|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
วงการเครื่องเล่นวิดีโอเกมของโลกเคยเป็นตลาดของนินเทนโดและโซนี่มานานหลายปี จึงไม่แปลกใจที่การแข่งขันระหว่างนินเทนโดกับโซนี่จึงเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะล่าสุดนี้โซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ อเมริกา ตัดสินใจตัดราคาเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่น ลงมาถึง 24% ก่อนที่นินเทนโดจะเปิดตัวเครื่องเล่นพกพาใหม่ นิว 3DS เพียง 1 เดือน
กลยุทธ์ของโซนี่ที่ตั้งใจปรับลดราคาเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่น PSP ลงมาให้ต่ำกว่านินเทนโดถึงครึ่งหนึ่ง ก็คงมาจากความเชื่อว่าลูกค้าจะต้องคิดแล้วคิดอีกกว่าจะซื้อของแพงอย่างนินเทนโด อีกหรือไม่ แม้แต่เกมเมอร์ที่เป็นสาวกของทางนินเทนโดเองก็ตาม
นับจากเปิดตัวเครื่องเล่น PSP มาตั้งแต่ปี 2005 หรือ 6 ปีมาแล้ว สามารถสร้างยอดการจำหน่ายได้ถึง 23 ล้านเครื่อง เฉพาะในอเมริกาเหนือ และกว่า 67.8 ล้านเครื่องทั่วโลก ขณะที่นินเทนโด ออกมาเป็นโมเดลที่หลากหลายกว่าของ DS ทำให้ยอดการจำหน่ายทั่วโลกพุ่งขึ้นไปเป็น 145 ล้านเครื่อง
ทั้งนี้ การตัดสินใจของโซนี่ในการปรับลดราคามาจาก
ประการแรก เพื่อสร้างความสนใจจากลูกค้าให้กลับมาเหลียวดูแบรนด์ PSP ของโซนี่อีกครั้ง หลังจากละความสนใจมานาน ซึ่งเข้าตามแผนของโซนี่ ที่กำลังจะปรับผลิตภัณฑ์สู่ระบบใหม่ของตนในไม่ช้านี้ถือว่าเป็นทายาทรุ่นต่อไปของเครื่องเล่น จาก PSP สู่รุ่นใหม่ที่เรียกว่า “Next Generation Portable” ซึ่งคงจะวางห้างค้าปลีกก่อนสิ้นปีนี้
ประการที่สอง เพื่อเรียกร้องความสนใจของลูกค้าด้วย PSP ที่มีราคาถูกกว่านินเทนโดเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว โซนี่ ก็ทำการเพิ่มเกมใหม่เพื่อเล่นกับอุปกรณ์อีกถึง 13 เกม ด้วยระดับราคาที่ถูกเพียง 10-20 ดอลลาร์ เท่านั้น โดยเกมที่ออกใหม่ขายแบบลดราคานี้ รวมถึงเกม Toy Story 3 เกม Metal Gear Solid : Peace Walker
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนนินเทนโดจะไม่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อความเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์ของโซนี่แม้แต่การตัดราคาขายต่อหน่วยดังกล่าว แต่ค่อนข้างจะระมัดระวังและติดตามการดำเนินงานของคู่แข่งรายแอปเปิลมากที่สุด
ทั้งนี้เพราะแอปเปิลทำท่าว่าจะเอาจริงกับการขยายบทบาทในตลาดวิดีโอเกมหลังจากที่ตลาดวิดีโอเกมสั่นสะเทือนด้วยเกมฮิต ชื่อ Angry Birds ไปแล้ว และกำลังตามมาติดๆ ด้วย Infinity Blade
นอกจากนี้ การที่ไอโฟน ไอพอด และไอแพดอุปกรณ์ที่ใช้เล่น เกมของแอปเปิลขายได้ทั่วโลกกว่า 120 ล้านเครื่องไปแล้วทั่วโลก ก็ยังเป็นคู่แข่งขันและภัยคุกคามเจ้าตลาดเกมเพลย์สเตชั่นเดิมอย่างนินเทนโด และโซนี่
นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่นินเทนโดตัดสินใจปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ เครื่องเล่นในไลน์ DS จะเปลี่ยนเป็นระบบ 3DS แทน
กลุ่มที่สอง คือ เครื่องเล่นวี (Wii) เริ่มถึงอายุหรือทำท่าจะล้าสมัยแล้ว คงต้องการทายาทออกใหม่เช่นเดียวกันของไมโครซอฟท์และโซนี่ ที่ปรับตัวออกไปสู่ Motion-gamins System หรือ เกมที่ใช้อารมณ์ในการควบคุมการเล่นกันแล้ว
นักวิเคราะห์ทางการตลาดบางคนเชื่อว่าในไม่ช้า สภาพการแข่งขันนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไป มิฉะนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งนินเทนโดและแอปเปิลเอง ถึงกับมีบางคนพยากรณ์ว่าในอนาคต นินเทนโด อาจจะใช้ความถนัดของตนเองสร้างความยั่งยืนของธุรกิจด้วยการหันไปผลิตเกมให้กับเครื่องเล่นไอโฟนและตระกูลไอ อื่นๆ ของแอปเปิล เพราะถึงทุกวันนี้ยังมีเกมเมอร์ที่เป็นสาวกของเกม ซูเปอร์มาริโอ กันไม่ใช่น้อย เพื่อรวมกันเราอยู่ แยกกันล่มสลาย
เหตุผลสำคัญที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าจะมีการรวมตัวกันเพื่อผลักดันธุรกิจแทนที่จะมัวแต่แข่งขันกัน ก็คือ
ประการแรก ลูกค้าที่ยินดีที่จะซื้อเกมใหม่ๆ ในราคาถูกๆ มีอยู่นับล้านในโลกนี้ หากขยายตลาดออกไปเป็นตลาดระดับมวลชนหรือ Mass ได้ ราคาเกมละ 3-5 ดอลลาร์ ก็สามารถทำรายได้จำนวนมหาศาลให้แก่กิจการแล้ว
ประการที่สอง การร่วมมือกับแอปเปิลในการผลิตเกมใหม่ๆ ป้อนอุปกรณ์โมบายอย่างไอโฟนจะช่วยขยายพรมแดนของความรู้ความสามารถของนินเทนโดในด้านการวิจัยและการพัฒนา ซึ่งจะช่วยให้นินเทนโดสามารถต่อยอดธุรกิจออกไปได้อีกมากมายและในระยะยาวไม่ใช่ระยะสั้น
ประการที่สาม กลยุทธ์การร่วมมือกันและสามารถขยายการเติบโตทางธุรกิจได้ มีส่วนช่วยให้ทินเทนโดไม่ต้องเสียหน้าในทางธุรกิจ ไม่ต้องเก็บเกมเพลของตนเข้ากรุด้วย และจะช่วยให้ได้น้ำข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจบนอุปกรณ์โมบายที่นินเทนโดอาจจะยังไม่กระจ่างชัด และนำเอาพฤติกรรมการเล่นเกมบนโมบายเหล่านี้เป็นข้อมูลในการพัฒนาธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นใจ
หากผู้ประกอบการอย่างนินเทนโดจะอยู่แบบโดดเดี่ยวบนโลกเครื่องเล่นเกมแบบดั้งเดิมต่อไป ก็อาจจะสายเกินไปในการปรับตัว เมื่อตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ทำท่าว่าจะเติบโตอย่างคาดไม่ถึง เพียงแค่ไอโฟนโอเอสตัวเดียวก็พัฒนาส่วนแบ่งตลาดสหรัฐขึ้นมาเป็น 5% ของรายได้ซอฟต์แวร์วิดีโอเกมทั้งหมดเริ่มจากเพียง 1% ในปีก่อนหน้านี้
|
|
|
|
|