|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สงครามแฮร์แคร์ร้อนระอุตั้งแต่ต้นปี เมื่อ “แพนทีน” ส่ง “โปร-วี เนเจอร์แคร์” พร้อมแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ “แอน ทองประสม” โต้กลับทันที หลัง “ซันซิล” เปิดตัวสูตร “นาโน คอมเพล็กซ์” แชมพูอนุภาคเล็ก ที่จัดชุดเต็มด้วยแฟชั่นโชว์บน “คริสตัลรันเวย์” กลางเจ้าพระยาเพียง 1 สัปดาห์ การสวนหมัดของแพนทีนด้วยสูตรล่าสุดนี้ ไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่การนำธรรมชาติมาผสานกับวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรกเท่านั้น ทว่าสูตรนี้ยังกำหนดมาเพื่อตอบโจทย์สาววัย 30 ปีขึ้นไปด้วย นอกจากจะเป็นการย้อนรอยนวัตกรรมที่ “ซันซิล” เคยใช้ “อายุ” เป็นตัวแบ่งเซกเมนต์แล้ว พีแอนด์จียังหวังว่า “โปร-วี เนเจอร์แคร์” จะช่วยดันทัพแฮร์แคร์เขยิบเข้าไปหายใจรดต้นคอลีเวอร์มากขึ้น หลังตัวเลขฟากแชมป์ทั้ง 3 แบรนด์ร่วงหมดในรอบไม่น้อยกว่า 3 ปี
การรายงานตัวเลขล่าสุด (ปี 2553) ส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมูลค่ามากกว่า 13,000 ล้านบาท ระหว่าง ทัพยูนิลีเวอร์ที่ทำคะแนนได้ 48.5% กับทัพพีแอนด์จีที่มีอยู่ราว 31.7% จะเห็นว่าห่างกันอยู่ 16.8% แม้ว่ายังเป็นระยะที่ห่างอยู่หลายช่วงตัวก็ตาม ทว่า ถ้าย้อนกลับไปเทียบตัวเลขส่วนแบ่งเมื่อ 2-3 ปีก่อน แชมป์ยูนิลีเวอร์เคยมีคะแนนทิ้งห่างพีแอนด์จีเกือบ 20 แต้ม
ไม่แค่นั้น เมื่อไล่ดูผลงานของแต่ละแบรนด์ในแต่ละกองทัพ พบว่า ฟากของยูนิลีเวอร์ ที่ประกอบด้วย แบรนด์ซันซิล มีส่วนแบ่ง 24.5% แบรนด์เคลียร์ 13.4% และแบรนด์โดฟ 10.6% จะเห็นว่า 2 แบรนด์ ตัวเลขตกลงมา 0.6% และ 0.2% ตามลำดับ ส่วนแบรนด์โดฟแม้จะไม่ตกแต่ก็อยู่ในอัตราคงที่ไม่เติบโต ขณะที่ฝั่งพีแอนด์จี ที่ประกอบด้วย แบรนด์แพนทีน 15.1% แบรนด์เฮดแอนด์โชว์เดอร์ 6.7% แบรนด์รีจอยส์ 8% และแบรนด์เฮอร์เบิล เอสเซนเชียล 1.9% ต่างมีการเติบโตขึ้น 0.6%, 0.4% และ 0.2% ตามลำดับ มีเพียงเฮอร์เบิลฯ แบรนด์เดียวที่ตกลง 0.2% เนื่องจากไม่มีการทำตลาด
“เป็นครั้งแรกในรอบไม่น้อยกว่า 3 ปีที่แบรนด์แชมพูทั้ง 3 แบรนด์ของยูนิลีเวอร์ตกและไม่เติบโตพร้อมกันทั้งหมด จากเดิมจะเป็นเฉพาะบางแบรนด์ที่ไม่ได้มีการทำตลาดมากนัก” เป็นคำกล่าวของ วรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ ประจำประเทศไทย บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย)
จากผลงานดังกล่าว เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สงครามแฮร์แคร์ในบ้านเราปีนี้ดุเดือดกันตั้งแต่ไตรมาสแรก เริ่มจากผู้นำที่เป็นฝ่ายเปิดฉาก ด้วยการส่ง “นาโน คอมเพล็กซ์” สูตรล่าสุดที่ต่อยอดจากคอนเซ็ปต์ “โค ครีเอเชั่น” ที่มีการจับมือ 7 ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมระดับโลกมาร่วมพัฒนาสูตรอีกครั้ง โดยเป็นแชมพูที่มีอนุภาคเล็กขนาดนาโน เพื่อให้สามารถดูแลผมได้ดียิ่งขึ้น ไม่แค่นั้น เพื่อสร้างสีสันและดึงความสนใจจากผู้บริโภค ชนิดที่เรียกว่าสมฐานะแชมป์ด้วย นั่นคือ การจัดแฟชั่นโชว์บนรันเวย์กลางแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง ที่ครั้งนี้จัดเป็น “คริสตัลรันเวย์” ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่รันเวย์ประดับด้วยคริสตัล และมี อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ พรีเซนเตอร์แบรนด์ซันซิลนำทีมเดินแบบ พร้อมมี ยูโกะ ยามาชิตะ และโทมัส ทอร์ 2 ใน 7 ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมระดับโลกมาร่วมงานนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์ร่วมกับสินค้าใหม่ทั้ง 7 สูตรมากขึ้น ทางลีเวอร์จึงเปิดตัว “ซันซิล เพอร์เฟค ซาลอน” แฟลกชิปซาลอน บริเวณชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน เป็นเวลานาน 5 เดือน เพื่อให้บริการสระ เซต ไดร์ พร้อมให้คำปรึกษาด้านความงาม โดยผู้สนใจเพียงลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ซันซิล ทั้งใน www.sunsilkcocreations.com และ facebook/SunsilkThailand
และนั่นคือ การเปิดเกมรุกจาก “ซันซิล” แบรนด์หัวหอกของลีเวอร์ ที่ถือว่าเป็นการจุดชนวนสงครามแฮร์แคร์ในปีนี้อย่างเป็นทางการ เพราะหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น ด้านพีแอนด์จีก็มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยเป็นการขยับของแบรนด์หลักอย่าง “แพนทีน” ที่แม้จะไม่สามารถเปิดเผยงบการตลาดได้ แต่มั่นใจว่าการซุ่มพัฒนานวัตกรรมตัวล่าสุดนานถึง 2 ปี พร้อมการคว้าตัวนางเอกระดับแถวหน้าอย่าง “แอน ทองประสม” มารับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์นั้น งานนี้พีแอนด์จีต้องทุ่มเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย
สำหรับการออกสตาร์ทของแพนทีนในปีนี้ ไม่เพียงจะเข้มข้นตั้งแต่ยกแรกเท่านั้น แต่ทั้งตัวสินค้าและแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ก็ยังสร้างความฮือฮาเขย่าวงการแฮร์แคร์ได้ไม่น้อยด้วย เริ่มกันที่ตัวสินค้า “โปร-วี เนเจอร์แคร์” นวัตกรรมใหม่แกะกล่องจากผู้เล่นรายนี้ แม้ว่าผู้บริโภคบ้านเราอาจจะรู้สึกคุ้นๆ กับคำว่า “โปรวี” ก็ตาม ซึ่งไม่แปลก เพราะที่ผ่านมาแพนทีนเคยออกสูตรที่พูดถึง “โปรวี” มาก่อน เช่น “อะมิโน โปรวี” โดยเป็นการนำอณูเล็กๆ ของโปรตีนมาใช้แทรกซึมเพื่อช่วยบำรุงผม
กลับมาที่สูตรล่าสุด “โปร-วี เนเจอร์แคร์” ซึ่งประกอบด้วย แชมพู ครีมนวด ทรีตเมนต์ และลีฟออน ที่บอกว่าเป็นนวัตกรรมเขย่าวงการแฮร์แคร์คงไม่ผิด เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่แพนทีนนำ “ธรรมชาติมาผสานกับวิทยาศาสตร์” ทั้งนี้ วรศิษย์ กล่าวว่า เดิมแพนทีนเป็นแบรนด์ที่จะเน้นเรื่องวิทยาศาสตร์เป็นหลัก แต่การนำสารสกัดธรรมชาติจาก “ดอกแคสเชีย” มาเป็นส่วนผสมด้วยนั้น ก็เพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีคุณค่าจากธรรมชาติด้วย และแน่นอนว่า ในส่วนผสมฝั่งวิทยาศาสตร์ ตัวเอกย่อมต้องยกให้ “โปรวิตามิน บี5” ซึ่งถือเป็นสูตรเอกลักษณ์ของแพนทีนมาโดยตลอด
ฉะนั้น แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องสูตรของแพนทีน ทว่า ผู้เล่นรายนี้ก็ยังสามารถรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกว่าหลุดหรือต่างไปจากภาพลักษณ์เดิม ที่สำคัญยังไม่ทับซ้อนกับโพซิชันนิ่งของแบรนด์ในเครืออย่าง “เฮอร์เบิล เอสเซนเชียล” ที่แม้จะเน้นเรื่องธรรมชาติแต่ก็เป็นแค่การนำกลิ่นมาใช้เท่านั้น นอกจากจะใช้นวัตกรรมเข้ามาสร้างแรงสะเทือน ชนิดที่บลัฟฟ์คู่แข่งอย่างซันซิล นาโน คอมเพล็กซ์ที่ชูแต่เรื่องวิทยาศาสตร์เท่านั้น แพนทีนยังปล่อยหมัดเด็ด ด้วยการวางสินค้าสูตรนี้ให้เข้าไปตอบโจทย์ผู้หญิงวัย 30 ปีขึ้นไป ซึ่งก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่แพนทีนนำเรื่อง “อายุ” มาเป็น message ในการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยก่อนหน้านี้ ถ้าจำกันได้ราว 5-6 ปีก่อน “ซันซิล” เคยออกสูตร “เอจจิ้ง แคร์” แชมพูเพื่อสาววัย 30 ปีขึ้นไปมาแล้ว แม้จะเป็นสูตรที่วางขายในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนั้นก็พูดได้ว่าสร้างความฮือฮาให้กับวงการแฮร์แคร์บ้านเราไม่น้อย
“เดิมนวัตกรรมของสินค้าไม่ได้ขยับไปตามอายุของคน แต่นับจากนี้เราจะเจาะลึกไปถึงเรื่องปัญหาเส้นผมและอายุของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าสินค้าจะแยกย่อยเป็นเซกเมนต์มากขึ้น”
ดังนั้น เพื่อให้ message ที่ส่งออกมาสามารถสื่อไปยังผู้บริโภคได้ชัดเจนที่สุด จะเห็นว่าการเลือกใช้พรีเซนเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ คือ เครื่องมือที่ผู้เล่นรายนี้นำมาใช้ ล่าสุดกับการวาง แอน ทองประสม เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ที่ไม่เพียงจะช่วยยกระดับแบรนด์แพนทีนให้ดูพรีเมียมมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับแบรนด์ซันซิลที่ใช้ อั้ม พัชราภา เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งจะมีภาพความเป็นแมสมากกว่า แต่การเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ในครั้งนี้ พีแอนด์จีต้องการแยกให้เห็นถึงความแตกต่างของแพนทีนในแต่ละสูตรด้วย โดย นุ่น วรนุช จะเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่มีปัญหาผมทั่วไป, พิม ซาซ่า เป็นตัวแทนของปัญหาผมบาง, รถเมล์ คนึงนิจ เป็นตัวแทนของสาวผมนุ่มตรง และแอน ทองประสม ตัวแทนของสาวอายุ 30 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาผมลีบแบน ขาดน้ำหนัก
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงก้าวแรกของแพนทีน เพราะผู้บริหารพีแอนด์จีแอบกระซิบว่า ปีนี้แพนทีนจะยังมีนวัตกรรมเด็ดออกมาเขย่าตลาดอีก 2 ตัว ซึ่งนอกจากเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นแล้ว พีแอนด์จียังต้องการปรับการรับรู้สินค้าของผู้บริโภคจากแชมพูให้เป็นสินค้าบิวตี้ด้วย และนี่คือ การโต้กลับแบบทันควันของพีแอนด์จี ที่วันนี้กำลังเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าใกล้แชมป์ให้มากที่สุด แรงกดดันนี้จะผลักดันให้ลีเวอร์สปีดหนีได้มากน้อยแค่ไหน ศึกนี้ต้องติดตาม
|
|
|
|
|