กระแสสิ่งแวดล้อมดูจะกลายเป็นประเด็นให้ผู้คนหยิบฉวยมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองภายใต้ผ้าห่มคลุมของจิตสำนึก ซึ่งในกรณีของผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเด็นดังกล่าวดูจะแหลมคมและก่อให้เกิดจังหวะก้าวในการช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอยู่ไม่น้อย

กรณีจังหวะก้าวและการเติบโตของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ก็เป็นประเด็นที่ไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ มากนัก

มาซาโนริ อูเอมูระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่าในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโดยรวมของ ประเทศไทยเติบโตขึ้นและตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าก็โตขึ้นด้วย โดยเฉพาะ สินค้ากลุ่มทำความเย็น อาจจะเนื่องมาจากอากาศที่ร้อนขึ้นกว่าทุกปี และร้อนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายยอดขายได้ดีมากในปีที่ผ่านมา

“แต่มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ตระหนักถึงความเปลี่ยน แปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศทั่วโลกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในหลายๆ จังหวัดของไทยที่ประสบภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมรุนแรง และอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ค่านิยมในการเลือกซื้อสินค้าเปลี่ยนแปลง ไปด้วย คือมุ่งไปสู่สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น”

บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริคเล็งเห็นความจำเป็นและความสำคัญ ในส่วนนี้จึงพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีเป็นเลิศในการประหยัดพลังงาน โดยการประยุกต์ใช้ระบบอินเวอร์เตอร์กับหลายๆ ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งขยายธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีดังกล่าวสร้างผลิตภัณฑ์ นำเสนอในตลาดต่างๆ รวมทั้งตลาดในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ขณะที่ประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่าภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2554 บริษัทฯ คาดว่าน่าจะเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่าน มาประมาณ 10% โดยความต้องการของตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2554 จะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% และตู้เย็นเติบโตขึ้นประมาณ 3%

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในปีงบประมาณ 2553 เดิมเราตั้งเป้าไว้ที่ 8,100 ล้านบาท ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 เดือนจะครบรอบปีงบประมาณ มั่นใจว่าจะทำได้มากกว่าเป้าหมายอย่างแน่นอน คาดว่าเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 จะเติบโตขึ้นมากกว่า 15% ขึ้นไป โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มสินค้าที่มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา มีความชำนาญและมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศ สำหรับผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ในปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตดังนี้ เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 30% เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 100% พัดลม 10% พัดลมระบายอากาศ 10% ปั๊มน้ำ 5% และโปรเจคเตอร์ 43.5%

สำหรับเป้าการขายในปี 2554 บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายอยู่ที่ 9,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 17% โดยสินค้าหลักที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญยังคงเป็นเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น

ในสินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ตั้งส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 30% คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 10% ส่วนสินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ในปีนี้จะมีการเติบโต เพิ่มขึ้นอีก 20% จากปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 100% สินค้าตู้เย็น บริษัทฯ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยอยู่ที่ 22% จากเดิม 21% สินค้า

อนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย กล่าวถึงกลยุทธ์และนโยบายการตลาดว่า ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องให้มีความทันสมัย เทคโนโลยีสูง ใช้งานง่าย สนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างครบครัน ภายใต้จุดยืน ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และกลยุทธ์ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

“มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จะเลือกสรรสินค้าที่เหมาะ สมสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน หรือ “Select & Focus” เน้นการทำตลาดแบบเจาะจงสินค้า เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เลือกสรรเป็นหลัก นอกจากนั้นยังกำหนดราคาแบบสมเหตุสมผล เพื่อแข่งขันกับตลาด และเลือกขายผ่านดีลเลอร์ที่บริษัทฯ คัดสรรแล้ว พร้อมมั่นใจกับคุณภาพบริการหลังการขาย”

สำหรับเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ในปีนี้ ถือเป็นสุดยอดของรุ่นอินเวอร์เตอร์ ด้วยการผสาน 2 สุดยอดเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค Super Inverter และ Move eye เซ็นเซอร์อัจฉริยะ จนมาเป็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์ สลิม มูฟอาย ซูเปอร์ อินเวอร์เตอร์ โดยเฉพาะในรุ่น MSZ-SFG09VA สามารถทำค่าประสิทธิภาพในการทำความเย็นหรือค่า EER สูงถึง 16.13

ปีนี้ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา นำเสนอผ่านสัญลักษณ์ “Eco Changes” เป็นการแสดงจุดยืนของกลุ่มบริษัทฯ ในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การนำพลังงานมาใช้อย่างคุ้มค่า และการใช้วัสดุรีไซเคิล เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริคทั้งสิ้น