4 ปีกับยอดขาย 2.5 ล้านเครื่อง หากเป็นมือถืออินเตอร์แบรนด์ อาจไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แถมตัวเลขยังดูน้อยนิดเกินไปด้วยซ้ำ แต่สำหรับแบรนด์มือถือไทยที่ชื่อ “จีเนท” ต้องยอมรับว่าชั้นเชิงไม่ธรรมดา และนับจากนี้อีก 1 ปี ต้องจับตามองมือถือไทยแบรนด์นี้กันให้ดี เพราะกำลังติดปีกสร้างชื่อโกอินเตอร์ พร้อมพิชิตเป้าหมายอันดับ 1 เชิงมูลค่าให้จงได้
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่ปรึกษา บริษัท จีเนท อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า สิ่งที่ทำให้จีเนทสามารถสร้างยอดขาย 3 เดือน 1 ล้านเครื่อง จนมียอดขายรวมในปีที่ผ่านมา 2.5 เครื่องจากตลาดรวม 11 ล้านเครื่อง มาจากการใช้นวัตกรรมสร้างสินค้า จึงทำให้สินค้าจีเนทไม่เพียงแต่แตกต่างจากคู่แข่งขัน แต่ยังตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
นอกจากนวัตกรรมสร้างสินค้าแล้ว ราคามือถือที่แตกต่างในระดับ 1,500-2,000 บาท ยังเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้จีเนทสามารถทลายอุปสรรคการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ ในกลุ่มเป้าหมายระดับรากหญ้าซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่มูลค่ามหาศาลได้ถึงตรงกลางขั้วหัวใจ
และนั่นเองที่ทำให้แบรนด์มือถือไทย “จีเนท” สามารถผงาดศักดากับอินเตอร์แบรนด์ได้อย่างงดงามท่ามกลางสังเวียนการแข่งขันที่ดุเดือด
“ก้าวต่อไปของจีเนทเมื่อมีสินค้าระดับชั้นนำ ก็คือ การก้าวสู่ International Local Brand และอันดับหนึ่งในแง่มูลค่า”
วุฒิ จารุวัชรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเนท อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บอกถึงภารกิจขั้นต่อไป และบอกว่า การที่จีเนทจะก้าวสู่บัลลังก์มือถือในแง่มูลค่า จะใช้กลยุทธ์เดิมๆ ที่เน้นฟีเจอร์โฟน และระดับราคาเครื่องต่ำไม่ได้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าตลาดเครื่องระดับนี้มาร์จิ้นน้อย ที่สำคัญอินเตอร์แบรนด์ก็พยายามจะเขยิบราคาลงมาจนปัจจุบันราคาแทบไม่ต่างจากมือถือเฮาส์แบรนด์มากนัก
ดังนั้น การที่จีเนทจะไปถึงเป้าหมายครั้งนี้ได้ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของ Product แน่นอนว่าจีเนทยังต้องรักษาคอนเซ็ปต์การใช้นวัตกรรมสร้างสินค้า แต่สิ่งที่จะถูกเพิ่มเข้าไปก็คือความเป็นไฮเอนด์ โดยเป็นการขยายไลน์สู่สินค้าในกลุ่มไฮเอนด์ อย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเลตมากขึ้น ในลักษณะที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ซึ่งหากจีเนทสามารถนำสินค้าสมาร์ทโฟนและแท็บเลตเข้ามาทำตลาดได้ นอกจากข้อจำกัดของจีเนทที่ถูกผูกติดด้วยราคาจะถูกสลัดออกไปแล้ว ยังจะช่วยให้จีเนทขยายตลาดในวงกว้างและก้าวไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นด้วย
ทั้งนี้ วุฒิ บอกว่า จีเนทจะเริ่มนำสมาร์ทโฟน และแท็บเลตเข้ามาทำตลาดเพิ่มประมาณปลายไตรมาส 2 ภายใต้แบรนด์ G-Pad เพื่อชิมลางตลาด โดยสมาร์ทโฟนจะใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มีระดับราคาประมาณ 6,000-7,000 บาท ขณะที่ G-Pad มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ 7 นิ้ว 10 นิ้ว และ 12 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ราคาประมาณ 10,000-20,000 บาท
นอกจากนี้ จีเนทยังปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายสมาร์ทโฟน และ G-Pad แยกออกจากช่องทางเดิม โดยใช้ชื่อว่า จีเนท สมาร์ทช็อป โดยจะมีรูปแบบการตกแต่งทันสมัย และบริการที่จะสร้างประสบการณ์และความประทับใจให้กับลูกค้า โดยแห่งแรกจะเปิดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และปีนี้ตั้งเป้าเปิด 50 แห่ง
ส่วนการสร้าง International Local Brand วุฒิ บอกว่า เกิดจากการมองเห็นช่องว่างทางการตลาดมือถือในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีโอกาสอีกมาก จากการที่มือถือจีนทะลักเข้าไปทำตลาดจำนวนมาก ดังนั้น หากมือถือแบรนด์ไทยสามารถขยายตลาดเข้าไปได้ ก็เท่ากับเป็นการขยายความเป็นไทยไปยังอาเซียนด้วย
สำหรับแนวทางการบุกตลาดอาเซียน ยังคงคอนเซ็ปต์สร้างความแตกต่างที่เป็นจุดแข็งของจีเนทเช่นเดิม อีกทั้งมองว่าแต่ละประเทศมีความต้องการสินค้าต่างกัน โดยจีเนทจะรุกเข้าไปทำตลาดเองโดยตรง โดยอาศัยกลยุทธ์ที่เรียกว่า Tailor-Made ในการสร้างแบรนด์บุกตลาด คือ เลือกโมเดลสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ เข้าไปทำตลาด เพื่อให้สินค้าตอบโจทย์และโดนใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
“เบื้องต้นอยู่ระหว่างศึกษาตลาดว่าต้องการสินค้าในรูปแบบใด ส่วนการรับรู้แบรนด์นั้นไม่ห่วง เพราะผู้บริโภครู้จักแบรนด์อยู่แล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่สินค้าและบริการหลังการขาย ซึ่งเรามีแผนเข้าไปเปิดศูนย์ให้บริการในประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้เราได้เปรียบแบรนด์จีน” วุฒิ กล่าว และว่า จีเนทจะเริ่มต้นบุกตลาดต่างประเทศใน 3 ประเทศแถบเพื่อนบ้านก่อน ประมาณไตรมาส 3 โดยจะนำเอาฟีเจอร์โฟนที่มีฟังก์ชั่นสองซิมและดูทีวีได้ไปทำตลาด
“เชื่อว่าการขยายไลน์สู่สมาร์ทโฟน แท็บเลต และรุกตลาดต่างประเทศ จะทำให้ปีนี้เรามียอดขาย 4.5-5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 5,000 ล้านบาท และสามารถไต่ขึ้นบัลลังก์มือถือในไตรมาส 1 ปี 2555 ได้”
|