Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา กุมภาพันธ์ 2554
อยู่อย่างเซนที่ Carmel             
 


   
search resources

Architecture




เสน่ห์อย่างหนึ่งของหมู่บ้านในเมือง Carmel-by-the-Sea หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Carmel รัฐแคลิฟอร์เนีย คือ ประเพณีที่คนในหมู่บ้านช่วยกันทำให้บ้านของตนเองมีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยการตั้งชื่อบ้านเป็นกิจจะลักษณะและต่างก็รู้จักบ้านแต่ละหลังตามชื่อที่ตั้งมากกว่าตามเลขที่บ้านตามปกติ

สำหรับคู่สามีภรรยาผู้ซึ่งต่างเป็น “ม่าย” มาก่อน พรหมลิขิตชักนำให้ได้พบกันจนครองคู่กันในที่สุด ต่างช่วยกันสร้างรังรักบนคาบสมุทรมอนเทอเรย์ และตั้งชื่อบ้านหลังน้อยว่า An Tearmann ซึ่งเป็นภาษาไอร์แลนด์หมายถึง “ที่หลบภัย”

บ้านหลังงามกะทัดรัดนี้ออกแบบโดย Dirk Denison สถาปนิกจากชิคาโก โดยให้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไซปรัสหนาทึบที่ปกคลุมด้วยหมอก และหันหน้าออกสู่ชายหาดขาวสะอาดตาและเจิดจ้าเมื่อต้องแสงแดด

หากพูดว่าบ้านหลังนี้ตั้งบนทำเลทองก็ไม่ผิด เพราะอยู่บน “จุดชมวิวของ Carmel” ตั้งบนที่ดินแปลงแคบๆ บนเนินเตี้ยของ หาดเพ็บเบิล ทำให้เห็นวิวมหาสมุทรแปซิฟิกได้เต็มตา จุดนี้เจ้าของบ้านถือเป็นเรื่องดีอย่างที่สุด แต่การอยู่บนทำเลทองก็มีข้อเสียตรงที่ทุกคนอยากสร้างบ้านแถบนี้กันทั้งนั้น พวกเขาจึงรู้สึก ถึงความไม่เป็นส่วนตัวเท่าไรนัก เพราะทั้งสองด้านมีบ้านพักอื่นๆ ขนาบข้าง จึงไม่ต้องสงสัยที่ต้องมีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนเข้าพักและป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ นับพันคน

Denison จึงต้องแก้ปัญหาให้ด้วยการออกแบบบ้านให้ส่วนหน้ายกพื้นสูงกว่าระดับพื้นถนน ทำให้คนอยู่ในบ้านมีความเป็น ส่วนตัวมากขึ้น ทั้งยังเห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรตรงหน้าได้ชัดเจน ไม่มีอะไรบังแม้แต่น้อย

เดิมที เจ้าของบ้านผู้เป็นเจ้าของธุรกิจประกันสุขภาพกับภรรยาซื้อที่ดินแปลงนี้ไว้เพื่อสร้างบ้านพักสำหรับวันสุดสัปดาห์ แต่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปก่อน ในเวลาเดียวกัน คู่ชีวิตคนปัจจุบันของเขาซึ่งทำธุรกิจประกันสุขภาพเหมือนกัน ก็กำลังสร้าง บ้านพักแถบเทือกเขาบลูริดจ์ไว้พักผ่อนในบั้นปลายของชีวิต และเธอก็เสียสามีไปเช่นกัน

ดูเหมือนโชคชะตาตั้งใจล้มแผนของคนทั้งสอง ฝ่ายภรรยา เล่าว่า

“ชีวิตเราได้พบเห็นเรื่องราวต่างๆ มาแล้วมากมาย เราจึงแสวงหาความสงบ แสวงหาที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเรา เพื่อนๆ และคนในครอบครัว นั่นคือ ความสงบนิ่งอย่างเซน”

Denison ได้ชื่อว่าเป็นสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญการก่อสร้างงานไม้สไตล์ญี่ปุ่นรูปแบบทันสมัย ผลงานออกแบบสำหรับคู่สมรส ใหม่จึงเป็นบ้านสองชั้นพร้อมระเบียงและห้องทำสมาธิบนหลังคา เขาเน้นไม้สัก ไม้ซีดาร์ และไม้มะฮอกกานี ส่วนผนังและประตูสวนใช้ทองสัมฤทธิ์ ส่วนหลักการเลือกใช้วัสดุอยู่ที่นอกจากต้องตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่ต้องรับลมทะเลตลอดเวลาและอยู่ติดกับมหาสมุทรแล้ว ยังต้องทนทานต่อแรงลมพายุฤดูหนาวและเกลือจากทะเลด้วย

Carmel เป็นเมืองที่ภาคภูมิใจในตนเอง เพราะบังคับใช้กฎหมายการแบ่งเขตเมืองอย่างได้ผล สามารถบังคับใช้ลงไปในรายละเอียดจนทำให้คู่สามีภรรยาต้องสร้างบ้านตามรอยเท้าบ้านหลังที่มีอยู่เดิม โครงสร้างบ้านหลังใหม่จึงมีเนื้อที่ขนาดเล็กกะทัดรัด เพียง 1,950 ตารางฟุต

Denison เล่าว่า “เรารู้ดีว่ามีเนื้อที่ไม่มากนัก เราต้องวางแผน สร้างบ้านพักอย่างละเอียดลออ”

หลังจากทั้งคู่ให้โจทย์ว่า ต้องการบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือน อยู่ในเรือที่ต่อด้วยฝีมือช่างผู้ชำนาญการอย่างสุดแสนประณีต ห้องนั่งเล่นใหญ่ในบ้านจึงแลดูกลมกลืนเป็นกันเองอย่างสบายๆ โดย Denison ออกแบบบังตาทำด้วยแผ่นกระดานและเหล็กวางเรียงต่อเนื่องกันในแนวตั้งมองดูเหมือนเครื่องดนตรีสำหรับเคาะให้จังหวะ บังตาที่ว่านี้ทำให้ฝ่ายสามีนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นได้อย่างสบายใจ ขณะเดียวกันก็คุยกับคู่ชีวิตที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหารรสเลิศ อยู่ในครัวได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อไปยืนมองจากปลายด้านหนึ่ง ของบ้าน จะเห็นบังตามีรูปแบบเป็นทางการ แลดูแข็งแกร่ง และในเชิงสถาปัตยกรรมจะเป็นเหมือนป่าที่สามารถกรองแสงจ้าจากชายหาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ลานบ้านสไตล์ญี่ปุ่นถือเป็นบริเวณหรูหราที่สุดของบ้าน ได้รับการออกแบบเป็นพื้นที่ปิดในแนวยาว มีประตูกระจกทั้งสองด้าน ประตูด้านหนึ่งเปิดออกสู่ห้องนอนใหญ่ ขณะที่อีกด้านหนึ่งเปิดสู่ห้องนั่งเล่น หลังคาบริเวณนี้เป็นกระจก พยุงด้วยเคเบิลที่ยืด หยุ่นได้ หลังคากระจกทำหน้าที่นำความอบอุ่นเข้ามา แม้ในวันอากาศชื้น Denison จึงติดตั้งอ่างสำหรับแช่ตัวไว้ใกล้กับห้องนอน

เจ้าของผู้เป็นสามีเล่าว่า

“เราทำทุกวิถีทางไปสู่ความเรียบง่าย”

บ้านหลังใหม่นี้นอกจากจะเป็นผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นเยี่ยม ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งรางวัลชีวิตที่ได้จากการทำงานหนักของคนทั้งคู่ด้วย ผู้เป็นภรรยายอมรับว่า

“มันดูดีกว่าที่ดิฉันคิดไว้เสียอีก คงไม่มีอะไรวิเศษกว่าประสบการณ์ที่ได้อยู่ในบ้านที่ออกแบบอย่างประณีตทุกตารางนิ้ว”

สถาปนิกจอมเนี้ยบอย่าง Denison คลั่งไคล้เฟอร์นิเจอร์ built-in มาก เพราะนอกจากจะสวยงามแล้วยังประหยัดเนื้อที่ด้วย แม้แต่โซฟาในห้องนั่งเล่นและเฮดบอร์ดไม้ในห้องนอนใหญ่ก็ยังเป็นแบบ built-in

ความน่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งอยู่ที่ห้องทำสมาธิบนหลังคา ซึ่งเวลาจะขึ้นไปต้องใช้บันไดนอกบ้านที่ทำด้วยกระจก ไม้สัก และเหล็ก ภายในห้องปูเสื่อตาตามิทอด้วยฝีมือประณีตเพื่อซ่อนที่นอน เอาไว้ Denison อธิบายความพิเศษตรงนี้ว่า “คุณสามารถนอนใต้ช่องวงกลมแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเกสต์เฮาส์เล็กๆ ก็ไม่ปาน”

เขายังตบท้ายด้วยปรัชญาว่า

“แนวคิดการสร้างสรรค์พื้นที่ขนาดเล็กลงและมีส่วนเชื่อมต่อนี้ถือเป็นงานหลักของเรา มันดีมากที่ได้อยู่กับของน้อยสิ่งลงแต่ มีคุณภาพสูงสุด”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us