Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2538
ซอฟท์แวร์ไทยยุคขุมทรัพย์ในกล่องสี่เหลี่ยม             
โดย ไพเราะ เลิศวิราม
 


   
search resources

Software




ซอฟต์แวร์ในไทยจะถึงช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ประกาศใช้ในวันที่ 21 มีนาคม 2538 "ผู้จัดการ" เสนอภาพการพลิกโฉมอย่างรอบด้าน รวมทั้งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ทั้งเรื่อง "การ์ตูนญี่ปุ่น" "สุนทราภรณ์" และตลาดซอฟต์แวร์สำคัญในอนาคตคือ "เกม"

21 มีนาคม 2538 จะเป็นวันที่ซอฟต์แวร์ของไทยถูกวางกติกาอย่างชัดเจน ภายใต้การประกาศใช้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ ที่กำหนดให้ซอฟต์แวร์จัดอยู่ในงานวรรณกรรม จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้ และผลพวงทางด้านการตลาดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป

ความเข้มข้นในกติกาของกฎหมายใหม่นี้เองที่จะเป็นกลไกสำคัญทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพตลาดซอฟต์แวร์

บุคคลในวงการคอมพิวเตอร์ทั้งหลายเชื่อมั่นว่า จะเป็นผลดีมากว่าผลเสีย เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยให้เติบโตขึ้นอีกมาก ทั้งการหลั่งไหลของซอฟต์แวร์ต่างประเทศและการผลิตซอฟต์แวร์ขึ้นในไทย

ซอฟต์แวร์พีซีถูกก๊อบปี้มากที่สุด

การใช้ซอฟต์แวร์ของไทยในหลายปีที่ผ่านมา จะเป็นการนำเข้าซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่การใช้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยฝีมือคนไทยยังมีอยู่น้อยมาก

ผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล บริษัท ห้างร้าน หรือแม้แต่หน่วยงานราชการมักนิยมการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์ (Copy Software) ใช้งานแทบทั้งสิ้น เพราะราคาของซอฟต์แวร์ต้นฉบับ (Original Software) ที่ราคาสูงกว่าซอฟต์แวร์ก๊อบปี้หลายเท่าตัว

แม้แต่ข้อตกลงในการซื้อขายเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา ซอฟต์แวร์ คือ "ของแถม" ที่ผู้ค้าจะต้อง "ก๊อบปี้" ซอฟต์แวร์ให้กับผู้ซื้อโดยไม่ต้องคิดค่าใช้จ่าย เรียกได้ว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องของไทยจะต้องมีซอฟต์แวร์ก๊อบปี้บรรจุอยู่ไม่น้อยกว่า 4-5 โปรแกรมแทบทุกเครื่อง

กลุ่มพันธมิตรซอฟต์แวร์ของโลก หรือบีเอสเอ (Business Software Alliance) เคยประเมินไว้ว่าประเทศไทยมีการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์มากถึง 99% หรือประมาณ 3,325 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดูน่าตกใจ แต่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และอินโดนีเซียแล้วไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะทั้งสองประเทศมีตัวเลขการก๊อบปี้อยู่ถึง 98% และ 99% เช่นเดียวกัน

ซอฟต์แวร์ที่มีการลอกเลียนแบบมากที่สุด คือซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ เนื่องจากใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนมากนัก ส่วนซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนเครื่องมินิและเมนเฟรมมักไม่มีปัญหาเรื่องก๊อบปี้ เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน ที่ต้องพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะสมกับประเภทขององค์กรที่จะนำไปใช้

จากการคำนวณของชมรมผู้ค้า สมาคมคอมพิวเตอร์ไทย และสมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ ประเมินไว้ว่ามูลค่าของซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีในปี 2537 มีอยู่ประมาณ 1,469.6 ล้านบาท

ซอฟต์แวร์บนพีซีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่อง และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) จะทำหน้าที่ตามลักษณะงานของผู้ใช้

ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ระบบที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก มูลค่าที่ประเมินไว้ในปี 2537 ของสมาคมคอพิวเตอร์ไทยมีอยู่ราว 26 ล้านบาท

ที่ผ่านมาระบบ MS-DOS ระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ ได้รับความนิยมมากที่สุด เฉือนปฏิบัติการ OS/2 ของไอบีเอ็มไปอย่างขาดลอย

เมื่อปี 2535 ไมโครซอฟท์ยังได้พัฒนาระบบวินโดว์ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ควบคุมการทำงานด้วยวิธีการแสดงคำสั่งเป็นรูปภาพ ทำให้ง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้น ความนิยมโปรแกรมวินโดว์ของไมโครซอฟท์จึงได้รับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์สามารถยึดครองตลาดได้อย่างมากมายเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องแน่นอนว่าปัญหาการถูกก๊อบปี้โปรแกรมของไมโครซอฟท์ย่อมเพิ่มตามไปด้วย

แม้ว่าในเครื่องคอมพิวเตอร์มียี่ห้อ (Brand Name) จะมีการติดตั้งระบบปฏิบัติการจำหน่ายมาพร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว แต่ยังมีผู้ค้าเครื่องพีซีประกอบเองที่ยังมีการก๊อบปี้กันอยู่เป็นจำนวนมาก

กังวาล กุศลธรรมรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล รีเสิร์ช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ไออาร์ซี) ตัวแทนจำหน่ายประเภทโออีเอ็มโปรดักส์ ของไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นการจำหน่ายซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ MS-DOS หรือ MS-Windows ให้กับผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่จะช่วยกระตุ้นยอดขายระบบปฏิบัติการให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ค้าที่ประกอบเครื่องเอง ซึ่งเคยมีการก๊อบปี้ดอสหรือวินโดว์ให้กับลูกค้า จะต้องหันมาซื้อซอฟต์แวร์มาตรฐาน (Original Software) อย่างถูกต้องแทน

ในอดีตการก๊อบปี้จากผู้ค้าดังกล่าวมีมากกว่า 50% ของตลาดรวมแต่เชื่อว่าอัตราดังกล่าวจะลดลงแน่ เพราะหลังจากการประกาศใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ ไมโครซอฟท์จะทำการตรวจสอบแล้วว่าผู้ค้าฮาร์ดแวร์เหล่านี้ยังมีก๊อบปี้ซอฟต์แวร์อีกหรือไม่ เพราะหากยังมีการก๊อบปี้อยู่คงจะต้องดำเนินการทางกฎหมาย

กังวาลยังกล่าวด้วยว่า แม้ผู้ค้าจะหันมาซื้อซอฟต์แวร์มาตรฐานบรรจุในคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ได้ทำให้ราคาฮาร์ดแวร์เพิ่มขึ้น เพราะซอฟต์แวร์ประเภทนี้จะมีราคาต่อหน่วยต่ำกว่าการขายปลีกให้กับผู้บริโภคอยู่มาก

อย่างไรก็ตามแนวคิดของกังวาลสวนทางกับผู้ค้าที่ประกอบเครื่องซึ่งต่างยืนยันว่าราคาของเครื่องพีซีประกอบจะต้องสูงขึ้นแน่นอนเพราะต้นทุนเพิ่ม

ซอฟต์แวร์อีกประเภทหนึ่งคือ ระบบเครือข่าย (LAN : Local Area Network) เป็นอีก 1 ในซอฟต์แวร์ระบบที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก จากการประเมินพบว่าในปี 2537 มีมูลค่าถึง 108 ล้านบาท เนื่องจากความนิยมการใช้ระบบเครือข่ายบนพีซีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันมีมากขึ้น

ระบบปฏิบัติการระบบแลน (LAN Work Operating) ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด คงจะหนีไม่พ้นเน็ตแวร์ของโนเวลล์จากสหรัฐฯ ซึ่งส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 90% ของมูลค่าตลาดระบบเครือข่าย

ที่ผ่านมาโปรแกรมดังกล่าวถูกก๊อบปี้กันอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์

สำหรับซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือซอฟต์แวร์พื้นฐานที่ใช้ในสำนักงาน ซึ่งจะประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ประมวลคำ (WordProcessing) ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการคำนวณ และจัดตาราง (Spreadsheet) ซอฟต์แวร์โปรแกรมนำเสนองาน (พรีเซ็นเทชั่น) และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล (Database)

ซอฟต์แวร์เหล่านี้ล้วนแต่ถูกก๊อบปี้ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย พีซีคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องล้วนมีโปรแกรมเหล่านี้บรรจุอยู่แทบทั้งสิ้น ซอฟต์แวร์เหล่านี้ประมาณ 80% จะถูกบรรจุลงบนพีซี 250,000 เครื่องหรือคิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 100,000 ชุด ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นการก๊อบปี้แทบทั้งสิ้น

ผู้ผลิตซอผต์แวร์ได้แก้ไขปัญหาด้วยการออกโปรแกรมเป็นชุดที่จะมีซอฟต์แวร์เหล่านี้บรรจุอยู่รวมกันและขายในราคาที่ถูกกว่าการซื้อแยกชนิด

ชุดโปรแกรมไมดครซอฟท์ออฟฟิศของค่ายไมดครซอฟท์จะประกอบไปด้วยเอ็กเซล (สเปรดชีท) ไมโครซอฟต์เวิร์ด (เวิร์ดโปรเซสซิ่ง) เพาเวอร์พ้อยต์ (พรีเซ็นเทชั่น) และแอคเซส (ดาต้าเบส)

ชุดโปรแกรมสมาร์ทสูทรุ่นภาษาไทย ของค่ายโลตัส ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ประกอบไปด้วย โลตัส 1-2-3 (สเปรดชีท) ฟรีแลนซ์ (พรีเซ็นเทชั่น) เอมิโปร (เวิร์ดโปรเซสซิ่ง) แอพโพรช 3.0 (ดาต้าเบส)

แม้ว่าราคาของชุดโปรแกรมเหล่านี้จะมีราคาถูกลงและได้รับความนิยมจากผู้ใช้พอสมควร แต่การก๊อบปี้ยังแพร่หลายอยู่ เนื่องจากราคาระหว่างซอฟต์แวร์มาตรฐานและก๊อบปี้ยังแตกต่างกันอยู่มาก

ซอฟต์แวร์ทางด้านฐานข้อมูลและช่วยเขียนโปรแกรม (DBMS/Tools) เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์อีกชนิดหนึ่งที่มีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาทในปี 2537

โปรแกรมสร้างฐานข้อมูลที่มีการใช้งานอยู่มากในเวลานี้ประกอบไปด้วย dBase, FoxPro และ Access

ออราเคิลจากสหรัฐฯ เริ่มมีบทบาทในการพัฒนาซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลและช่วยเขียนโปรแกรมเครื่องพีซี แทนที่จะเป็นเครื่องระดับมินิหรือเมนเฟรม ซึ่งคาดว่าออราเคิลจะมีบทบาทเพิ่มขึ้น

อรวรรณ รัตนาวิญญู ผู้จัดการการตลาดและช่องทางจัดจำหน่าย บริษัทออราเคิล ประเทศไทย กล่าวว่า ออราเคิลจะเพิ่มบทบาทในการพัฒนาซอฟต์แวร์ช่วยในการเขียนข้อมูลและซอฟต์แวร์ช่วยในการเขียนโปรแกรม (Tool) ที่ทำงานบนเครื่องพีซีมากขึ้น และจะนำซอฟต์แวร์ประเภทดังกล่าวมากขึ้น อาทิ เพอร์ซันแนล ออราเคิล 7 เป็นฐานข้อมูลสำหรับใช้งานบนพีซีซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับประกาศใช้กฎหมายลิขสิทธิ์พอดี

ซอฟต์แวร์ต่างชาติหลั่งไหลเข้าไทย

เมื่อซอฟต์แวร์บนพีซีถูกก๊อบปี้ใช้งานมากที่สุด การที่กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ออกมาจะเป็นแรงหนุนให้มูลค่าตลาดของซอฟต์แวร์บนพีซีขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

บุคคลในวงการคอมพิวเตอร์เชื่อมั่นว่าหลังการประกาศใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่จะเป็นแรงหนุนให้มีอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยเติบโต ทั้งซอฟต์แวร์จากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก

สังเกตได้ว่า บริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่จากต่างชาติหลายรายเพิ่มบทบาทการขยายการลงทุนด้วยการตั้งสำนักงานขึ้นในไทย เริ่มจากออราเคิล ประเทศไทย และไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ล่าสุด โลตัส ผู้ผลิตซอฟต์แวร์อีกรายที่มีกำหนดตั้งสำนักงานในไทยแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2538 ตามมาด้วยโนเวลล์ที่มีกำหนดตั้งสำนักงานภายในปี 2539

ชูชาติ ใช้บุญเรือง ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไทยซอฟท์ ตั้งข้อสังเกตว่า ไทยมีซอฟต์แวร์ชื่อดังจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดแทบครบทุกยี่ห้อแล้วยังขาดแต่เพียงออลตัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์สร้างภาพ (Photoshop) ที่ใช้งานบนเครื่องแมคอินทอชเท่านั้นเมื่อกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ผ่านมาแล้วน่าจะมีซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดไทยเพิ่มขึ้นอีกมาก

จับตาตัวแทนขายกลไกสำคัญของตลาด

ตัวแทนจำหน่ายนับเป็นกลไกสำคัญส่วนหนึ่งของการขยายตลาดซอฟต์แวร์ทั้งจากต่างประเทศ ไทยมีตัวแทนขายซอฟต์แวร์ประมาณ 150 ราย บทบาทที่แล้วมาของตัวแทนเหล่านี้ คือจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ พร้อมกับการร่วมมือกับผู้ผลิตพัฒนาโปรแกรมให้เป็นภาษาไทยซึ่งบางรายอาจมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ขึ้นมาบ้างแต่มีไม่มากนัก

ไทยซอฟท์และเดอะแวลลู ซิสเต็ม สองผู้ค้าซอฟต์แวร์ของไทยที่สามารถคว้าสิทธิเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ชื่อดังจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมากผู้ค้าทั้งสองรายเตรียมขยายธุรกิจทางด้านนี้มากขึ้น หลังกฎหมายลิขสิทธิ์ประกาศใช้

อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสิร์ช คอร์ปอเรชั่น หรือไออาร์ซี ผู้จำหน่ายและพัฒนาระบบภาษาไทยให้กับไมโครซอฟท์ อาร์ แล็บ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำหน่ายและพัฒนาซอฟต์แวร์ ควอตโตรโปร ฟอร์ วินโดว์ เป็นภาษาไทย ให้กับบอร์แลนด์ ช่องทางจัดจำหน่ายชนิดใหม่ๆ ที่เป็นร้านค้าซอฟต์แวร์โดยเฉพาะจะเริ่มมีให้เห็นในตลาดเมืองไทย

เริ่มจากร้านคอมสแควร์ อันเกิดจากการร่วมทุนกับบริษัททีเคเอส และบุกส์โปรโมชั่น ซึ่งกำลังปรับเปลี่ยนจากร้านจำหน่ายหนังสือและอุปกรณ์ชิ้นส่วนไปเป็นร้านขายซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ แผ่นซีดีและนิตยสารคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ และจะเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2538

สุพันธ์ มงคลสุธีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัททีเคเอส กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า หากไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทีเคเอสคงไม่กล้าเสี่ยงเปิดเป็นร้านค้าซอฟต์แวร์เพราะตลาดซอฟต์แวร์ก๊อบปี้ครองส่วนแบ่งตลาดสูงมากขนาดนี้ และที่สำคัญร้านคอมสแควร์จะเน้นการจำหน่ายซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีเป็นหลัก โดยจะพยายามกวาดมาเข้าร้านให้ได้ทุกโปรแกรมที่มีอยู่ในตลาด

ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น นิรโทษกรรมโปรแกรมสุดฮิต

"ราคา" เป็นกลไกสำคัญของการเกิดปัญหาในเรื่องของการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าหลังจากประกาศใช้กฎหมายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ผู้ค้าซอฟต์แวร์เชื่อว่า กลไกตลาดที่เติบโตขึ้น ภายหลังการประกาศใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์จะทำให้ราคาของซอฟต์แวร์ลดลง เพราะเมื่อตลาดขยายตัวขึ้นการแข่งขันย่อมสูงตามไปด้วยและย่อมมีผลถึงการแข่งขันในเรื่องราคาเช่นเดียวกับสินค้าประเภทอื่นๆ ทั่วไป

แนวคิดดังกล่าวนับว่าสวนทางกับปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ ที่เริ่มขยับขึ้นราคาซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นภาษาไทยไปบ้างแล้ว โดยผู้ซื้อรายหนึ่งบอกว่า ราคาซอฟต์แวร์วินโดว์ ฟอร์เวิร์คกรุ๊ปของไมโครซอฟท์ ราคาขยับขึ้นไปแล้ว 10%

ตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์รายหนึ่งกล่าวว่า การขึ้นราคาของไมโครซอฟท์อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่ไมโครซอฟท์เคยยอมจำหน่ายซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นภาษาไทยในราคาถูกมานาน แต่เมื่อมีกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ประกาศใช้ ถึงเวลาแล้วที่ไมโครซอฟท์จะขยับราคารุ่นภาษาไทยให้เท่ากับราคาของซอฟต์แวร์ต้นฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการขึ้นราคาแต่เป็นการขยับราคาให้เข้าสู่ภาวะปกติ

ขณะเดียวกันผู้ผลิตซอฟต์แวร์ค่ายอื่นๆ มีแนวโน้มว่าจะมีการจัดโปรโมชั่นเพื่อสร้างแรงจูงใจในรูปแบบต่างๆ สรุปได้ดังนี้คือ 1. โปรแกรมนิรโทษกรรมที่มีกำหนดให้ผู้ที่เคยก๊อบปี้ซอฟต์แวร์สามารถซื้อซอฟต์แวร์ต้นฉบับในช่วงเวลาที่กำหนดได้ในราคาพิเศษ

2. การให้จัดจำหน่ายในลักษณะการขายไลเซ่นส์ คือการซื้อซอฟต์แวร์มาตรฐาน 1 ชุด และผู้ผลิตจะอนุญาตให้ก๊อบปี้ได้ตามจำนวนที่ตกลงกันไว้จะเหมาะกับสำนักงานหรือองค์กรที่มีการใช้งานเป็นจำนวนมากๆ

3. การลด แจก แถมสินค้า ไทยแอพพลิเคชั่น ซอฟต์แวร์ ประกาศที่จะทำโปรแกรมนิรโทษกรรมสำหรับซอฟต์แวร์ พาราดอกซ์ ภาษาไทยจำหน่ายในราคา 5,500 บาท รวมทั้งโปรแกรมดีเบส, พาสคาล ในช่วง 3 เดือนแรก

เช่นเดียวกับค่ายเดอะแวลลูที่จะมีโปรแกรมส่งเสริมการขาย และให้ความรู้ออกมา แวลลูจะออกโปรแกรมนิรโทษกรรม (เอมเมสซีโปรแกรม) สำหรับซอฟต์แวร์เพรสซีโอที่จำหน่ายในราคา 3,000 บาท ปกติ 4,900 บาทในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2538

อย่างไรก็ตาม กระแสการขึ้นราคาซอฟต์แวร์มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ เมื่อมีกฎหมายมาเป็นผู้สร้างกฎเกณฑ์ให้ ผู้ผลิตที่เคยเสียประโยชน์เพราะโดนละเมิดมานาน เช่น ไมโครซอฟท์ เริ่มขยับขึ้นราคาซอฟท์แวร์ขึ้นไปแล้ว

ผู้ค้าเหล่านี้ หวังว่า การประกาศกฎหมายจะกระตุ้นตลาดซอฟต์แวร์มาตรฐานให้เติบโตขึ้นมา โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะมีถึง 100% แต่ขอเพียงแค่ 20-30% ก็พอแล้ว

ผลิตซอฟต์แวร์เกิดจริงหรือ

สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตซอฟต์แวร์ในไทย ผู้ค้าซอฟต์แวร์หลายรายเชื่อมั่นว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัญหาส่วนหนึ่งที่ไม่มีการพัฒนาซอฟต์แวร์คือการไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์คุ้มครอง

ไทยซอฟท์เป็นหนึ่งในผู้ค้าที่ประกาศตัวชัดเจนในเรื่องดังกล่าว การเคลื่อนไหวในเรื่องของการผลิตซอฟต์แวร์ แจ็ค มิน ชุน ฮู ได้เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ประกาศใช้เชื่อว่าตลาดซอฟต์แวร์จะเติบโตสูงถึง 200-300% ซึ่งบริษัทจะผลักดันในเรื่องของการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นเอง ด้วยการจ้างแรงงานในต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินเดีย ซึ่งมีค่าแรงราคาถูก เขียนโปรแกรมตามสเป็กที่กำหนด เพื่อขจัดปัญหาค่าแรงงานของไทย และการขาดแคลนแรงงาน

"เราคาดหวังไว้ว่ายอดขายระหว่างการนำเข้าซอฟต์แวร์ และผลิต ซึ่งมีสัดส่วนถึง 85 : 15 จะเปลี่ยนเป็น 50 : 50" แจ็คกล่าว

ชูชาติ ใช้บุญเรือง ผู้จัดการทั่วไปไทยซอฟท์ กล่าวว่า การผลิตซอฟต์แวร์ของสหวิริยาคงจะเน้นในเรื่องของพัฒนาโปรแกรมบัญชี (จีเนียส)

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทย ยังมัปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเฉพาะปัญหาเรื่องบุคลากร และความรู้ความสามารถซึ่งเป็นตัวแปรที่สำคัญ

บทบาทการพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทยคงจะไปมุ่งเรื่องซอฟต์แวร์ประยุกต์ (แอพพลิเคชั่น) หรือการร่วมมือกับผู้ผลิตซอฟต์แวร์จากต่างประเทศในการพัฒนาให้เป็นภาษาไทย

ณรงค์ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่แล้วก็ตาม แต่แวลลูจะไม่ผลิตซอฟต์แวร์ขึ้นเอง จะคงบทบาทเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น โดยจะมีการร่วมมือกันในเรื่องของการพัฒนาภาษาไทย เพราะบุคลากรไม่พร้อม อีกทั้งการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีควรจะพัฒนาที่ซอฟต์แวร์ระบบไม่ใช่การพัฒนาที่ตัวซอฟต์แวร์โปรแกรม ซึ่งไทยก็ไม่มีความสามารถถึงในระดับนั้น

ธุรกิจฝึกอบรม-สัมมนาเฟื่อง

นอกจากนี้ผลกระทบอีกส่วนหนึ่งของกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่จะส่งผลให้เกิดธุรกิจการสอน การฝึกอบรม และสัมมนาเติบโตเพิ่มขึ้นอีกมาก จากตัวเลขในปีที่แล้วธุรกิจในส่วนนี้มีถึง 570 ล้านบาท

ศันษนีย์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยแอพพลิเคชั่น ซอฟท์แวร์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่าธุรกิจเหล่านี้เป็นมูลค่าเพิ่มที่แฝงมากับการประกาศใช้ของกฎหมายปัจจุบันมีผู้จัดงานสัมมนาในเรื่องเหล่านี้ จนกลายเป็นธุรกิจที่สามารถเก็บรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ร้านค้าคอมพ์-ซอฟต์แวร์ เป้าหมายอันดับ 1

ร้านค้าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ลอกเลียนแบบบนห้างสรรพสินค้า เช่น พันธุ์ทิพย์พลาซ่าและมาบุญครอง จัดอยู่ในประเภท "บัญชีดำ" ที่จะถูกกวดจับเป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นแหล่งกระจายซอฟต์แวร์ก๊อบปี้มากที่สุดแหล่งหนึ่งก่อนกฎหมายใหม่ประกาศใช้กลุ่มบีเอสเอเคยได้ดำเนินคดีกับร้านค้าก๊อบปี้ซอฟต์แวร์เหล่านี้ไปแล้ว 8 ราย ส่งฟ้องศาลไปแล้ว 2 รายและต่อมายอมความและยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ 6 รายซึ่งจนป่านนี้ยังไม่มีบทสรุปว่าจะตัดสินอย่างไร

แหล่งข่าวจากกองกำกับการป้องกันและปราบปรามตำรวจเศรษฐกิจ (ศศก.) กล่าวว่าคดีตัดสินไม่ได้ เพราะกฎหมายเก่าคลุมเครือไม่มีการกำหนดซอฟต์แวร์ไว้ทำให้ผู้ต้องหาอีก 6 รายไม่ยอมความขอสู้คดีต่อ

แม้จะมีการกวาดจับกันไปแล้ว แต่ร้านค้าเหล่านี้ยังไม่เข็ดหลาบยังมีการรับก๊อบปี้ซอฟต์แวร์กันอย่างครึกโครมแต่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าในอีกไม่กี่วัน พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฉบับใหม่จะประกาศใช้แล้วก็ตาม

ราชการ-องค์กรขนาดใหญ่ ปรับนโยบายรับลิขสิทธิ์

ในส่วนของผู้ใช้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง มีการประเมินว่าจะประกอบไปด้วย 1. กลุ่มผู้ใช้ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการ เนื่องจากมีมูลค่าการใช้งานมหาศาล และที่ผ่านมาก๊อบปี้ซอฟต์แวร์เป็นส่วนใหญ่

กลุ่มผู้ใช้ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่รวมทั้งหน่วยงานราชการเริ่มเคลื่อนไหวที่จะมีการจัดซื้อซอฟต์แวร์มาตรฐาน มาใช้งานแทนซอฟต์แวร์ลอกเลียนแบบที่ใช้งานแทน

บริษัทไมโครซอฟท์ได้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ให้กับองค์กรใหญ่ๆ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิต บริษัทน้ำมัน ธนาคาร ไปแล้ว รวมทั้งกลุ่มพีซีอยู่ระหว่างการสำรวจจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ทั้งหมดในเครือ เพื่อจัดซื้อซอฟต์แวร์มาตรฐานมาใช้ในองค์กร ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดซื้อในลักษณะของการซื้อไลเซ่นส์เพื่อประหยัดต้นทุน

การที่บริษัทเหล่านี้ต้องหันมาใช้เงินลงทุนเรื่องซอฟต์แวร์มาตรฐานเนื่องจากเมื่อปลายปี 2537 ประธานกลุ่มบีเอสเอได้ประกาศกวาดล้างผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ในส่วนของผู้ใช้รายใหญ่ หลังจากที่ได้กวาดล้างผู้จำหน่ายก๊อบปี้ซอฟต์แวร์ตามห้างสรรพสินค้ามาบุญครองและพันธุ์ทิพย์พลาซ่ามาแล้วตั้งแต่ในช่วงปี 2536-2537

สำนักงบประมาณจัดทำงบใหม่พ่วงซอฟต์แวร์

สำหรับหน่วยงานราชการเป็นลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะมีการจัดซื้อคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก

สำนักงบประมาณกระทรวงการคลัง ได้มีการจัดหาข้อมูลเพื่อจัดทำงบประมาณใหม่สำหรับปี 2539 ซึ่งจะเพิ่มงบประมาณการจัดซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์รวมอยู่ในการจัดซื้อระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการต่างๆ หลังจากที่ไม่เคยมีงบประมาณในส่วนนี้มาก่อน

แหล่งข่าวสำนักงบประมาณกล่าวว่า สำนักงบประมาณจะต้องมีการจัดทำข้อมูลเพื่อตั้งงบประมาณในส่วนนี้ โดยมีการสำรวจข้อมูลของหน่วยงานราชการทั้งหมดเพื่อจัดทำ รวมทั้งได้ทำการประสานงานกับผู้ผลิตในเรื่องของการจัดซื้อซอฟต์แวร์มาตรฐาน

"งบประมาณคงต้องเพิ่มขึ้น เพราะเราต้องเปลี่ยนเป็นซอฟต์แวร์มาตรฐานทั้งหมดแต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป" แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับงบประมาณในปี 2539 ได้มีการจัดสรรงบไปแล้วจึงไม่ทัน หากหน่วยงานใดที่จัดซื้อคอมพิวเตอร์คงจะต้องตัดงบในส่วนอื่นมาใช้ในการซื้อซอฟต์แวร์แทนไปก่อน

โรงเรียนสอนคอมพ์ยอมซื้อของแท้พร้อมปรับราคาค่าเรียน

โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์เป็นลูกค้าอีกกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอย่างเต็มๆ เพราะมีการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการสอนเป็นจำนวนมาก

จักรวาล อินทรมงคล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อีซีซี ประเทศไทย โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ที่มีสาขา 28 แห่งและเตรียมขยายเพิ่มอีก 30แห่งภายในปี 2538 กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า อีซีซีได้เตรียมพร้อมเรื่องดังกล่าวมานานแล้วในเรื่องของการจัดซื้อซอฟต์แวร์ต้นฉบับ มากกว่า 50% ของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่เป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์

ส่วนที่เหลืออยู่จะมีการเปลี่ยนให้เป็นซอฟต์แวร์ต้นฉบับทั้งหมดซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนอีก 10-20% ซึ่งจักรวาลยืนยันว่า ไม่มากนักเพราะเทียบกับสิ่งที่นักเรียนจะได้รับกลับมาจะมีมากกว่าในเรื่องของวิชาความรู้ เพราะซอฟต์แวร์ต้นฉบับจะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าซอฟต์แวร์ก๊อบปี้

ชัยวุฒิ จันมา ผู้อำนวยการฝ่ายวิชากการ สยามคอมพิวเตอร์ โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์อีกแห่งที่มี 19 สาขา กล่าวว่า สยามคอมพิวเตอร์ประเมินไว้ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ในการจัดซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ประมาณ 80-90 โปรแกรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้อในลักษณะของการซื้อไลเซ่นส์ เพราะต้นทุนจะถูกกว่า

คงไม่สามารถขึ้นราคาค่าเล่าเรียนได้ คงต้องมีแต่ลด เพราะราคาค่าเรียนในขณะนี้เฉลี่ยราคา 4,500 บาท ต่อ 1 หลักสูตรแล้ว ส่วนสาเหตุที่มีการตัดสินใจซื้อเพราะไม่อยากเสี่ยงกับกฎหมายและชื่อเสียง

สำหรับซอฟต์แวร์ที่จะมีการซื้อมากที่สุดคงหนีไม่พ้นโปรแกรมต่างๆ ของไมโครซอฟท์ เนื่องมีการใช้งานในท้องตลาดเป็นจำนวนมากนั่นเอง

ผู้ใช้ส่วนบุคคลไม่กระทบ

ในส่วนผู้ใช้ส่วนบุคคลคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะผู้ผลิตจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการกวดขันกันอย่างจริงจัง ในระยะเริ่มต้นผู้ที่นิยมการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์เหล่านี้คงจะหาแหล่งก๊อบปี้ได้ยากลำบากขึ้นบ้าง

การประกาศใช้กฎหมายจึงเป็นผลกระทบโดยตรงกับตลาดซอฟต์แวร์โดยรวมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปตามสภาวะแวดล้อมของแต่ละกลุ่ม แต่ที่แน่ๆ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ยอดนิยมอย่างไมโครซอฟท์ และผู้ผลิตซอฟต์แวร์จากต่างประเทศอีกหลายรายคงงถึงเวลารับทรัพย์กันบ้าง หลังจากโดนละเมิดลิขสิทธิ์มานาน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us