ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เมื่อเวียนมาถึงปลายปี จะต้องมีการสรุปเรื่องราวหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีให้รับทราบ ซึ่งแน่นอนในโลกยานยนต์ปี 2010 มีเรื่องราวและเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น และก็มีทั้งเรื่องที่เป็นข่าวน่ายินดี และข่าวที่ไม่น่ายินดี
มาทบทวนความจำกันว่าตลอดปี 2010 อุตสาหกรรมรถยนต์ของโลกมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
1.โตโยต้ากับการ Recall ล็อตใหญ่ในประวัติศาสตร์ : เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากปี 2009 จนกลายมาเป็นเหตุบานปลายในช่วงต้นปี 2010 จนเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์อื้อฉาวที่สั่นสะเทือนวงการรถยนต์ รวมถึงภาพลักษณ์ที่อยู่ในระดับดีมาตลอดของโตโยต้า
การ Recall หรือเรียกรถยนต์กลับคืนมาซ่อมถือเป็นเรื่องที่เป็นปรกติสำหรับโลกยานยนต์ แต่ในกรณีจำนวนของการ Recall กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ปรกติ และส่งผลให้โตโยต้าถึงกับหยุดการขายรถยนต์บางรุ่นที่มีปัญหากันเลยทีเดียว และทำให้ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของโตโยต้า โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างมาก
สำหรับยอดการ Recall แบ่งออกเป็น 5.2 ล้านคันสำหรับปัญหาเรื่องพรมปูพื้นที่ทำให้เกิดอาการคันเร่งค้าง บวกกับอีก 2.3 ล้านคันสำหรับปัญหาเรื่องคันเร่ง โดยรถยนต์ที่เกิดปัญหาก็มีทั้งแบรนด์ของโตโยต้าเอง และแบรนด์ระดับหรูอย่างเลกซัสด้วย
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโตโยต้าและทำให้ อากิโอ โตโยดะ ประธานของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ออกมากล่าวขอโทษเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงถูกสอบสวนโดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับความบกพร่องที่เกิดขึ้น
2.ซาบได้เจ้าของใหม่จากฮอลแลนด์ : ถือเป็นอีกข่าวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากปลายปี 2009 และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปออกมาในลักษณะที่เป็นข่าวดีสำหรับชาว Trollhatton และลูกค้าของซาบทั่วโลกที่เฝ้ารออย่างลุ้นระทึก เพราะในตอนแรก จีเอ็ม หรือเจเนอรัล มอเตอร์ส ทำท่าว่าจะไม่ขายกิจการของซาบให้กับผู้ที่ยื่นข้อเสนอรายใด และยุติการทำตลาดแบรนด์ซาบ หลังจากที่ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอรายใดแสดงความจำนงอย่างจริงจังในการเทกโอเวอร์กิจการของซาบตามเงื่อนไขของจีเอ็ม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เรื่องราวก็ได้ข้อสรุป เมื่อสปายเกอร์ แบรนด์ซูเปอร์คาร์ของฮอลแลนด์ ตกลงกับจีเอ็มในการซื้อขายกิจการครั้งนี้
การเทกโอเวอร์เสร็จสิ้นกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยมีการก่อตั้งบริษัทใหม่ที่เรียกว่า Saab Spyker Automobiles N.V. ซึ่งสปายเกอร์จะต้องจ่ายเงินสดให้กับจีเอ็มเป็นจำนวน 74 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,590 ล้านบาท โดยเป็นการแบ่งชำระ 2 งวด คือ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,750 ล้านบาทในวันที่การเจรจาเทกโอเวอร์เสร็จสิ้นลง และอีก 24 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 840 ล้านบาท จ่ายในวันที่ 15 กรกฎาคม จากนั้นจะต้องจ่ายอีก 326 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11,410 ล้านบาท แต่คราวนี้จะเป็นในรูปแบบของหุ้นในบริษัทใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นมา
ถือเป็นการต่อลมหายใจของซาบในตลาดรถยนต์อีกครั้ง
3.ลาก่อน...ฮัมเมอร์ : ซาบอยู่รอด แต่สำหรับที่ต้องกลายเป็นอดีต คือ ฮัมเมอร์ เมื่อทางจีเอ็มตัดสินใจยุติการทำตลาดของแบรนด์เอสยูวีชื่อดังของตัวเอง หลังจากที่ไม่สามารถหาใครเข้ามาเทกโอเวอร์กิจการได้ หลังเพียรพยายามมองหาเจ้าของใหม่มานานร่วมปี
ฮัมเมอร์ต้องเหลือแต่ชื่อเหมือนกับปอนติแอค และแซทเทิร์น หลังจากเลยเส้นตายที่ทางจีเอ็มขีดเอาไว้ในการมองหาเจ้าของใหม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามแนวนโยบายของจีเอ็มในการปรับปรุงกิจการให้สอดคล้องกับแผนการฟื้นฟูภายใต้บริษัทใหม่ที่เรียกว่า New GM
ปัจจัยที่ทำให้ฮัมเมอร์โดนลอยแพออกจากเครือจีเอ็มก็เป็นเพราะในปี 2008 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐอเมริกาถีบตัวสูงขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกับตลาดทั่วโลก ส่งผลให้รถยนต์ใหญ่เครื่องยนต์ซีซี.เยอะยอดขายร่วงกันระนาว และในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ยอดขายของฮัมเมอร์ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 40% เลยทีเดียว
อีกเหตุผลที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น คือ สภาพคล่องทางการเงินของจีเอ็มเริ่มมีปัญหาและการขาดทุนสะสมเริ่มส่งสัญญาณออกมาแล้ว และตรงนี้นำไปสู่การประกาศล้มละลายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 11 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2009
วันที่ 7 เมษายน 2010 จีเอ็มประกาศอย่างเป็นทางการที่จะปิดแบรนด์ฮัมเมอร์ พร้อมกับระบายรถยนต์ที่ค้างสต๊อกจำนวน 2,200 คันในราคาที่ลดกระหน่ำ เท่ากับเป็นการปิดฉากอย่างเป็นทางการของฮัมเมอร์หลังจากโลดแล่นอยู่ในตลาดรถยนต์โลกมานาน
4.Recall ไม่เว้นแต่เฟอร์รารี่ : ข่าวเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 458Italia ไฟไหม้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันถึง 5 คัน กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ทางแบรนด์ซูเปอร์คาร์ชั้นนำของโลกถูกตั้งข้อสงสัยจากบรรดาลูกค้า และนั่นก็นำไปสู่กระบวนการของการตรวจสอบ และในที่สุด เฟอร์รารี่ก็ต้องตัดสินใจทำการ Recall รถยนต์ของตัวเองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ก่อนที่จะมีการ Recall มีรายงานว่ารถสปอร์ตรุ่นนี้เกิดเหตุไฟไหม้ถึง 5 ครั้งจากลูกค้าที่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย, ปารีส, สวิตเซอร์แลนด์, จีน และอีกแห่งที่ไม่ระบุสถานที่ โดยทางโฆษกของค่ายม้าป่าลำพองเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจากวัสดุที่ใช้ในการยึดตรงบริเวณซุ้มล้อ มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถทนความร้อนได้ และทำให้เกิดการละลาย จนนำไปสู่การติดไฟในที่สุด
ส่วนจำนวนการ Recall มีทั้งหมด 1,240 คัน
5.เจ้าของใหม่ของวอลโว่ที่ชื่อ Geely : ถือเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเจ้าของสำหรับแบรนด์รถสปอร์ตจากสวีเดน ซึ่งหลังจากที่ซาบถูกขายออกไปอยู่กับสปายเกอร์ได้ไม่นาน ฟอร์ดก็ประกาศขายกิจการของวอลโว่ให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากจีนนามว่า Geely
Geely ควักเงิน 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 59,400 ล้านบาท ในการดึงตัววอลโว่จากฟอร์ดเข้ามาอยู่ในเครือ ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,600 ล้านบาท และถือเป็นการซื้อขายกิจการรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดที่บริษัทรถยนต์จีนเคยทำกันมาเลยทีเดียว
ในส่วนของการบริหาร ทาง Geely ได้แต่งตั้ง สตีเฟน ยาร์โคบี้ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน และ CEO ของบริษัท โดยขั้นตอนในการเทกโอเวอร์กิจการของวอลโว่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา หรือใช้เวลานานร่วม 5 เดือนหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในการซื้อกิจการเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2010
6.เปิดศักราชใหม่ในการเดินทางด้วย E-REV : หลังจากอวดโฉมมานาน ในที่สุดเชฟโรเลตก็ประกาศราคาของรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่เรียกว่า E-REV หรือ Extended Range Electric Vehicle อย่างรุ่นโวลต์ออกมาแล้ว โดยเริ่มต้นที่ 41,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 1.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในบางมลรัฐที่มีมาตรฐานลดหย่อนทางด้านภาษีสำหรับรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ราคาของโวลต์จะลดลงมาอยู่ที่ 33,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.1 ล้านบาทเท่านั้น หรือถูกลงประมาณ 7,500 เหรียญสหรัฐ หรือ 247,000 บาท
โวลต์ถือเป็นรถยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ โดยจะมีมอเตอร์ไฟฟ้ารับหน้าที่ในการขับเคลื่อน และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในทำหน้าที่ชาร์จกระแสไฟฟ้า ซึ่งในช่วงแรกของการเดินทางหลังจากสตาร์ทรถ มอเตอร์ไฟฟ้าจะพึ่งกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่สำหรับใช้ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ปลุกให้เครื่องยนต์ตื่นขึ้นมาเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้า โดยระยะทางในการแล่นจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าชาร์จมาเต็มลูก ก็จะแล่นทำระยะทางได้ 40 ไมล์ หรือ 64 กิโลเมตร
7.Nissan LEAF คว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมยุโรป : กลายเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เมื่อนิสสันสามารถพิชิตรถยนต์อย่าง อัลฟา จุยเลียตตา และโอเปิล เมอริวา ขึ้นรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป หรือ ECOTY 2011 ได้ และถือเป็นครั้งแรกที่รถยนต์พลังไฟฟ้าได้รับเลือกให้คว้ารางวัลนี้
LEAF ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ถูกผลิตในเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลกและเปิดตัวขายเมื่อต้นปีนี้ สามารถเอาชนะคู่ปรับสำคัญทั้ง 6 รุ่นที่เป็นรถยนต์สัญชาติยุโรปไปได้ โดยคณะกรรมการเทคะแนนให้กับ LEAF มากถึง 257 คะแนน แต่ก็มากกว่า อัลฟา จุยเจียตตา เพียงแค่ 9 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของโอเปิล/วอกซ์ฮอลล์ เมอริวา (244 คะแนน)
และนี่เป็นชัยชนะครั้งที่ 2 ของนิสสัน หลังจากที่มาร์ช หรือไมคราเคยทำมาได้เมื่อ 18 ปีที่แล้ว
8.ฟอร์ดเลิกทำตลาดแบรนด์เมอร์คิวรี่ : ในที่สุดแบรนด์รถยนต์เก่าแก่ที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนแก่อย่างเมอร์คิวรี่ของฟอร์ดก็กลายเป็นอดีตจนได้ เมื่อทาง ฟอร์ด มอเตอร์ส เปิดเผยแล้วว่าจะเก็บแบรนด์รถยนต์นี้เข้าลิ้นชัก ไม่มีการทำตลาดอีกต่อไป เพื่อเปิดทางให้กับลินคอล์น แบรนด์รถยนต์ระดับหรูได้ทำหน้าที่สร้างยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มตัว
สำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้ถือเป็นการยุติบทบาทแบรนด์รถยนต์ที่เก่าแก่อีกรายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ในตลาดมานานถึง 71 ปี โดยที่ผ่านมา เมอร์คิวรี่ถูกรวมกิจการและทำตลาดควบคู่กับลินคอล์นภายใต้ชื่อ Mercury and Lincoln
เมอร์คิวรี่ถูกตั้งขึ้นในปี 1939 โดย เอ็ดเซล ฟอร์ด ลูกชายของ เฮนรี่ ฟอร์ด เพื่อเป็นแบรนด์รถยนต์สำหรับทำตลาดในระดับหรูหรา ซึ่งมีฐานะทางการตลาดแทรกกลางระหว่างฟอร์ดกับลินคอล์น คล้ายกับบูอิกของเครือเจเนอรัล มอเตอร์ส โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของเมอร์คิวรี่ และลินคอล์นในตลาดสหรัฐอเมริกามีตัวเลขรวมกันอยู่แค่ 8,189 คัน จากจำนวนยอดขายรวมของฟอร์ด 178,057 คัน หรือคิดเป็น 11.5% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ในปีที่แล้วทั้งสองแบรนด์มีตัวเลขยอดขายเพียง 175,146 คัน หรือคิดแล้วมีตัวเลขใกล้เคียงกับยอดขายรถยนต์เพียง 1 เดือนของเชฟโรเลต
9.สีเงินครองแชมป์ยอดนิยมสำหรับนักขับทั่วโลก : สีเงินยังได้รับการตอบรับที่ดีจากนักขับทั่วโลก ซึ่งจากการวิจัยล่าสุดพบว่า มีรถยนต์มากถึง 26% ที่ผลิตออกมาในปี 2010 เป็นสีนี้ โดยที่สีดำอยู่ในอันดับ 2 ตามหลังอยู่ 2% และสีขาวอยู่ในอันดับที่ 3
Dupont ทำการวิจัยภายใต้หัวข้อ Global Automotive Color Popularity Report มานาน และในปีนี้เป็นครั้งที่ 58 แล้ว โดยเป็นการสำรวจตัวเลขความนิยมของสีรถยนต์ที่มีอยู่ใน 11 ภูมิภาคที่เป็นตลาดรถยนต์ชั้นนำของโลก ซึ่งในปีนี้แม้ว่าสีเงินจะครองความเป็นผู้นำ สิ่งที่น่าสนใจคือ การขยับตัวอย่างต่อเนื่องของสีดำ จนสามารถลดช่องว่างลงเหลือแค่ 2% และตลาดรถยนต์หลักของโลกอย่างยุโรปก็ให้ความนิยมกับรถยนต์สีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีความนิยมขึ้นมาเป็นอันดับ 1 อย่างในยุโรปสีดำอยู่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 24%
10.ลัมบอร์กินีเลิกผลิต Murcielago : ซูเปอร์คาร์รุ่นใหญ่ของค่ายลัมบอร์กินีถึงจุดสุดท้ายในการทำตลาดแล้ว เมื่อลัมบอร์กินีประกาศยุติการผลิตเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยที่รุ่น LP670-4 Superveloce สีเหลืองสดใสโทน Arancio Atlas เป็นคันท้ายในไลน์ผลิต และเป็นคันที่ 4,099 ที่ถูกผลิตขึ้นมานับตั้งแต่ Murcielago เปิดตัวในปี 2011 โดยมีการส่งมอบให้กับลูกค้าในสวิตเซอร์แลนด์
Murcielago ถูกเปิดครั้งแรกในปี 2001 และถือเป็นสปอร์ตรุ่นแรกที่ถูกส่งทำตลาดภายใต้เจ้าของใหม่อย่างโฟล์คสวาเกน ที่ถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ผ่านทางออดี้ โดย Murcielago ที่เป็นชื่อของวัวกระทิง แต่ก็มีความหมายในภาษาสเปนที่หมายถึงค้างคาว ตัวรถได้รับการออกแบบโดย Luc Donckerwolke และคงเอกลักษณ์ของประตูที่เปิดเฉียงขึ้นด้านบน หรือ Scissor Door ตามแบบฉบับของสปอร์ตคลาสสิกรุ่นพี่อย่างคูนทัช และดิอาโบล เร้าใจด้วยเครื่องยนต์วี12 6200 ซีซี. 572 แรงม้า
|