ในวันที่ 1 ธันวาคม 2527 นี้เมื่อห้างสรรพสินค้า โซโก้ในอัมรินทร์พลาซ่า
เปิดให้คนไทยคนแรกเข้าไปซื้อของก็จะเป็นห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นที่มีเนื้อที่รวมทั้ง
หมดถึง 658,864 ตารางเมตร จากสาขาทั้งหมด 15 สาขา และสำนักงานจัดซื้อ 2 สาขา
ในกรุงโรม และกรุงปารีส
โซโก้เริ่มห้างสรรพสินค้าแห่งแรกหลังจากที่กรุงรัตนโกสินทร์ได้ตังขึ้นมาเพียง
48 ปี เท่านั้นเอง โดยตั้งอยู่แถววัดซามาในเมืองโอซาก้า ใช้ชื่อว่า "
ยามาโตย่า" โดยนายอิเฮอิ โซโก้ เป็นผู้ก่อตั้ง
" อิเฮอิ โซโก้ & quot; เป็นคนซื่อสัตย์และจริงใจต่อลูกค้ามาก กิจการเจริญก็ขยายร้านและเปลี่ยนชื่อจาก
" ยามาโตย่า" เป็น " โซโก้ " และจากวันนั้นจนถึงวันนี้
โซโก้ก็เจริญเติบโตจนมีสาขาทั้งหมด 14 สาขาในญี่ปุ่น ยอดขายของโซโก้ในปี
2522 เมื่อห้าปีที่แล้วเป็นเงินเกือบ 4 หมื่นล้านบาท จากสาขา 12 แห่งเท่านั้น
โซโก้ ไม่เคยออกไปตั้งสาขานอกประเทศ เพิ่งจะมีประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่เข้ามา
"เขาผ่านมาทางบริษัทโตโยเม็งก้า ในเมืองไทย โดยเขาบอกว่าเขาเชื่อมั่นในประเทศไทย
และมองเห็นอนาคต เขาให้โตโยเม็งก้าช่วยหาหุ้นส่วนให้ด้วย ในที่สุดก็เจอเรากลายเป็นจุดเริ่มต้น"
การร่วมของฝ่ายไทยในโซโก้แบ่งเป็น 51% ของคนไทย โดยมีบริษัทอัมรินทร์เดเวลล้อปเม้นท์
20% เจ้าของที่ 5% และอีก 26% เป็นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่มีญี่ปุ่นร่วมด้วยเช่น
สินอุตสาหกรรม ( sicco) ฯลฯ
ทุนจดทะเบียนนั้นตั้งเอาไว้ 50 ล้านบาท แต่จ่ายเพียง 25 ล้านบาทก่อน แต่"
ทางโซโก้เขาเตรียมเอาเงินเข้ามาเองอีกร่วม 500 ล้านบาท โดยไม่พึ่งแหล่งเงินภายในเลย"
แหล่งข่าวภายในแจ้งให้ทราบ
โซโก้ก็คงจะเหมือนกับแมคโดนัลด์ที่เพิ่งจะเข้ามาเมืองไทยเป็นครั้งแรก และต้องทำให้ขึ้น
แต่โซโก้นั้นคงจะต่างกับแมคโดนัลด์สองประการก็ตรงที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โซโก้พเนจรออกมาจาก
เกาะญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นเองก็คงจะจับตามองดูว่าโซโก้จะเป็นโซบะหรือเปล่า
อย่างน้อยที่สุดก็มีไดมารูคนหนึ่งแหละ!!
ประการสุดท้าย ก็อยุ่ตรงที่สำหรับสายเลือดซามูไรแล้ว การรักษาหน้าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าชีวิตฉะนั้นจะล้มเหลวไม่ได้
ถ้ามองในแง่นี้แล้ว โซโก้ก็คงจะต้องปักหลักอยู่ในเมืองไทยอีกนานแน่ๆ