|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดฟิล์มติดรถยนต์ปะทุตามการเติบโตของตลาดรถยนต์ วี-คูล พลิกเกมรุกเปิดแบรนด์ที่สอง พร้อมบริษัทใหม่ เจาะกลุ่ม Mass Premium ใจเด็ดประกาศโค่นแชมป์ฟิล์มจากลามิน่าในอีก 3 ปี ขณะที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาด 10%
ทั้งนี้ ค่ายฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์วี-คูล เพิ่งสรุปยอดขายในปี 2553 ที่ผ่านมาว่า มีอัตราการเติบโตจากปี 2552 ถึง 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของตลาดรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง และในปีนี้ วี-คูล ประเมินว่า ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ก็น่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับ ตลาดรถยนต์เมืองไทยด้วยเช่นกัน โดยจากตัวเลขที่ประเมินกันน่าจะสูงกว่า 800,000 คัน
แผนการรุกตลาด และการตั้งเป้าจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงในเมืองไทยนั้น วี-คูลจะใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า แผนปฏิบัติการ “One World” ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ Customer Care คือการให้ความรู้และประสบการณ์เชิงลึกในแบรนด์วี-คูลแก่ลูกค้า พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง, Partner Care การรุกตลาดโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยเพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายวี-คูลสามารถเพิ่มยอดขายได้เท่าตัว และ Environ Care การสร้างจิตสำนึกด้านการบริหารสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการบริหารธุรกิจ
กนต์ธร จตุรภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกว่า แผนการรุกตลาดครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล โดยได้กำหนดแผนดำเนินการสร้างแบรนด์วี-คูลให้เป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดทั้งในส่วนของยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด
นอกจากแบรนด์วี-คูลแล้ว ทางวี-คูล คอร์ปอเรชั่น ยังเดินเกมด้วยการเปิดฟิล์มกรองแสงแบรนด์ที่ 2 ในการทำตลาดแข่งกับผู้นำในปัจจุบันคือ ลามิน่า โดยได้เปิดตัวฟิล์มกรองแสงในชื่อ ฮิวเปอร์ ออปติก พร้อมตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดำเนินการชื่อ ฮิวเปอร์ ออปติก คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อรับผิดชอบฟิล์มกรองแสง ฮิวเปอร์ ออปติก ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในกลุ่ม วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล สัญชาติเยอรมัน
“ผมมีความเชื่อมั่นมากในด้านการจัดจำหน่ายและการตลาดของ ฮิวเปอร์ ออปติก ในตลาดประเทศไทยมาก เพราะความเป็นเยอรมันที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ฮิวเปอร์ ออปติก นั้นได้พัฒนาเทคโนโลยีฟิล์มกรองแสงขั้นสูงของตัวเอง ซึ่งใช้นาโนเซรามิกเทคโนโลยี” กนต์ธร กล่าว
โดย ฮิวเปอร์ ออปติก นี้ถือเป็นสินค้าในระดับ “Mass Premium” เพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของรถระดับกลางขึ้นไป ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตและถือเป็นตลาดใหม่สำหรับบริษัทด้วย
วิลสัน ลิม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโวแม็ททริกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท วี-คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ฮิวเปอร์ ออปติก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งกลุ่มวี-คูล คอร์ปอเรชั่น เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทยเพราะความเชื่อมั่นในประสบการณ์ด้านการตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ของคณะผู้บริหารที่มีร่วม 20 ปี นี่คือเหตุผลหลักของการแต่งตั้งครั้งนี้
“หัวใจหลักของการแนะนำผลิตภัณฑ์ฮิวเปอร์ ออปติกทั่วโลกคือ 3Xs ซึ่งได้แก่ Xcite, Xcell และ Xceed โดยความหมายก็คือเราต้องการสร้างความตื่นเต้นในตลาดด้วยผลิตภัณฑ์สัญชาติเยอรมัน และเราเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของเราจะสร้างความพึงพอใจเกินความคาดหมายของลูกค้า” กนต์ธร กล่าว
ทั้งนี้ ฮิวเปอร์ ออปติก คอร์ปอเรชั่น จะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายกว่า 100 รายเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขึ้นเป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทยภายใน 3 ปี จากปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของวี-คูลที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้น มีเพียง 10% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของวี-คูล
|
|
|
|
|