Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2538
"ลิขสิทธิ์" อาวุธชั้นดีในศึกการ์ตูนญี่ปุ่น             
โดย เดือนเพ็ญ ลิ้มศรีตระกูล
 


   
search resources

Entertainment and Leisure




"การ์ตูนญี่ปุ่น" เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องหลอกเด็ก แต่มาวันนี้กลับกลายเป็นตลาดชิ้นใหญ่มูลค่ามหาศาลที่ยักษ์เกือบทุกค่ายโดดลงมาเล่น และเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเมื่อการเผชิญหน้ากันนั้นใช้เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์เป็นเครื่องมือ ทั้งที่เมื่อก่อนมีแต่คนส่ายหน้า

โฉมหน้าตลาดตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นในประเทศ ภายหลังการมีผลบังคับใช้ของกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแก้ไขใหม่ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2538 กำลังเป็นที่จับตากันว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง หลังจากที่ผู้ประกอบการด้านนี้เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายปี 2535 แล้ว

วิบูลย์กิจได้ดี เพราะกลับตัวก่อน

การเปลี่ยนแปลงของตลาดหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรกเมื่อชัยอารีย์ สันติพงษ์ไชย ประธานบริษัท แอ็ดวานซ์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ออกมาประกาศว่าเขาได้ลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นจากหลายสำนักพิมพ์ และจะฟ้องทุกบริษัทที่ละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือของเขาคำประกาศของชัยอารีย์ครั้งนั้น ทำให้วงการการ์ตูนไทยป่วนมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นต่างๆ ที่พิมพ์ออกมาจำหน่ายล้วนแล้วแต่เป็นการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์หรือการ์ตูนผีทั้งสิ้น

วิบูลย์กิจซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่และยึดตลาดนี้มานานกว่า 10 ปี ดูเหมือนจะมีอาการสนองตอบมากที่สุด ถึงขนาดประกาศปิดตัวเอง 1 เดือน เพื่อติดต่อเจรจาขอลิขสิทธิ์การ์ตูนที่ถูกต้องจากสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่ญี่ปุ่น ก่อนที่ปัญหาความยุ่งยากจะตามมาภายหลัง

นับว่าเป็นการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามาก เพราะขณะนี้วิบูลย์กิจได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นมากที่สุดในประเทศไทย และชื่อเสียงของวิบูลย์กิจเป็นที่รู้จักและยอมรับของบรรดาสำนักพิมพ์หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างมาก

สำหนักพิมพ์การ์ตูนที่ให้ลิขสิทธิ์กับวิบูลย์กิจ อาทิ โคดันฉะ, ชูเอฉะ, อากิระ โชเต็น, โชกากุคัง, โทคุม่า โชเต็น, ฮากุเซ็นฉะ, ฟูตาบาฉะ, และเทซุกะ โพรดักชั่นส์ ส่วนบริษัท แอ็ดวานซ์ฯ ของชัยอารีย์นั้นปรากฏว่าถึงขณะนี้ยังไม่มีการพิมพ์หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เขาอ้างว่าได้ขอลิขสิทธิ์ไว้แล้วอย่างถูกต้องออกมาสักเล่ม รวมทั้งมีข่าวว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่ได้ถอนลิจสิทธิ์การ์ตูนของที่นี่แล้ว อาทิ โซกากุคัง ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะให้ลิขสิทธิ์รันม่าฮาฟท์แก่สำนักพิมพ์ใดแทน เพราะแอ็ดวานซ์ไม่พิมพ์หนังสือที่ได้รับอนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้

ผลกระทบจากลิขสิทธิ์รายเก่าตายรายใหม่เกิด

พร้อมๆ ไปกับการปรับตัวของวิบูลย์กิจ บริษัท สยามอินเตอร์ คอมิกส์ จำกัด บริษัทในเครือสยามสปอร์ต พริ้นติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าตลาดการ์ตูนอีกรายหนึ่งก็ปรับตัวเรื่องการขอลิขสิทธิ์เช่นกัน สยามอินเตอร์ คอมิกส์ ได้ลิขสิทธิ์จากหลายๆ สำนักพิมพ์ อาทิ อิเคดะ ริโยโกะ โปรดักชั่น, โคดันฉะ, ฟูตาบาฉะ, นิฮอนบุงเกฉะ, โซกากุคัง, ชูเอฉะ, ฮากุเซ็นฉะ

ดูเหมือนจะมีเพียงวิบูลย์กิจและสยามอินเตอร์ คอมิกส์ เท่านั้นที่มีการปรับตัวเพื่อรักษาความอยู่รอดในธุรกิจนี้ต่อไป เพราะสำนักพิมพ์การ์ตูนอื่นๆ อย่างมิตรไมตรี ยอดธิดา อะนิเมทกรุ๊ป ดาวพระเสาร์ ล้วนแล้วแต่เริ่มเดินจากตลาดนี้ไปทั้งสิ้น เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวได้ รวมทั้งยังไปเสียแล้วสำหรับการกลับตัวหันมาทำหนังสือการ์ตูนลิขสิทธิ์ที่ถูกต้อง เพราะญี่ปุ่นไม่ยอมให้โอกาสกับผู้ที่กลับตัวกลับใจช้าเช่นนี้ แม้ว่าจะมีหลายค่ายที่พยายามติดต่อขอลิขสิทธิ์ในช่วงหลังแต่ก็ไม่ได้รับการอนุญาต

มีเพียงหมึกจีนเท่านั้นที่ยังเดินหน้าทำการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์ต่อไปเพียงลำพัง

อย่างไรก็ดีการหายไปของคู่แข่งรายเก่าถูกแทนที่อย่างรวดเร็วด้วยคู่แข่งใหม่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทธนาชัย แอนด์ เอ็นพีจี กรุ๊ป ของค่ายเดอะเนชั่น ซึ่งขณะนี้ได้ลิขสิทธิ์การ์ตูนดังๆ อาทิ โดเรมอน ดรากอนบอล มาไว้ในมือ

เช่นเดียวกับค่ายบางกอกโพสต์ที่รู้จักกันในนาม โพสต์คอมิกส์ ก็หันมาทำการ์ตูนญี่ปุ่น โดยเริ่มจากการ์ตูนประเภทสาระของโคดันฉะเรื่องเอดส์ ก่อนที่จะรุกทำการ์ตูนบันเทิงในปี 2538

นอกจากนี้ยังมีค่ายอมรินทร์ พริ้นติ้ง จำกัด ในนาม อมรินทร์ คอมิกส์ ซึ่งเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้ตั้งแต่ปี 2536 ด้วยการ์ตูนประเภทความรู้ 2 ชุด คือชุดเจาะจักรวาลชีวิต และชุดพิภพมหัศจรรย์ รวมทั้งการ์ตูนบันเทิงของสำนักพิมพ์เอนิกส์ 11 เรื่อง อาทิ ดรากอนเควสต์, นากัสมังกรพิฆาต ของค่ายชูเอฉะ 2 เรื่อง คือเทพตะเกียงอาละดิน และคุณปู่กระดูกเหล็ก

ล่าสุดที่มีการเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2538 ภายใต้เครื่องหมายการค้า "มังก้าบุ๊กส์" ก็คือบริษัทนิวเจนเนอเรชั่น มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

เรียกได้ว่าขณะนี้ตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นเปรียบเสมือนเค้กชิ้นโตที่ผู้ประกอบการในธุรกิจสิ่งพิมพ์รายใหญ่จ้องตะครุบส่วนแบ่งตาเป็นมัน โดยทุกบริษัทวางแผนที่จะรุกตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างจริงจังทั้งสิ้น

ชูวิทย์ มังกรพิศม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สยามอินเตอร์ คอมิกส์ จำกัด กล่าวว่า นอกจากการออกการ์ตูนรวมเล่มเดือนละ 20-30 เล่มแล้วปี 2538 บริษัทออกหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ รายปักษ์ และรายเดือน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี ซี-คิดส์ ฮันนี่ และสวีทแล้ว คือในส่วนของรายสัปดาห์นั้นบริษัทได้ลิขสิทธิ์โชเนนซันเดย์ รายปักษ์ได้ลิขสิทธิ์หนังสือโซโจ คอมิกส์ ซึ่งเป็นของโซกากุคังทั้งเล่ม นอกจากนี้ยังได้ลิขสิทธิ์หนังสือรายเดือนอาฟเตอร์นูนจองโคดันฉะอีก 1 เล่ม

ศรีกัญญา มงคลศิริ ผู้จัดการโครงการการ์ตูนของบางกอกโพสต์ กล่าวว่า ปี 2538 โพสต์จะบุกตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างจริงจัง โดยจะหันมาจับแนวการ์ตูนบันเทิงบ้าง เริ่มจากไซโปลิสของโซกากุคัง คาดว่าในปี 2538 จะมีหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นออกมาทั้งหมดประมาณ 10 เรื่อง ในจำนวนนี้จะมีหนังสือพิมพ์การ์ตูนสาระ 1-2 เล่ม

กวิน คทวณิช ผู้จัดการโครงการอมรินทร์ คอมิกส์ กล่าวว่า ปี 2538 บรษัทมีโครงการที่จะออกหนังสือการ์ตูนความรู้อีกหลายชุด เช่น คณิตศาสตร์ และแนวเพศศึกษาของสำนักพิมพ์จึสุเงียว โน นิปปอนฉะ รวมทั้งหนังสือชุดบุคคลสำคัญของชูเอฉะด้วย

นอกจากนี้หนังสือการ์ตูนรายปักษ์อย่างแอคชั่น บอย และกันกันซึ่งหยุดทำตลาดไประยะหนึ่งก็จะกลับมาออกใหม่โดยอาจจะรวมเป็นเล่มเดียว

ศรวนีย์ จินายน บรรณาธิการอำนวยการ และเกียรติชัย ประเสริฐศรีศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิวเจนเนอเรชั่น พับลิชชิ่ง จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า หนังสือการ์ตูนชุดแรกที่บริษัทจะออกเป็นการ์ตูนที่ได้รับลิขสิทธิ์จากบริษัท มีเดีย เวอร์ค 5 เรื่อง คือ ไร นักสู้อหังการ สงครามปีศาจอลเวง ฟอร์จูน เควส์แดนสนธยา ตำนานอสูร ไฟและดอกไม้ในแดนนรก และการ์ตูนเรื่องสามก๊กชุด 60 เล่มจบจากอุชิโอ ชัปปัน ซึ่งเป็นการ์ตูนสามก๊กที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นเพราะได้รับการตีพิมพ์แล้ว 42 ล้านเล่ม

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อขอลิขสิทธิ์การ์ตูนกับอีกหลายๆ สำนักพิมพ์โดยในปีแรกคาดว่าตีพิมพ์ออกมาประมาณ 120-140 ปก

ทำอย่างไรจึงจะได้ลิขสิทธิ์?

การติดต่อขอลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในตอนแรกโดยเฉพาะบริษัทที่ไม่เคยทำหนังสือการ์ตูนมาก่อน

"ตอนที่เราไปติดต่อขอลิขสิทธิ์ครั้งแรกเราต้องตอบคำถามมากมาย เพราะเขาอยากจะดูว่าเรารักการ์ตูนจริงๆ หรือรักที่จะทำเงินจากการ์ตูนเท่านั้น" กวินจากค่ายอมรินทร์ คอมิกส์ กล่าว

ด้านนิวเจนเนอเรชั่นซึ่งไม่เคยทำหนังสือการ์ตูนมาก่อนก็ได้รับความยุ่งยากไม่แพ้กัน เกียรติชัยเล่าให้ฟังว่า นอกจากถูกสอบประวัติความเป็นมาของบริษัทว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่แล้ว ยังได้รับแบบทดสอบให้ทำการสำรวจตลาดการ์ตูนในประเทศไทยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งกว่าจะได้ลิขสิทธิ์ต้องใช้เวลาในการติดต่อนานประมาณ 1 ปี

นอกจากการทดสอบทั่วๆ ไปแล้วบางสำนักพิมพ์ยังให้ความสนใจในเรื่องที่แตกต่างกันไป เช่น ชูเอฉะ จะให้ความสนใจอย่างมากในเรื่องคุณภาพการผลิต ไม่ยอมให้มีการปรับแต่งต้นฉบับปกและให้ความสนใจเรื่องลิขสิทธิ์มากที่สุด

เช่นเดียวกับสำนักพิมพ์โทคุมา โซเต็น ที่ให้ความสนใจสำนักพิมพ์ไทยที่จะช่วยปราบปรามผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยให้กับเขาเป็นพิเศษ

สำหรับโชกากุคังจะให้ความสนใจสำนักพิมพ์ที่สนใจเรื่องการพัฒนาการ์ตูนไทยควบคู่ไปกับการทำหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น

ความยุ่งยากในการขอลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นอีกประการหนึ่งก็คือ สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจะมีคนรู้ภาษาอังกฤษน้อยมาก เช่น ชูเอฉะ ซึ่งใหญ่มากแต่ก็มีเพียงแค่คนเดียว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่สำนักพิมพ์ไทยแต่ละแห่งจะต้องจัดหาผู้บริหารที่รู้ภาษาฐี่ปุ่นดีไว้เพื่อความสะดวกในการติดต่อ บางบริษัทก็ส่งพนักงานไปเรียนที่ญี่ปุ่นเพื่อทำหน้าที่เป็นล่ามให้ผู้บริหารและจัดส่งหนังการ์ตูนที่น่าสนใจมาให้บริษัทพิจารณาด้วย หรือบางแห่งก็ให้หุ้นส่วนชาวญี่ปุ่นช่วยเหลือ เช่น นิวเจนเนอเรชั่น ซึ่งมีไดนิปปอน พริ้นติ้ง ช่วยติดต่อให้ รวมทั้งมีบางส่วนที่ติดต่อผ่านเอเจนซี่ในประเทศไทยอย่างทัทเทิล โมริ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ให้กับหนังสือการ์ตูนของชูเอฉะ โคดันฉะ โชกากุคัง

การติดต่อขอลิขสิทธิ์นั้นต้องยื่นขอเป็นเล่มๆ โดยค่าลิขสิทธิ์อยู่ระหว่าง 6-10% ของยอดพิมพ์คูณด้วยราคาจำหน่ายโดยต้องพิมพ์อย่างต่ำ 5,000 เล่มขึ้นไปอายุลิขสิทธิ์ประมาณ 2-3 ปี

จะเห็นได้ว่าค่าลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นได้นั้นไม่ใช่ตัวเลขที่สูงอะไร เมื่อเทียบกับปริมาณการขายในประเทศญี่ปุ่นเอง ซึ่งมีหนังสือมากมายที่พิมพ์ขายสัปดาห์ละหนึ่งล้านเล่มขึ้นไป แต่สิ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นยอมให้ลิขสิทธิ์เนื่องจากต้องการแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เคยมีมากมายในอดีต รวมทั้งต้องการเผยแพร่ผลงานของเขาให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

บทเรียนคนทำการ์ตูนลิขสิทธิ์

การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสิ่งที่ผู้ทำการ์ตูนถูกต้องทุกรายต้องประสบอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง มีทั้งถูกละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนพิมพ์และหลังพิมพ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่กระทบกับยอดขายและภาพพจน์ของหนังสือทั้งสิ้น

อย่างค่ายโพสต์คอมิกส์ หลังจากประกาศว่าจะพิมพ์การ์ตูนเรื่องไซโปลิศความยาว 7 เล่ม

จบไม่นานก็ปรากฏว่ามีสำนักพิมพ์ผี 2 แห่งพร้อมใจกันพิมพ์ไซโปลิศผีออกวางขาย ที่น่าช้ำใจคือ บริษัทไม่สามารถจัดการทางกฎหมายได้สะดวกนักเพราะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เวอร์ชั่นญี่ปุ่น เนื่องจากโพสต์คอมิกส์ยังไม่ได้พิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกมาจำหน่ายเป็นภาคภาษาไทย

เช่นเดียวกับค่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสยามอินเตอร์ คอมิกส์ เนชั่น อมรินทร์ คอมิกส์ หรือนิวเจนเนอเรชั่น ล้วนแล้วแต่ประสบปัญหานี้ทั้งสิ้น โดยสยามอินเตอร์ คอมิกส์ นั้นถูกละเมิดลิขสิทธิ์เรื่อง จอมคนทะลุโลก หน้ากากแก้ว (วิบูลย์กิจเคยทำออกมาในชื่อนักรักโลกมายา) ในขณะที่เนชั่นนั้นดรากอนบอลหรือโดราเอมอนที่ได้ลิขสิทธิ์มาเมื่อปีที่แล้วก็สร้างความร่ำรวยให้กับคนทำการ์ตูนผีมามากมายมหาศาลแล้วหรือ ไร นักสู้อหังการ ของนิวเจนเนอเรชั่น และคุณปู่กระดูกเหล็กของอมรินทร์ คอมิกส์ ก็ล้วนแล้วแต่เจอผีทั้งสิ้น

ทางแก้ออกเป็นนิตยสาร

สำหรับทางแก้ไขปัญหานั้นดูเหมือนจะมีการนำกฎหมายเข้ามาจัดการขั้นเด็ดขาดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะแจ้งไปยังสำนักพิมพ์ที่ละเมิดให้หยุดพิมพ์เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากมีเรื่องราวฟ้องร้องและเห็นว่าเป็นเพื่อนในวงการเดียวกันจึงไม่อยากทำร้ายกันเอง

อย่างไรก้ดี ทางแก้ปัญหาที่เป็นที่นิยมของบรรดาสำนักพิมพ์ต่างๆ ก็คือ การซื้อลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ออกมาในรูปของนิตยสารมาพิมพ์ชนิดเล่มต่เล่มกันเลย

วิธีการนี้นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างได้ผลวิธีหนึ่งเพราะสามารถพิมพ์ออกมาได้ทันทีเป็นตอนๆ ในระยะเวลาใกล้เคียงกับที่ออกในญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ อย่างดีด้วย เพราะหลายๆ เล่มยอดพิมพ์สูงถึง 50,000 เล่มต่อสัปดาห์หรือต่อปักษ์ ไม่ว่าจะเป็นซีคิดส์ของสยามอินเตอร์ คอมิกส์ หรือบูมของเนชั่น ซึ่งการ์ตูนใน 2 เล่มนี้คัดมาจากโซเน็น-จัมป์ ซึ่งเป็นแม็กกาซีนรายสัปดาห์ของชูเอฉะที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในญี่ปุ่น คือ 6.3 ล้านเล่ม

ดูเหมือนว่ากฎหมายลิขสิทธิ์ยากที่จะทำให้การ์ตูนผีหมดไปจากประเทศไทย สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้ก็คือ การพลิกโฉมหน้าจากเดิมที่เป็นการแข่งกันของค่ายการ์ตูนเล็กๆ มาเป็นบริษัทสิ่งพิมพ์ใหญ่เท่านั้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us