เมื่อตอนก่อนสงครามโลก เพื่อนของ เทียม โชควัฒนา คนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเป็นนายหน้าซื้อขายทอง
มาเสนอขายทองคำกับเทียมในราคาบาทละ 750 บาท เวลาที่เสนอขายนั้นเป็นตอนเช้า
09.00 น. นายห้างเทียมตกลงรับปากซื้อทองคิดเป็นน้ำหนัก 200 บาท เป็นจำนวนเงิน
150,000 บาท นายหน้าคนนั้นจะส่งมอบทองให้ในตอน 14.00 น. เพราะทองฝากอยู่ที่ธนาคารจะต้องไปถอนออกมาเสียก่อน
เขาขอให้นายห้างเทียมเตรียมเงินทั้งหมดไว้ให้ แล้วก็กลับไป
สมัยนั้นราคาทองคำในตลาดขึ้นลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา 2 ชั่วโมง ต่อมาเวลา
11.00 น. ราคาทองลดลงจาก 750 บาทเป็น 700 บาท พอถึง 13.00 น. ลดต่ำลงไปเหลือ
650 บาท พอถึงเวลา 14.00 น. ลดต่ำลงไปถึง 550 บาท เมื่อนายหน้านำทองมาให้ เทียมตัดใจจ่ายเงิน
150,000 บาท ตามราคาที่ตกลงซื้อให้ไป นายห้างเทียมเสียดายอย่างยิ่ง เพราะต้องขาดทุนไปถึง
40,000 บาท แต่ก็ต้องทำเพื่อเป็นการรักษาเครดิตของตัวเองไว้
สมัยนั้นทรัพย์สินของตัวเองก็มีไม่มากนัก เงิน 40,000 บาทนี้มีมูลค่าถึง
15% ของทรัพย์สินทั้งหมด
การรับปากตกลงซื้อขายกับเขาเพียงคำเดียวเสียเงินไปถึง 40,000 บาท
แต่เทียมก็ยอมอดทนรับเอาความสูญเสียไว้เพื่อรักษาคำพูด
"เมื่อผมมาหวนคิดถึงสิ่งนี้ในปัจจุบัน ผมอดที่จะภูมิใจเสียมิได้ เพราะเพื่อนคนนั้นขณะนี้มีความรุ่งเรืองในชีวิตเป็นถึงผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ
เราติดต่อการค้าต่างๆ กับเขาตลอดมา ซึ่งเขาก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง
หากผมเสียดายเงิน 40,000 บาทสมัยนั้น โดยกลับคำพูดไม่ยอมรับซื้อตามที่ตกลงกันกับเขา
เขาอาจเจ็บแค้น เลิกคบกับผม เพราะผมเป็นคนพูดจากลับกลอก หาความสัตย์ไม่ได้
ไม่มีเครดิตแต่อย่างใด ปัจจุบันเขาอาจไม่เอื้อเฟื้อช่วยเหลือเหมือนอย่างที่กระทำอยู่
ขอให้ท่านจดจำไว้ว่า ความซื่อสัตย์เป็นจรรยาบรรณอันสำคัญยิ่งสำหรับวงการค้า
เพราะจะเป็นสิ่งเสริมสร้างเครดิตและกู๊ดวิลล์ของเราให้ปรากฏต่อสาธารณชน"