Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน9 กุมภาพันธ์ 2554
“ทีพีไอโพลีน” ทุ่ม 2 พันล้าน รุกพลังงานทดแทน-สำรวจปิโตรเลียม             
 


   
search resources

ทีพีไอ โพลีน, บมจ.
Energy




“ทีพีไอโพลีน” ทุ่ม 2 พันล้านบาท รุกโครงการพลังงานทดแทนจากขยะ โรงปุ๋ยชีวภาพ โครงการผลิตน้ำมันจากยางและพลาสติกใช้แล้ว และธุรกิจสำรวจผลิตปิโตรเลียม ที่ล่าสุดบริษัทลูก “ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์” ได้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบนบก แปลง L29/50

วานนี้ (8 ก.พ.) น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานพิธีลงนามให้สัมปทานเพื่อสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจบนบก จำนวน 2 สัมปทานใน 2 แปลงสำรวจ แก่ผู้ได้รับสัมปทานดังนี้ คือ แปลงสำรวจหมายเลข L14/50 ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยภูมิ เลย และ พิษณุโลก ให้แก่บริษัท JSX Energy Holdings Limited และแปลงสำรวจหมายเลข L29/50 ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และ ชัยภูมิ ให้แก่บริษัท ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ จำกัด

นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของบริษัทย่อย เพื่อใช้ในโครงการพลังงานทดแทนจากการคัดแยกขยะมาเผาลดการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพจากขยะ โครงการผลิตน้ำมันจากยางและพลาสติกใช้แล้ว (Pyrolysis) รวมไปถึงการสำรวจปิโตรเลียมที่ได้รับสัมปทานในแปลง L29/50 ของบริษัท ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 99%

โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ซึ่งงบลงทุนในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท บางโครงการเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปีที่แล้ว อาทิ โครงการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ส่วนการลงทุนสำรวจปิโตรเลียมนั้น จะวางหลักค้ำประกันการรับสัมปทานเป็นวงเงิน 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 165 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเจาะสำรวจเป็นเวลา 3 ปี หลังจากรับรู้ปริมาณสำรองน้ำมันในแปลงดังกล่าวหากพบว่ามีศักยภาพที่ดีก็จะพัฒนาได้ก่อนกำหนด

ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าแปลงสัมปทาน L29/50 มีศักยภาพด้านปิโตรเลียมสูงกว่าแปลงอื่นๆ โดยเบื้องต้นจะว่าจ้างบริษัทเข้าไปศึกษาทางธรณีวิทยาและสำรวจวัดความสั่นสะเทือนต่อไป โดยยังไม่มีแผนจะหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมทุนในโครงการนี้

นางอรพิน กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ส่วนรายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับราคาปูนซีเมนต์และเม็ดพลาสติก LDPE ที่ผูกพันกับราคาน้ำมันและภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทอยู่ที่ 9ล้านตัน/ปีเท่าเดิม เช่นเดียวกับกำลังผลิตเม็ดพลาสติก LDPE 1.3 แสนตัน/ปี

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการประหยัดค่าใช้จ่ายพลังงานจากโครงการพลังงานทดแทนประมาณ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้าไปได้ 500 ล้านบาท และมีรายได้จากการจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพเข้ามาหลังจากเริ่มทำตลาดในปี 2554

ทั้งนี้ โครงการพลังงานทดแทนจากขยะมาผลิตไฟฟ้าและโครงการผลิตปุ๋ยจากขยะจะใช้เงินลงทุนรวม 2 พันล้านบาท และโครงการผลิตน้ำมันจากพลาสติกและยางใช้แล้ว เงินลงทุนรวม 700-800 ล้านบาท

รายงานข่าวจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แจ้งว่า บริษัทที่ได้รับสัมปทานในแปลงสำรวจทั้ง 2 แปลงมีข้อผูกพันที่ต้องลงทุนสำรวจในช่วงระยะเวลา 3ปีแรก (2554-2556) คือ ศึกษาธรณีวิทยา ประมวลผลข้อมูล การสำรวจวัดความไหวสั่นสะเทือนสองมิติเป็นระยะทาง 100 กม.และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุม ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรัฐจะได้รับเงินผลประโยชน์พิเศษในรูปของโบนัสการลงนาม เงินอุดหนุนเพื่อการพัฒนาปิโตรเลียมในไทย และทุนการศึกษาและอบรม เป็นเงินอีก 5.1 ล้านบาท ซึ่งการให้สัมปทานปิโตรเลียมครั้งนี้ เป็นการให้สัมปทานครั้งสุดท้ายที่เปิดให้ยื่นขอสัมปทานรอบที่ 20   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us