Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์7 มกราคม 2554
10 ข่าวเด่นโลกยานยนต์ 2010             
 


   
search resources

Automotive




ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เมื่อเวียนมาถึงปลายปี จะต้องมีการสรุปเรื่องราวหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีให้รับทราบ ซึ่งแน่นอนในโลกยานยนต์ปี 2010 มีเรื่องราวและเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น และก็มีทั้งเรื่องที่เป็นข่าวน่ายินดี และข่าวที่ไม่น่ายินดี

มาทบทวนความจำกันว่าตลอดปี 2010 อุตสาหกรรมรถยนต์ของโลกมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

1.โตโยต้ากับการ Recall ล็อตใหญ่ในประวัติศาสตร์ :
เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากปี 2009 จนกลายมาเป็นเหตุบานปลายในช่วงต้นปี 2010 จนเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์อื้อฉาวที่สั่นสะเทือนวงการรถยนต์ รวมถึงภาพลักษณ์ที่อยู่ในระดับดีมาตลอดของโตโยต้า

การ Recall หรือเรียกรถยนต์กลับคืนมาซ่อมถือเป็นเรื่องที่เป็นปรกติสำหรับโลกยานยนต์ แต่ในกรณีจำนวนของการ Recall กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ปรกติ และส่งผลให้โตโยต้าถึงกับหยุดการขายรถยนต์บางรุ่นที่มีปัญหากันเลยทีเดียว และทำให้ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของโตโยต้า โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างมาก

สำหรับยอดการ Recall แบ่งออกเป็น 5.2 ล้านคันสำหรับปัญหาเรื่องพรมปูพื้นที่ทำให้เกิดอาการคันเร่งค้าง บวกกับอีก 2.3 ล้านคันสำหรับปัญหาเรื่องคันเร่ง โดยรถยนต์ที่เกิดปัญหาก็มีทั้งแบรนด์ของโตโยต้าเอง และแบรนด์ระดับหรูอย่างเลกซัสด้วย

แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโตโยต้าและทำให้ อากิโอ โตโยดะ ประธานของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ออกมากล่าวขอโทษเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงถูกสอบสวนโดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับความบกพร่องที่เกิดขึ้น

2.ซาบได้เจ้าของใหม่จากฮอลแลนด์ : ถือเป็นอีกข่าวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากปลายปี 2009 และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปออกมาในลักษณะที่เป็นข่าวดีสำหรับชาว Trollhatton และลูกค้าของซาบทั่วโลกที่เฝ้ารออย่างลุ้นระทึก เพราะในตอนแรก จีเอ็ม หรือเจเนอรัล มอเตอร์ส ทำท่าว่าจะไม่ขายกิจการของซาบให้กับผู้ที่ยื่นข้อเสนอรายใด และยุติการทำตลาดแบรนด์ซาบ หลังจากที่ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอรายใดแสดงความจำนงอย่างจริงจังในการเทกโอเวอร์กิจการของซาบตามเงื่อนไขของจีเอ็ม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เรื่องราวก็ได้ข้อสรุป เมื่อสปายเกอร์ แบรนด์ซูเปอร์คาร์ของฮอลแลนด์ ตกลงกับจีเอ็มในการซื้อขายกิจการครั้งนี้

การเทกโอเวอร์เสร็จสิ้นกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยมีการก่อตั้งบริษัทใหม่ที่เรียกว่า Saab Spyker Automobiles N.V. ซึ่งสปายเกอร์จะต้องจ่ายเงินสดให้กับจีเอ็มเป็นจำนวน 74 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,590 ล้านบาท โดยเป็นการแบ่งชำระ 2 งวด คือ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,750 ล้านบาทในวันที่การเจรจาเทกโอเวอร์เสร็จสิ้นลง และอีก 24 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 840 ล้านบาท จ่ายในวันที่ 15 กรกฎาคม จากนั้นจะต้องจ่ายอีก 326 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11,410 ล้านบาท แต่คราวนี้จะเป็นในรูปแบบของหุ้นในบริษัทใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นมา

ถือเป็นการต่อลมหายใจของซาบในตลาดรถยนต์อีกครั้ง


3.ลาก่อน...ฮัมเมอร์ : ซาบอยู่รอด แต่สำหรับที่ต้องกลายเป็นอดีต คือ ฮัมเมอร์ เมื่อทางจีเอ็มตัดสินใจยุติการทำตลาดของแบรนด์เอสยูวีชื่อดังของตัวเอง หลังจากที่ไม่สามารถหาใครเข้ามาเทกโอเวอร์กิจการได้ หลังเพียรพยายามมองหาเจ้าของใหม่มานานร่วมปี

ฮัมเมอร์ต้องเหลือแต่ชื่อเหมือนกับปอนติแอค และแซทเทิร์น หลังจากเลยเส้นตายที่ทางจีเอ็มขีดเอาไว้ในการมองหาเจ้าของใหม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามแนวนโยบายของจีเอ็มในการปรับปรุงกิจการให้สอดคล้องกับแผนการฟื้นฟูภายใต้บริษัทใหม่ที่เรียกว่า New GM

ปัจจัยที่ทำให้ฮัมเมอร์โดนลอยแพออกจากเครือจีเอ็มก็เป็นเพราะในปี 2008 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐอเมริกาถีบตัวสูงขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกับตลาดทั่วโลก ส่งผลให้รถยนต์ใหญ่เครื่องยนต์ซีซี.เยอะยอดขายร่วงกันระนาว และในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ยอดขายของฮัมเมอร์ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 40% เลยทีเดียว

อีกเหตุผลที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น คือ สภาพคล่องทางการเงินของจีเอ็มเริ่มมีปัญหาและการขาดทุนสะสมเริ่มส่งสัญญาณออกมาแล้ว และตรงนี้นำไปสู่การประกาศล้มละลายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 11 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2009

วันที่ 7 เมษายน 2010 จีเอ็มประกาศอย่างเป็นทางการที่จะปิดแบรนด์ฮัมเมอร์ พร้อมกับระบายรถยนต์ที่ค้างสต๊อกจำนวน 2,200 คันในราคาที่ลดกระหน่ำ เท่ากับเป็นการปิดฉากอย่างเป็นทางการของฮัมเมอร์หลังจากโลดแล่นอยู่ในตลาดรถยนต์โลกมานาน

4.Recall ไม่เว้นแต่เฟอร์รารี่ : ข่าวเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 458Italia ไฟไหม้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันถึง 5 คัน กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ทางแบรนด์ซูเปอร์คาร์ชั้นนำของโลกถูกตั้งข้อสงสัยจากบรรดาลูกค้า และนั่นก็นำไปสู่กระบวนการของการตรวจสอบ และในที่สุด เฟอร์รารี่ก็ต้องตัดสินใจทำการ Recall รถยนต์ของตัวเองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ก่อนที่จะมีการ Recall มีรายงานว่ารถสปอร์ตรุ่นนี้เกิดเหตุไฟไหม้ถึง 5 ครั้งจากลูกค้าที่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย, ปารีส, สวิตเซอร์แลนด์, จีน และอีกแห่งที่ไม่ระบุสถานที่ โดยทางโฆษกของค่ายม้าป่าลำพองเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจากวัสดุที่ใช้ในการยึดตรงบริเวณซุ้มล้อ มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถทนความร้อนได้ และทำให้เกิดการละลาย จนนำไปสู่การติดไฟในที่สุด

ส่วนจำนวนการ Recall มีทั้งหมด 1,240 คัน


5.เจ้าของใหม่ของวอลโว่ที่ชื่อ Geely : ถือเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเจ้าของสำหรับแบรนด์รถสปอร์ตจากสวีเดน ซึ่งหลังจากที่ซาบถูกขายออกไปอยู่กับสปายเกอร์ได้ไม่นาน ฟอร์ดก็ประกาศขายกิจการของวอลโว่ให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากจีนนามว่า Geely

Geely ควักเงิน 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 59,400 ล้านบาท ในการดึงตัววอลโว่จากฟอร์ดเข้ามาอยู่ในเครือ ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,600 ล้านบาท และถือเป็นการซื้อขายกิจการรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดที่บริษัทรถยนต์จีนเคยทำกันมาเลยทีเดียว

ในส่วนของการบริหาร ทาง Geely ได้แต่งตั้ง สตีเฟน ยาร์โคบี้ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน และ CEO ของบริษัท โดยขั้นตอนในการเทกโอเวอร์กิจการของวอลโว่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา หรือใช้เวลานานร่วม 5 เดือนหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในการซื้อกิจการเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2010

6.เปิดศักราชใหม่ในการเดินทางด้วย E-REV : หลังจากอวดโฉมมานาน ในที่สุดเชฟโรเลตก็ประกาศราคาของรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่เรียกว่า E-REV หรือ Extended Range Electric Vehicle อย่างรุ่นโวลต์ออกมาแล้ว โดยเริ่มต้นที่ 41,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 1.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในบางมลรัฐที่มีมาตรฐานลดหย่อนทางด้านภาษีสำหรับรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ราคาของโวลต์จะลดลงมาอยู่ที่ 33,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.1 ล้านบาทเท่านั้น หรือถูกลงประมาณ 7,500 เหรียญสหรัฐ หรือ 247,000 บาท

โวลต์ถือเป็นรถยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ โดยจะมีมอเตอร์ไฟฟ้ารับหน้าที่ในการขับเคลื่อน และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในทำหน้าที่ชาร์จกระแสไฟฟ้า ซึ่งในช่วงแรกของการเดินทางหลังจากสตาร์ทรถ มอเตอร์ไฟฟ้าจะพึ่งกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่สำหรับใช้ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ปลุกให้เครื่องยนต์ตื่นขึ้นมาเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้า โดยระยะทางในการแล่นจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าชาร์จมาเต็มลูก ก็จะแล่นทำระยะทางได้ 40 ไมล์ หรือ 64 กิโลเมตร

7.Nissan LEAF คว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมยุโรป : กลายเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เมื่อนิสสันสามารถพิชิตรถยนต์อย่าง อัลฟา จุยเลียตตา และโอเปิล เมอริวา ขึ้นรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป หรือ ECOTY 2011 ได้ และถือเป็นครั้งแรกที่รถยนต์พลังไฟฟ้าได้รับเลือกให้คว้ารางวัลนี้

LEAF ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ถูกผลิตในเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลกและเปิดตัวขายเมื่อต้นปีนี้ สามารถเอาชนะคู่ปรับสำคัญทั้ง 6 รุ่นที่เป็นรถยนต์สัญชาติยุโรปไปได้ โดยคณะกรรมการเทคะแนนให้กับ LEAF มากถึง 257 คะแนน แต่ก็มากกว่า อัลฟา จุยเจียตตา เพียงแค่ 9 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของโอเปิล/วอกซ์ฮอลล์ เมอริวา (244 คะแนน)

และนี่เป็นชัยชนะครั้งที่ 2 ของนิสสัน หลังจากที่มาร์ช หรือไมคราเคยทำมาได้เมื่อ 18 ปีที่แล้ว

8.ฟอร์ดเลิกทำตลาดแบรนด์เมอร์คิวรี่ : ในที่สุดแบรนด์รถยนต์เก่าแก่ที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนแก่อย่างเมอร์คิวรี่ของฟอร์ดก็กลายเป็นอดีตจนได้ เมื่อทาง ฟอร์ด มอเตอร์ส เปิดเผยแล้วว่าจะเก็บแบรนด์รถยนต์นี้เข้าลิ้นชัก ไม่มีการทำตลาดอีกต่อไป เพื่อเปิดทางให้กับลินคอล์น แบรนด์รถยนต์ระดับหรูได้ทำหน้าที่สร้างยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มตัว

สำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้ถือเป็นการยุติบทบาทแบรนด์รถยนต์ที่เก่าแก่อีกรายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ในตลาดมานานถึง 71 ปี โดยที่ผ่านมา เมอร์คิวรี่ถูกรวมกิจการและทำตลาดควบคู่กับลินคอล์นภายใต้ชื่อ Mercury and Lincoln

เมอร์คิวรี่ถูกตั้งขึ้นในปี 1939 โดย เอ็ดเซล ฟอร์ด ลูกชายของ เฮนรี่ ฟอร์ด เพื่อเป็นแบรนด์รถยนต์สำหรับทำตลาดในระดับหรูหรา ซึ่งมีฐานะทางการตลาดแทรกกลางระหว่างฟอร์ดกับลินคอล์น คล้ายกับบูอิกของเครือเจเนอรัล มอเตอร์ส โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของเมอร์คิวรี่ และลินคอล์นในตลาดสหรัฐอเมริกามีตัวเลขรวมกันอยู่แค่ 8,189 คัน จากจำนวนยอดขายรวมของฟอร์ด 178,057 คัน หรือคิดเป็น 11.5% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ในปีที่แล้วทั้งสองแบรนด์มีตัวเลขยอดขายเพียง 175,146 คัน หรือคิดแล้วมีตัวเลขใกล้เคียงกับยอดขายรถยนต์เพียง 1 เดือนของเชฟโรเลต

9.สีเงินครองแชมป์ยอดนิยมสำหรับนักขับทั่วโลก : สีเงินยังได้รับการตอบรับที่ดีจากนักขับทั่วโลก ซึ่งจากการวิจัยล่าสุดพบว่า มีรถยนต์มากถึง 26% ที่ผลิตออกมาในปี 2010 เป็นสีนี้ โดยที่สีดำอยู่ในอันดับ 2 ตามหลังอยู่ 2% และสีขาวอยู่ในอันดับที่ 3

Dupont ทำการวิจัยภายใต้หัวข้อ Global Automotive Color Popularity Report มานาน และในปีนี้เป็นครั้งที่ 58 แล้ว โดยเป็นการสำรวจตัวเลขความนิยมของสีรถยนต์ที่มีอยู่ใน 11 ภูมิภาคที่เป็นตลาดรถยนต์ชั้นนำของโลก ซึ่งในปีนี้แม้ว่าสีเงินจะครองความเป็นผู้นำ สิ่งที่น่าสนใจคือ การขยับตัวอย่างต่อเนื่องของสีดำ จนสามารถลดช่องว่างลงเหลือแค่ 2% และตลาดรถยนต์หลักของโลกอย่างยุโรปก็ให้ความนิยมกับรถยนต์สีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีความนิยมขึ้นมาเป็นอันดับ 1 อย่างในยุโรปสีดำอยู่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 24%

10.ลัมบอร์กินีเลิกผลิต Murcielago : ซูเปอร์คาร์รุ่นใหญ่ของค่ายลัมบอร์กินีถึงจุดสุดท้ายในการทำตลาดแล้ว เมื่อลัมบอร์กินีประกาศยุติการผลิตเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยที่รุ่น LP670-4 Superveloce สีเหลืองสดใสโทน Arancio Atlas เป็นคันท้ายในไลน์ผลิต และเป็นคันที่ 4,099 ที่ถูกผลิตขึ้นมานับตั้งแต่ Murcielago เปิดตัวในปี 2011 โดยมีการส่งมอบให้กับลูกค้าในสวิตเซอร์แลนด์

Murcielago ถูกเปิดครั้งแรกในปี 2001 และถือเป็นสปอร์ตรุ่นแรกที่ถูกส่งทำตลาดภายใต้เจ้าของใหม่อย่างโฟล์คสวาเกน ที่ถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ผ่านทางออดี้ โดย Murcielago ที่เป็นชื่อของวัวกระทิง แต่ก็มีความหมายในภาษาสเปนที่หมายถึงค้างคาว ตัวรถได้รับการออกแบบโดย Luc Donckerwolke และคงเอกลักษณ์ของประตูที่เปิดเฉียงขึ้นด้านบน หรือ Scissor Door ตามแบบฉบับของสปอร์ตคลาสสิกรุ่นพี่อย่างคูนทัช และดิอาโบล เร้าใจด้วยเครื่องยนต์วี12 6200 ซีซี. 572 แรงม้า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us