Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2538
วันวานที่ยังคงอยู่ของ "สุนทราภรณ์"             
โดย ปิยาณี รุ่งรัตน์ธวัชชัย
 


   
search resources

Musics




วงดนตรี "สุนทราภรณ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2485 โดยก่อนหน้านั้น 3 ปี เคยรวมตัวกันในชื่อวง "ไทยฟิล์ม" เพื่อบรรเลงเพลงประกอบหนังให้กับบริษัทไทยฟิล์มภาพยนตร์ มีเอื้อ สุนทรสนาน เป็นหัวหน้าวง ทำหน้าที่เป่าแซกโซโฟน มีสมาชิกในวงรวม 12 คน

เมื่อกิจการของบริษัทไทยฟิล์มยุบตัวเองลงเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (2482) เป็นจังหวะเดียวกับที่กรมประชาสัมพันธ์ต้องการตั้งวงดนตรีประจำกรมขึ้น

วิลาศ โอสถานนท์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนแรก จึงชวนครูเอื้อมาเป็นหัวหน้าวง ซึ่งครูเอื้อได้ตอบตกลงพร้อมชวนนักดนตรีทั้งทีมของไทยฟิล์มเข้ามาทำงานประจำด้วยกัน พร้อมกับเปลี่ยนหน้าที่ของตัวเองจากการเป่าแซกโซโฟนมาเล่นไวโอลิน และใช้ไวโอลินในการคุมวงตั้งแต่นั้นมาจนถึงแก่กรรม

ในยุค 30-40 ปีก่อน วงดนตรีสุนทราภรณ์มีงานบรรเลงแสดงตามโรงมหรสพ อาทิ โอเดียน และพัฒนาการ เป็นการเล่นสลับการฉายภาพยนตร์ซึ่งมีฉายน้อย งานบอลล์ทุกงานในสมัยนั้นจนมีชื่อว่าเป็นวงดนตรีที่ดังและมีงานมากที่สุด บางวันมีถึง 3-4 งาน ขนาดต้องแบ่งสมาชิกในวงที่มีถึง 20-30 คน และหาคนจากวงอื่นมาเสริมให้ครบวงจรเพื่อไปแสดงตามงานต่างๆ และออกอากาศตามสถานีวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ จนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย

คำว่า "สุนทราภรณ์" นอกจากจะเป็นชื่อวงดนตรียังเป็นคำที่เกิดจากความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง เพราะเกิดจากการสนธิระหว่างคำว่า "สุนทร" อันเป็นคำแรกของนามสกุลสุนทรสนาน กับคำว่า "อาภรณ์" ชื่อภรรยาของครูเอื้อ ที่ต้องใช้เวลากว่า 10 ปีจึงจะสมหวังในการครองคู่ และครูเอื้อยังใช้เป็นนามแฝงในการขับร้องเพลง ส่วนชื่อและสกุลจริงจะใช้สำหรับแต่งทำนองเพลงเพียงอย่างเดียว

โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี

นอกจากเสียงเพลงของสุนทราภรณ์ที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ครูเอื้อสร้างไว้ยังมีในส่วนของโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี ซึ่งเปิดกิจการเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 อันเป็นวันที่สุนทราภรณ์มีอายุครบ 30 ปี ตั้งอยู่ในรั้วบ้านของครูเอื้อ ในซอยสุจริต 2 ถนนพระราม 5 ที่ยังดำเนินงานอยู่จนถึงปัจจุบัน

มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยส่งเสริมและดึงให้เยาวชนที่รักดนตรีได้เรียนรู้ทฤษฎีและหลักปฏิบัติตามตำราโน้ตสากลที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้นักร้องมีความรู้เกี่ยวกับการร้องเพลงที่ได้มาตรฐานทั้งยังเป็นการเทรนคนเพื่อสืบทอดแนวเพลงสุนทราภรณ์ต่อจากคนรุ่นเก่า ที่นับวันจะต้องแก่ตัวลง

อติพร เสนะวงศ์ กล่าวว่า สภาพของโรงเรียนยังคงดำเนินงานตามปกติ โดยอาศัยเงินค่าบำรุงบางส่วนจากเงินค่าลิขสิทธิ์เพลง เพราะรายได้เฉพาะของโรงเรียนมีไม่มาก และนับจากวันเปิดกิจการจนถึงปี 2538 โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีมีนักเรียนที่ผ่านการฝึกอบรมทั้งการขับร้องและการดนตรีจำนวนกว่า 3,044 คน

"เครื่องดนตรีมีคนมาฝึกน้อยมาก ที่ยังดีอยู่ก็คือ ด้านขับร้อง ซึ่งก็มีสภาพที่แตกต่างจากอดีตอย่างเห็นได้ชัด คนสมัยใหม่มีความมานะบากบั่นในการฝึกเป็นนักร้องนักดนตรีน้อยลงมาก บางคนฝึกได้เพลงสองเพลง พอมีความรู้สึกว่าหากินได้ก็ไป ที่จะตั้งหน้าตั้งตาเอาดีจริงๆ อย่างสมัยก่อนมีน้อย"

ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนสอนดนตรีที่มีเปิดสอนกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีสากลและดนตรีไทย โรงเรียนสอนขับร้องเองก็มีเปิดตัวเพิ่มขึ้นๆ เพราะนักร้องเป็นอาชีพที่ยังมีคนใฝ่ฝันจะเป็นอีกมากมาย และคนที่จะมาเรียนร้องเพลงกับโรงเรียนสุนทราภรณ์ แน่นอนต้องเป็นผู้ที่รักในแนวเพลงของสุนทราภรณ์

"การเทรนนักร้อง เราจะเทรนเฉพาะในแนวของสุนทราภรณ์เท่านั้น เป็นลักษณะของการสืบทอดเพราะสุนทราภรณ์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการร้องและบรรเลง ใครที่ต้องการจะร้องเพลงสุนทราภรณ์ได้ถูกต้อง ต้องได้รับการฝึกฝน ส่วนใหญ่ถ้าจะร้องเอง หัดเอง ยากที่จะออกมาได้ดีเพราะเพลงบังคับ" อติพรกล่าวถึงความสำคัญที่จะต้องมีโรงเรียนสอนการดนตรีในแนวสุนทราภรณ์

นักเรียนดนตรีและขับร้องของโรงเรียนในปี 2538 มีประมาณ 10-20 คน ค่าสมัครเรียนคนละ 100 บาท ค่าเรียนเดือนละ 1,500 บาท โดยเปิดสอนเฉพาะช่วง 13.00-15.00 น. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ มีครูสมคิด เกษมศรี เป็นผู้สอน

ครูสมคิด เกษมศรี เป็นทั้งนักร้องและนักดนตรีประจำวง ทำหน้าที่เป็นครูสอนต่อเพลงและดนตรี มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงเรียนและเป็นครูคนเดียวที่เหลืออยู่จากครูชุดแรกที่มีทั้งหมด 8 คน

การเรียนเริ่มจากฝึกการร้องแล้วให้ออกงานช่วงแรกจะเป็นการร้องหมู่เพื่อพัฒนาให้เสียงเข้าที่เมื่อร้องหมู่นาน พอที่เสียงเข้าที่จึงจะเริ่มแยกออกมาร้องเพลงเดี่ยว

อาจจะด้วยการเคี่ยวกรำในการฝึกฝน ทำให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ยังคงเป็นดนตรีวงเดียวในเมืองไทยที่มีมาตรฐาน เอกลักษณ์และน้ำเสียงการขับร้องที่เป็นของตัวเอง อย่างที่จะหาวงไหนเทียบยาก แม้จะมีวงดนตรีเกิดขึ้นอีกมาก ทั้งนี้ย่อมปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่า ส่วนสำคัญที่ทำให้สุนทราภรณ์ยืนหยัดมาถึงจุดนี้ได้ คือความสามารถและผลงานที่ฝากไว้ของครูเอื้อนั่นเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us