งเครื่องระบบแยกสีและประกอบหน้าอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาติดตั้งเป็นแห่งแรกเมื่อเร็วๆ
นี้
ระบบดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "โครมาคอม" เป็นเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมอ่องของบริษัทเฮลล์แห่งประเทศเยอรมนีตะวันตก
ควบคุมการแยกสี การทำเทคนิคพิเศษ (SPECIAL EFFECT) เพื่อประกอบเป็นภาพด้วยคอมพิวเตอร์
สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการสิ่งพิมพ์แล้วก็อุทานได้คำเดียวว่า
"มหัศจรรย์"
อารีบอกว่าเฉพาะเครื่อง "โครมาคอม" ที่เขานำเข้ามาติดตั้งอยู่ขณะนี้
ลงทุนไปทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท
"ผมตั้งเป้าว่ามันควรจะทำรายได้เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และภายใน
3 ปี คงเบรกอีเวนต์ได้" เขาพูดถึงเป้าหมายที่คาดไว้
คนหนุ่มอย่างอารียังจะมีโครงการอื่นๆ อีก โดยเฉพาะการมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ
ของธุรกิจการพิมพ์เขาตั้งความหวังไว้ว่า "สักวันหนึ่งบ้านเราจะเป็นศูนย์การพิมพ์ที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งของโลก
ไม่แพ้ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้งานพิมพ์จากที่ต่างๆ ทั่วโลกมักจะถูกส่งไปที่นั่น
ผมคิดว่าความสามารถและเทคโนโลยีของเราสู้เขาได้ เพียงแต่รัฐเองก็จะต้องให้ความสนใจและให้การส่งเสริมมากกว่านี้
โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับภาษีนำเข้าเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น…"
อารีกล่าวในตอนหนึ่ง
ทุกวันนี้อารีต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งให้กับซิงเสียนเยอะเป้าซึ่งมีพนักงานจะต้องดูแลอยู่กว่า
200 ชีวิต และอีกครึ่งหนึ่งสำหรับอารี ซีสเต็มส์ ที่ลงเงินไปแล้วกว่า 40
ล้านบาท พนักงานอีกกว่า 50 คน
"ผู้จัดการ" ถามเขาสั้นๆ ว่า มีหลักในการบริหารธุรกิจอย่างไร
"ผมเน้นเรื่องการกระจายอำนาจ…" อารีตอบ