Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา มกราคม 2554
ชฎาทิพ จูตระกูล ดอกไม้เหล็กแห่งค้าปลีก             
โดย สุภัทธา สุขชู นภาพร ไชยขันแก้ว
 

   
related stories

Role Model ก้าวปีที่ 11
ตัน ภาสกรนที ชีวิตใหม่ที่ “ไม่ตัน”
Mr.Power
Moral Character
The Leader
The Powerful Influencer
Mr.BANPU
บุรุษไร้คำนิยาม บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา
กอบชัย จิราธิวัฒน์ สงบ สยบความเคลื่อนไหว
โชค บูลกุล ผู้นำสายพันธุ์ใหม่
CEO ทศวรรษหน้า Code of Conduct

   
search resources

ชฎาทิพ จูตระกูล




พูดกันว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วก็คงเป็นปัจจัยสร้าง “วีรสตรี” หน้าใหม่ให้เข้ามาติดทำเนียบ TOP 10 Role Model ในปีนี้ ทั้งที่จริงแล้ว “ชฎาทิพ จูตระกูล” เป็นแม่ทัพฝีมือดีในธุรกิจค้าปลีกมานานแล้ว

จากความฝันที่อยากเป็นทหารหญิง วันนี้เธอกลายเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าแถวหน้าของเมืองไทย

จาก 3 เดือนที่คุณพ่อขอให้เข้ามาช่วยทำบัญชีระหว่างพักฟื้น กลายเป็น 25 ปีที่เธอไม่เคยเสียใจที่ได้บริหารศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ ให้กลายเป็น shopping destination ของเมืองไทยตลอดมา

จากที่เคยคิดว่าอยากทำงานสบายไม่กดดันมาก ไม่ต้องแข่งขันสูง วันนี้เธอ เป็นผู้บริหารศูนย์การค้าถึง 4 แห่ง มีพนักงานให้ต้องดูแลมากกว่า 3,500 ชีวิต และยังมีอีกหลายปากท้องของเจ้าของร้านค้าและครอบครัวให้ต้องห่วงใย

ปัจจุบัน ชฎาทิพ จูตระกูล ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และพาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ทั้งที่ต้นปี สยามพิวรรธน์เพิ่งเจอวิกฤติหนักจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช. บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งทำให้หลายศูนย์การค้าในย่านนั้นต้องปิดให้บริการเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน

เฉพาะศูนย์การค้าภายใต้การบริหารของชฎาทิพ สูญเสียรายได้ไปกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเธอมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นวิกฤติร้ายแรงที่สุดไม่ใช่เพียงในรอบ 25 ปีของการบริหารของเธอ แต่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 40 ปีของบริษัทสยามพิวรรธน์ ร้ายแรงกว่าครั้งที่สยามเซ็นเตอร์ถูกไฟไหม้ เมื่อปี 2538 ด้วยซ้ำ

แต่เพราะมีมหาวิกฤติครั้งนี้ หัวใจหญิงเหล็กของชฏาทิพจึงยิ่งดูโดดเด่น

ก่อนที่ห้างจะเปิดได้ ชฎาทิพเชิญสื่อมวลชนมาแถลงข่าวมาตรการกระตุ้นความมั่นใจของนักท่องเที่ยวและนักชอปและมาตรการเยียวยาช่วยเหลือบรรดาร้านค้า งบ 300 ล้านบาทที่เตรียมไว้สำหรับทั้งปี กว่า 1 ใน 3 ถูกเจียดมาใช้บรรเทาฝันร้าย ครั้งนี้ ความช่วยเหลือสภาพคล่องสำหรับผู้เช่าศูนย์เครือสยามฯ ในระยะสั้น เธอตัดสินใจเช่าพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และทองหล่อ มิดทาวน์ จัดงาน “S.O.S. Siam Super Sales” ก่อนที่จะมีการสลายการชุมนุมสำเร็จด้วยซ้ำ โดยไม่คิดค่าเช่าจากผู้ค้า

เดือนถัดมาแทบทั้งเดือน เธอเป็นเจ้าภาพจัดงาน “รวมพลคนรักสยามปฏิบัติการคืนรอยยิ้มให้กับคนไทย” นอกจากนั้นก็ยังมีมหกรรมเซลล์และทัวริสต์โปรโมชั่นอีกหลายครั้ง เพื่อกระตุ้นชีพจรการค้าของสยามให้กลับมาโดยเร็ว

ชฏาทิพยังเป็นหัวเรือใหญ่อีกคนในการเจรจาเรียกร้องต่อรัฐบาล เพื่อขอความช่วยเหลือสภาพคล่องให้กับร้านค้าและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งมาตรการระยะยาวในการป้องกันการชุมนุม ปิดพื้นที่ในย่านนี้

ในเดือนสิงหาคม ชฏาทิพเคลื่อน ไหวใหญ่อีกครั้งกับการเปิดศูนย์การค้า “พาราไดซ์ พาร์ค” ที่เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจ และสมอง ซุ่มทำงานนี้อยู่นาน เพื่อเนรมิตห้างเก่าอย่างเสรีเซ็นเตอร์ให้กลายเป็น “สวนสวรรค์แห่งการชอปปิ้งของกรุงเทพฯ ย่านตะวันออก”

นี่เป็นโอกาสครั้งแรกของสยามพิวรรธน์ในการชิมลางเปิดศูนย์การค้านอก พื้นที่สยาม ซึ่งมีทำเลใจกลางเมืองเป็นแต้ม ต่ออยู่แล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ที่สยามพิวรรธน์ได้ร่วมงานกับพันธมิตรใหม่ คือ MBK โดยลงทุนกว่า 3 พันล้านบาทครั้งนี้ ถือเป็นโครงการใหญ่ของสยามพิวรรธน์หลังจากว่างเว้นการลงทุนใหม่มานานกว่า 5 ปี

โจทย์ที่ท้าทายชฏาทิพมากก็คือ เปลี่ยนห้างบ้านๆ ให้กลายเป็น “พารากอน” แห่งกรุงเทพฯ ตะวันออก และเพิ่มยอดลูกค้าที่เข้าห้างจาก 7 หมื่นคนต่อวันเป็น 1.5 แสนคน

แต่ที่ท้าทายกว่า ก็เพราะว่าแม้งานนี้เป็นการสร้างศูนย์การค้าใหม่ แต่ก็มีภาพ ความทรงจำดีๆ ของเสรีเซ็นเตอร์ที่เปิดมา นานถึง 15 ปีไว้คอยเปรียบเทียบ Before & After และภาพลักษณ์ “เทรนด์ เซตเตอร์” ของการเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าสยามก็กลายเป็นความคาดหวังของลูกค้าที่ติดตาม ตัวเธอมายังห้างชานเมืองแห่งนี้ด้วย

นอกจากเหตุผลทั้งหมดข้างต้น บวกกับความเป็น “Perfectionist” ของชฎาทิพ นี่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้งบลงทุนในพาราไดซ์ พาร์คบานปลายจาก 2,500 ล้านบาท พุ่งขึ้นสูงกว่า 3,200 ล้านบาท

“อาจเป็นเพราะคุณพ่อสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด อย่าทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ถ้าทำดีที่สุดไม่ได้ก็อย่าทำดีกว่า ฉะนั้นเวลาทำอะไร เราก็เลยต้องดิลิเวอร์สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดออกมาให้ได้”

นี่เป็นคำอธิบายจากชฎาทิพถึงที่มาของความนิยมในความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism) ที่มักกลายเป็นเหตุผลของเงินลงทุนก้อนโตในหลายๆ โปรเจ็กต์ของเครือสยามฯ อันหมายรวมถึงการรีโนเวตสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่หลายครั้งหลายคราว เพื่อให้คงภาพลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ที่มีความเป็น “เทรนด์ เซตเตอร์” อยู่ตลอด เวลา

ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ข่าวความเคลื่อนไหวของสยามพิวรรธน์เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อชฎาทิพได้เปิดประตูห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ต้อนรับพันธมิตรระดับโลก “เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส กรุ๊ป” ที่นำเอาพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซมาเปิดที่นี่ ซึ่งนับเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน

“การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า สยามดิสคัฟเวอรี่ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการระดับโลก”

ชฎาทิพเชื่อว่า ไม่ใช่แค่เธอ หรือสยามพิวรรธน์เท่านั้นที่มีสิทธิในความภาคภูมิใจครั้งนี้ แต่การเปิดตัวพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งชื่อดังระดับโลกครั้งนี้ ยังน่าจะเป็นความภูมิใจของคนกรุงเทพฯ และของคนไทยทุกคนด้วย

ไม่เพียง “มาดามทุสโซ” ชฎาทิพยังมีแผนจะเปิดภัตตาคารอาหารลอยฟ้า, “ไอซ์ แพลนแนท” ลานสเกตน้ำแข็งมาตรฐานโอลิมปิก และอีเวนต์ฮอลล์บนพื้นที่ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ภายในปีนี้

นอกจากนี้ยังจะสร้างสถาปัตยกรรมสูงเทียบเท่าอาคาร 8 ชั้นด้วยวัสดุ “ETFE” ซึ่งใช้ในอาคารที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในมหานครระดับโลก อย่างวอร์เตอร์ คิวบ์ ในกรุงปักกิ่งมาไว้ด้านหน้าศูนย์ เพื่อให้เป็นไอคอนแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ ความเป็นศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ระดับโลก

ปีที่ผ่านมา นับเป็นอีกปีที่หนักหนาสำหรับชฎาทิพ เธอต้องทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ แทบทุกอาทิตย์มาเกือบตลอดปี เดือนสุดท้ายของปี เธอจึงใช้เวลาเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศกับครอบครัว นอกจากเพื่อทำหน้าที่แม่และภรรยาที่ดี แต่ยังถือเป็นการชาร์จแบตเพื่อเตรียมพร้อมกับการทำงานในปีนี้ ซึ่งเธอก็คงหวังว่าจะไม่หนักเท่ากับปีเสือดุ

ด้วยความเป็นหญิงแกร่งของชฎาทิพ ทำหน้าที่ได้ดีทั้งบทบาท “นักธุรกิจหญิงแถวหน้า” และ “ดอกไม้ประจำบ้าน” เธอจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจและ Role Model ของกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ผู้บริหารสาวแห่งโตชิบา   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us