|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไม่มีโรงแรมระดับ Luxury ที่ไหนจะปฏิบัติต่อพนักงานได้ดีเท่านี้ จากการไปสัมผัสพื้นที่ที่เรียกว่า “O-Zone” บนชั้นสองฝั่งริเวอร์วิงส์ของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งทุ่มทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อสร้างสรรค์ให้ O-Zone เป็น “ต้นแบบ” สวัสดิการสังคมแห่งความสุขของพนักงานโอเรียนเต็ลกว่า 1,300 คน อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
งานนี้ มร.ญัน เกอซิ่ง ผู้จัดการใหญ่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้ว่าจ้างบริษัทสถาปนิก Tamdem Architect 2001 ออกแบบเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทำงานเดิมอันเก่าแก่ภายใต้โครงสร้างเหล็กตัว V อันใหญ่แข็งแรงให้เกิดใหม่ในดีไซน์ใหม่สดใส ที่สร้างสมดุลระหว่างเหตุผลและอารมณ์สร้างสุขได้ถึง 10 โซน โดยใช้คอนเซ็ปต์ “Hotel within a hotel” ที่มีพนักงานเป็นลูกค้าของ O-Zone นั่นเอง
“พนักงานคือ ลูกค้าคนสำคัญภายในที่เราต้องดูแล เมื่อเขามีความสุข แน่นอน...ความสุขนั้นย่อมจะส่งให้การบริการแก่แขกวีไอพีที่มาพักมีความสุขและพึงพอใจด้วย” นี่คือคีย์เวิร์ดที่อิทธิพล วิทจิตสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มกล่าว
ณ O-Zone แห่งนี้เริ่มต้นจาก Talent Zone ของฝ่ายพัฒนาบุคคล หรือ HR ที่ออกแบบโปร่งใสและเป็นมิตร ทำหน้าที่เสมือน Hotel concierge ที่ดูแลให้บริการข้อมูลแก่พนักงาน เช่น จะไปเที่ยววันหยุดก็จะติดต่อเช่ารถให้ หรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนการเงินอย่างไร?
ถัดมาเป็นพื้นที่ Mind Zone 1-2 เป็นห้องประชุมที่เน้นใช้วัสดุธรรมชาติตกแต่งบรรยากาศที่เสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการระดมความคิดหลากหลายกลุ่ม ล่าสุดเห็นการประชุมปรึกษาหารือกันของเชฟห้องอาหารทั้งเก้าแห่งโดยมีเชฟใหญ่-นอร์เบิร์ตเป็นประธาน
หลังจากฟังเชฟจับเข่าคุยกัน ก็อยากรู้ว่าพนักงานโอเรียนเต็ลเขาได้ทานอาหารรสเลิศอะไรบ้าง? จึงไปที่โซน Cafe-48 (เลข 48 เป็น gimmick ที่ล้อกับเลขที่ตั้งโรงแรมโอเรียนเต็ล) พื้นที่โซนนี้มีลักษณะเป็นภัตตาคารใหญ่ขนาดจุ 100 ที่นั่ง พนักงานพันกว่าคนต่างมีเวลาพักทานอาหารไม่ตรงกันและใช้เวลาต่อคนประมาณ 45 นาทีที่ O-Zone ซึ่งให้บริการ 5 มื้อต่อวัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเห็นภาพพนักงานต่อคิวยาวรอตักอาหารหวานคาวครบเครื่องทั้ง 5 อย่างที่ผ่านการปรุงใหม่สดจากครัวที่นี่ ตบท้ายด้วยน้ำดื่ม ชา กาแฟ น้ำตาลและครีมใส่ไว้ในขวดเก๋ๆ
“วันดีคืนดี ผู้บริหารก็จะเฮโลไปช่วยตักอาหารให้ เพราะไม่งั้นรอคิวยาว เรารู้ว่าเขาเหนื่อยทำงานแต่เช้าจรดค่ำ เช่น วันอาทิตย์นี้มีงานจัดเลี้ยงแขกมากถึง 2,000 คน มีงาน เลี้ยง 3-4 งาน พนักงาน car park บางคนทำงานไม่มีใคร เห็น โบกรถและหาที่จอดรถแขกทั้งวัน ที่จอดรถโรงแรมก็จำกัด รถก็ติด แถมเขาต้องคุมอารมณ์ไม่ให้หงุดหงิดอีก ผมก็จะคุยกับเขาระหว่างตักว่าได้ข่าวว่างานเยอะ...น้องเอา ไก่ไปเพิ่มอีกชิ้นหนึ่งนะ เขาก็รู้สึกชื่นใจเหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจ ผมถึงบอกว่า O-Zone เป็นสถานที่ที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างพนักงานกับฝ่ายบริหารได้” อิทธิพลเล่าให้ฟัง
หลังทานเสร็จก็เข้าสู่ Relax Zone เป็นมุมพักผ่อนที่โปรดปรานของ พนักงาน บางคนก็อ่านหนังสือพิมพ์ บางคนก็ชอบเล่นเกมหมากรุกกับเพื่อน แผนกอื่นๆ บางคนก็หลบมุมนั่งแชทหน้าคอมพิวเตอร์ หรือบางคนก็เอนกาย ดูทีวี เป็นความรื่นรมย์ที่ได้มีมุมเล็กๆ แต่ที่ขาดไม่ได้ใน Relax Zone คือ O’ Bear ซึ่งเป็นตุ๊กตาหมีขนาดเท่าคนนำมาจากอลาสกา ทำหน้าที่สร้างสีสัน บรรยากาศตามวาระโอกาสต่างๆ เช่นแต่งกายเป็นไทย แต่งเป็นซานตาคลอส หรือแต่งยูนิฟอร์มแบบต่างๆ
หลังจากกินอิ่มและพักผ่อนเพียงพอแล้ว พนักงานก็ได้เวลาจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนชุดทำงาน ซึ่งแผนกซักรีดของโรงแรมได้จัดเตรียมชุดยูนิฟอร์มเสื้อผ้าไว้ให้แล้วที่ Fashion Zone ชุดพนักงานหญิงชายที่ขาวสะอาดกลิ่นหอมถูกแยกเรียงรายตามเบอร์แขวนอยู่บนราวสายพาน พอพนักงานบอกรหัสเบอร์ ทางเจ้าหน้าที่ก็กดเบอร์ สายพานก็จะวิ่งและหยิบส่งให้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้ชุด พนักงานชายหญิงต่างก็แยกย้ายไปอาบน้ำแต่งตัวที่ His Zone หรือ Her Zone แต่ละโซนจะมีล็อกเกอร์ตั้งเรียงราย และห้องอาบน้ำที่โรงแรมจัดเครื่องอาบน้ำระดับ Davidoff สำหรับพนักงานชาย ส่วนของพนักงานหญิงใช้ Christian Dior นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ห้องน้ำชั้นหนึ่งและฝักบัวขนาดใหญ่อาบได้สะใจ แต่ถึงกระนั้นปัญหาคนหมู่มากอยู่ร่วมกัน ย่อมต้องมีกฎกติการักษาระเบียบ ความสะอาด และช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมในแง่ประหยัดพลังงานด้วย
แต่ที่เซอร์ไพร์สสุดๆ เห็นจะเป็น Dream Zone ที่ให้พนักงานได้งีบหลับนอนบนเตียงนุ่มได้อย่างสบายหลังจากทำงานเหน็ดเหนื่อยมาแล้ว ถือว่าเป็นความใส่ใจของผู้บริหารโรงแรมที่จับต้องได้
ส่วน Kiosk’48 ก็เป็นมุมขายกาแฟสดหอมกรุ่นกับขนมนมเนยของโอเรียนเต็ลในราคาพิเศษ รวมทั้งมุมบูติกขายเสื้อผ้าของใช้แบรนด์โอเรียนเต็ลในราคาพนักงาน เช่น
เสื้อยืดทีเชิ้ตเวอร์ชั่นวาระครบรอบ 135 ปีในปีหน้าวางขายตัวละ 150 บาทก็มี หรืออย่าง พนักงานแผนกลอนดรีแวะมาซื้อขนมปังครัวซองต์เป็นของฝากกลับบ้านแม่กลอง รวม 135 บาท แทนที่จะจ่ายถึง 300 บาท เธอบอกว่าพอใจที่นี่มากและอยากให้คนทางบ้านได้กินของโอเรียนเต็ลบ้าง
ลัดเลาะตามทางเดินก็สะดุดตากับผนังห้องโถง “Hand on Frames” หอเกียรติคุณที่จารึกลงบนแผ่นประทับรอยมือพนักงานดีเด่น 48 คนที่ทำงานกับโอเรียนเต็ลยาว นานอย่างมีความสุข ถือว่าจุดประกายแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ O-Zone ของคนโอเรียนเต็ลจึงเป็นบ้านแห่งความสุขที่จับต้องได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เพียงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของคริสเตียน ดิออร์ออกจาก Her Zone และเสียงดนตรีเบาๆ รวมทั้งได้ลิ้มลองรับประทานอาหารอร่อยจากภัตตาคาร Cafe’48 จิบกาแฟสดกลิ่นหอมกรุ่นจาก Kiosk’48 และได้หยอกล้อพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมงานก็น่าพึงพอใจ
นั่นเป็นผลจากการมองโลกในแง่ดีของพนักงานโอเรียนเต็ลที่รู้จักแบ่งปัน มีมุมมองที่เปิดกว้างและความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถส่งต่อความสุขให้กับแขกวีไอพีที่มาพัก ณ โรงแรมแห่งนี้ที่จะมีอายุครบรอบ 135 ปีในปี 2555 ที่มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ใหม่ทั้งภายในและภายนอกโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ นั่นเอง
|
|
|
|
|