Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา มีนาคม 2554
เที่ยวเบรอะตาญ วิเทรและฟูแจรส์             

โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
 


   
search resources

Entertainment and Leisure




หลังอาหารกลางวัน เพื่อนขับรถพาเที่ยวเมืองวิเทร (Vitre) ได้พบว่าเมืองนี้มีอะไรให้ชมมากมาย เขตเมืองเก่าน่ารักมาก ถนนคนเดินเล็กๆ สองข้างเป็นบ้านแบบโบราณละม้ายบ้านในนอร์มองดี (Normandie) โครงไม้แทรกในหินและปูน

วิเทรอยู่ในจังหวัดอิล-เอต์-วิแลน (Ille-et-Vilaine) ในมณฑลเบรอะตาญ (Bretagne) กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศสประกาศให้เป็นเมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ (ville d’art et d’histoire) บ้านเมืองเต็มไปด้วยดอกไม้ จึงชนะการประกวดเมืองดอกไม้ประจำปี 2008 ในปีเดียวกันนี้ฉลองประวัติศาสตร์ 1,000 ปีของวิเทร ซากโบราณคดีบ่งว่าวิเทรเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกโกลัวส์ (Gaulois) และโรมันมาก่อนคริสต์ศักราช เป็นเส้นทางจาริกแสวงบุญไปยังแซงต์-ฌาคส์-เดอ-กงโปสแตล (Saint-Jacques-de-Compos-telle)

วิเทรเป็นหนึ่งในแนวป้องกันแคว้นเบรอะตาญ จึงมีปราสาทสวยให้ชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราสาทที่เป็นป้อมปราการซึ่งสร้างโดยโรแบรต์ที่ 2 (Robert II) ต่อมา ตกเป็นสมบัติของกงต์แห่งลาวาล (Comte de Laval) และตระกูลลา เทรมวล (La Tremoille) ตามลำดับ เคยใช้เป็นคุกและกรมทหาร ต่อมาในศตวรรษที่ 19 รัฐซื้อไว้ และประกาศให้เป็นโบราณสถาน ข้างๆปราสาท เป็นโบสถ์โนเทรอะ-ดาม (Eglise Notre-Dame) ซึ่งขึ้นทะเบียนโบราณสถานตั้งแต่ปี 1840

นั่งรถผ่านคฤหาสน์ที่เรียกว่า hotel particulier อันเป็นบ้านของมาดาม เดอ เซวีเญ (Madame de Sevigne) วิเทรเป็นเมืองที่มีประวัติผูกพันกับมาดาม เดอ เซวีเญ เห็นได้จากการติดป้ายเป็นระยะๆ ว่าเส้นทางของมาดาม เดอ เซวีเญในวิเทร circuit du pays de Vitre de Madame de Sevigne

มาดาม เดอ เซวีเญ เดิมชื่อมารี เดอ ราบูแตง-ชองตาล (Marie de Rabutin-Chantal) กำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก จึงอยู่ภายใต้การอุปการะของลุง ต่อมาสมรสกับอองรี เดอ เซวีเญ (Henri de Sevigne) มีลูก 2 คนคือ ชาร์ลส์ (Charles) และฟรองซ็วส เดอ เซวีเญ (Fran”oise de Sevigne) มาดาม เดอ เซวีเญเป็นม่าย ตั้งแต่อายุ 25 ปี เพราะสามีตายระหว่างการดวลกับอัศวินแห่งอัลเบรต์ (Chevalier d’Albret) จึงผูกพันกับลูกๆ มาก เมื่อลูก สาวแต่งงานกับกงต์แห่งกรีญอง (Comte de Grignan) ได้เป็นกงแตสแห่งกรีญอง (Comtesse de Grignan) ย้ายไปอยู่เมือง กรีญอง ทางใต้ของฝรั่งเศส มาดาม เดอ เซวีเญคิดถึงลูก จึงเพียรเขียนจดหมายถึงลูกสาวสัปดาห์ละ 3-4 ฉบับ เป็นเวลากว่า 30 ปี มีผู้แอบนำไปพิมพ์เป็นเล่มภายหลัง หลานสาวคือโปลีน เดอ ซีมิอาน (Pauline de Simiane) จึงรวมเล่มเสียเอง จดหมาย ของมาดาม เดอ เซวีเญถือเป็นวรรณกรรม ที่เล่าการดำเนินชีวิตและสังคมในยุคนั้น

ที่วิเทรมีปราสาทของมาดาม เดอ เซวีเญด้วย ชื่อ chateau des Rochers-Sevigne สร้างในศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันตกเป็นของญาติห่างๆ ของตระกูลเดอ เซวีเญ เปิดให้เข้าชมส่วนหนึ่ง น่าเสียดายว่าเมื่อไปถึงนั้น ได้เวลาปิดแล้ว ได้แต่ฝ่าฝน ไปถ่ายรูปหน้าประตู

เพื่อนพาเลาะเที่ยวไปตามเมืองเล็กๆ รอบๆ เมืองวิเทร ชมโบสถ์และกระจกสีที่สวยอย่างน่าทึ่ง โชคดีที่เมืองเหล่านี้ไม่ตกเป็นเหยื่อของการทิ้งระเบิดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากชมโบสถ์ เล็กๆ ของเมืองชองโปซ์ (chapelle de Champeaux) ก็มุ่งไปที่เมืองฟูแจรส์ (Fougeres) ซึ่งมีป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เป็นแนวป้องกันสำคัญของเบรอะตาญ กษัตริย์อองรีแห่งราชวงศ์ปลอง ตาเจอเนต์ (Henri de Plantagenet) ของอังกฤษเคยยึดได้และสั่งเผาทำลาย หากเจ้าเมืองฟูแจรส์ seigneur de Fougeres สร้างขึ้นใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม ต่อมาดุ๊กแห่งเบรอะตาญ (duc de Bretagne) ร่วมกับกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 7 (Charles VII) แห่งฝรั่งเศสขับไล่อังกฤษออกไป

ในฟูแจรส์ มีโบสถ์ 2 แห่งคือโบสถ์ แซงต์-ซุลปิซ (Eglise Saint-Sulpice) และโบสถ์แซงต์-เลโอนารด์ (Saint-Leonard) ที่มีกระจกสีสวยอย่างน่าทึ่ง ในโบสถ์แซงต์-ซุลปิซมีรูปปั้นพระแม่มารีที่ชื่อว่าโนเทรอะ-ดาม เดส์ มาเรส์ (Notre-Dame des Marais) ซึ่งชาวเมืองพบในพื้นที่มีน้ำท่วมขัง มองดูรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะมีคนมาขอพรและได้ตามขอ จึงทำหินจารึกมาติดไว้เป็นจำนวนมาก

ฟูแจรส์จัดเป็นเมืองศิลปะและประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับเมืองวิเทร หากตัวเมืองไม่น่ารักเท่าวิเทร

นักเขียนดังหลายคนเคยมาเยือนฟูแจรส์และนำไปเขียนในงานเขียนของตน เช่น ออนอเร เดอ บัลซัก (Honore de Balzac) ในเรื่อง Les Chouans วิคตอร์ อูโก (Victor Hugo) เจรารด์ เดอ แนร์วาล (Gerard de Nerval) มาร์เซล พรูสต์ (Marcel Proust) ฟรองซัวส์-เรอเน เดอ ชาโตบริอองด์ (Fran”ois-Rene de Chateaubriand) เป็นต้น เทศบาลนำคำบรรยายของนักเขียนต่างๆ ไปติดไว้ที่สวนสาธารณะ

ขับรถไปนอกเมืองไปทางเมืองชาโต จีรง (Chateaugiron) เพื่อไปชมปราสาทอีกแห่งหนึ่ง ชาโต ดู บัวส์ ออร์กอง (Chateau du Bois Orcan) ซึ่งเป็นของจูเลียง เทียรี (Julien Thierry) ช่างทำเครื่อง เงินของฟรองซัวส์ที่ 2 ดุ๊กแห่งเบรอะตาญ (Fran”ois II, duc de Bretagne) และของอานน์แห่งเบรอะตาญ (Anne de Bretagne) ซึ่งภายหลังแต่งงานกับกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศส เบรอะ ตาญจึงกลายเป็นแคว้น หนึ่งของฝรั่งเศสนับแต่นั้น ตัวปราสาทได้รับการบูรณะอย่างดีจากเจ้าของปัจจุบัน ภายในมีเครื่องเรือนของจูเลียง เทียรีและเครื่องเรือนศตวรรษที่ 15 สวนเล็กข้างๆ ทำลักษณะสวนยุคกลาง ส่วนสวนใหญ่นั้นประดับด้วยผลงานประติมากรรมเป็นระยะๆ

วิถีชีวิตในชนบทเบรอะตาญเห็นได้จากพิพิธภัณฑ์ Musee de la Faucil-lonnaie ที่มีเครื่องเรือนและของใช้ เครื่องกระเบื้อง รวมทั้งเครื่อง แต่งกาย พิพิธภัณฑ์ตั้งในคฤหาสน์สมัยศตวรรษที่ 15

เมื่อพูดถึงเบรอะตาญ จะนึกถึงก้อนหินขนาดใหญ่ที่เรียกว่า menhir เป็นแท่งหินที่ตั้งสูง การ์ตูนคลาสสิกชุด Asterix มีตัวเอกตัวหนึ่งซึ่งเป็นผู้ช่วยพระเอก รูปร่างสูงใหญ่เพราะตกลงไปในหม้อยาวิเศษเมื่อเป็นเด็ก โอเบลิกซ์ (Obelix) มีอาชีพตัดแท่งหิน menhir และนำไปส่งตามบ้านที่เป็นผู้สั่ง หากหินอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Dolmen เป็นหมู่หินขนาดใหญ่ที่วางตั้งและมีแท่งหินวางพาดราบอีกที ละม้ายโต๊ะขนาดใหญ่ Dolmen บางแห่งสามารถเดินเข้าไปภายในได้ ดังในกรณีที่ La Roche-aux-Fees น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งว่าใครหนอนำหินขนาดใหญ่อย่างนั้นมาตั้งเรียง Dolmen มีมาก่อนคริสต์ศักราช 5,000 ปี ความลึกลับของ Dolmen ทำให้ เบรอะตาญพลอยน่ากลัวไปด้วย

ในฝรั่งเศส Dolmen ไม่ได้มีแต่ในเบรอะตาญ หากมีที่อะเวย์รง (Aveyron) แกร์ซี (Quercy) อาร์แดช (Ardeche) ลองก์ดอก (Languedoc) ด้วย ทว่า Dolmen พันผูกกับภาพลักษณ์ของเบรอะตาญมากกว่าแห่งอื่น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us