ปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับแคนนอนอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นปีที่ดีกรีการแข่งขันรุนแรงจากผู้เล่นในตลาดโดยเฉพาะกล้องดิจิตอลแล้ว ยังเป็นปีที่แคนนอนตั้งเป้าเป็นที่ 1 ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมเติบโตแบบก้าวกระโดด 20%

“เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราเดินมาถูกทาง ไม่ว่าคู่แข่งจะเข้ามาในตลาดกี่รายเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดอย่างหนัก ก็จะไม่หวั่น เราจะดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ต่อไป”

วาตารุ นิชิโอกะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด บอกถึงความท้าทาย และมั่นใจว่า แม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างหนัก แต่แคนนอนตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้น 100%

“One For All Delight” คือ กลยุทธ์เรือธงที่แคนนอนจะใช้เป็นหัวหอกในการบุกตลาดปีนี้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางในการตอบสนองต่อทุกความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคในด้านต่างๆ ทั้งสินค้า บริการ และปรัชญาการดำเนินธุรกิจขององค์กร

สำหรับด้านผลิตภัณฑ์ (Delighting Product) ปีนี้แคนนอนยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและการพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้ง คอนซูเมอร์ โปรดักส์ จะเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกล้องดิจิตอล เข้าสู่อุปกรณ์ Gadget ต่างๆ เช่น ไอแพด และไอโฟน ผ่านเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อการแชร์รูปภาพแบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคด้านการแชร์รูปภาพเปลี่ยนไป จากเดิมที่นิยมถ่ายภาพและพรินต์ภาพออกมา แต่ในปัจจุบันกระแสสื่อประเภทโซเชียล เน็ตเวิร์ก และอุปกรณ์ไอทีประเภทแท็บเลต เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ส่วนผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล และกล้องวิดีโอดิจิตอล แคนนอนได้เตรียมเปิดตัวฟังก์ชั่นลูกเล่นใหม่เพื่อการถ่ายภาพแนวครีเอทีฟ และครั้งแรกของโลกกับเลนส์ฟิชอายส์ที่มีมุมรับภาพกว้าง 180 องศาให้ภาพถ่ายมีมุมมองพิเศษ แปลกตาสำหรับกล้องดิจิตอลแบบซิงเกิลเลนส์

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ ซิสเต็ม โปรดักส์ จะชูการติดตั้งฟังก์ชั่นระดับพรีเมียมอย่าง “Full HD Movie print” เพิ่มในพรินเตอร์รุ่นใหม่ทุกรุ่น เพื่อสามารถสั่งพิมพ์ภาพจากคลิปวิดีโอโดยการเลือกช็อตที่ต้องการ และพิมพ์ออกมาเป็นภาพนิ่งความละเอียดสูงได้อย่างง่ายดาย

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในฝั่งของเลเซอร์พรินเตอร์ แคนนอนจะมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนขององค์กร พร้อมฟังก์ชั่นสุดล้ำที่สั่งพรินต์ผ่านระบบ Wi-Fi ได้
ฟากช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริการหลังการขาย (Delighting Service) เป็นอีกปัจจัยที่แคนนอนให้ความสำคัญมากในปีนี้ เพราะถือเป็นหัวใจหลักที่จะดันยอดขายให้เติบโต โดยปีนี้แคนนอนจะมีแผนเพิ่มศูนย์บริการแคนนอน คอนเซ็ปต์สโตร์ออกไปตามหัวเมืองต่างๆ จาก 4 สาขาในปัจจุบัน เป็น 8 สาขาเพิ่มเติมภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าในต่างจังหวัดและสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น

นอกจากนี้ แคนนอนยังมีการเพิ่มช่องทางการขายและจำนวนดีลเลอร์มากขึ้นให้ครอบคลุมทั้งในกลุ่มร้านดีลเลอร์ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านไอที และโมเดิร์นเทรดกลุ่มซูเปอร์สโตร์ที่ได้รับความนิยมในการเข้าไปซื้อสินค้าของตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนสุดท้ายปรัชญาการดำเนินธุรกิจขององค์กร (Delighting Corporate Vision) ยังคงมุ่งการพัฒนาและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมๆ กับการสร้างสรรค์โลกและความสุขของมวลมนุษย์ โดยปีนี้แคนนอนมีแผนจะนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่มาตรฐานฉลากเขียวจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยหลายสิบรุ่น และสานต่อโครงการ “พลังงานสีขาว เพื่อโลกสีเขียว” ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องสมุดให้กับโรงเรียนในชนบททั่วประเทศ ขณะนี้ ติดตั้งกังหันลมไปแล้วทั้งสิ้น 19 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศไทย

“แคนนอนเชื่อมั่นว่า ด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้ จะส่งผลให้เราสามารถเติบโต 20% และสามารถขึ้นเป็นผู้นำในทุกตลาด เช่นเดียวกับวันนี้ที่แคนนอนเป็นผู้นำตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ ด้วยส่วนแบ่ง 66%”