"มีอุตสาหกรรมไหนบ้างภายใน 10 ปีราคาลดลง 10 เท่า ความสามารถเพิ่มขึ้น
10 เท่า ผมขายพีซี 1 ชุดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ด้วยราคา 250,000 บาท แต่วันนี้ราคาลดลงเหลือ
25,000 บาท แถมความสามารถยังสูงกว่าอีก"
คำกล่าวของ แจ็ค มิน ชุน ฮู ประธานกรรมการบริษัทสหวิริยา โอเอ จำกัด สะท้อนถึงสภาวะของตลาดของธุรกิจคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
แม้ว่ามูลค่าตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมจะเติบโตขึ้น แต่ผลกำไรจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ลดต่ำลงสวนทางกับต้นทุนการดำเนินงานที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
กลายเป็นภาวะบีบรัดที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถทำธุรกิจในแนวเดิมได้อีกต่อไป
สหวิริยาเคยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจค้าผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ในลักษณะซื้อมาขายไปในช่วง
10 ปีที่ผ่านมา แต่ในห้วงปี 2538 สหวิริยาไม่สามารถดำเนินธุรกิจในลักษณะนั้นได้อีกต่อไป
"ในอดีตเราสามารถทำรายได้เติบโตปีละ 200% นั่นเพราะตลาดยังเล็กอยู่
แต่เราจะไม่มีวันมีรายได้เติบโตได้ถึง 100-200% อีกต่อไป หากผมรอกินบุญเก่า
และในที่สุดผมจะตาย"
สหวิริยาได้ลงมือจัดทัพใหม่ ด้วยการแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มตามลักษณะของลูกค้าแทนการแบ่งองค์กรตามประเภทสินค้าเช่นในอดีต
ซึ่งสายธุรกิจใหม่นี้ จะครอบคลุมตั้งแต่ลูกค้าระดับตั้งแต่คอนซูเมอร์ ตลอดจนองค์กรธุรกิจขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่
และลูกค้าต่างประเทศ
กลุ่มธุรกิจแรก คือ ไอที เทอร์มินัล โพรดักส์ จะมุ่งเจาะขยายลูกค้าคอนซูเมอร์โดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ภายใต้ความรับผิดชอบของกลุ่มนี้ จะครอบคลุมตั้งแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
อุปกรณ์ต่อพ่วงทุกชนิด อุปกรณ์สื่อสาร ตลอดจนผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่สหวิริยาและบริษัทในเครือเป็นตัวแทนจำหน่าย
การขยายช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อกระจายสินค้าถึงมือลูกค้าให้เร็วที่สุด
คือสิ่งที่สหวิริยาจะต้องเร่งผลักดันมากที่สุด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการทำตลาดสินค้าประเภทคอนซูเมอร์ที่มีมูลค่าตลาดมหาศาล
แต่กำไรมีเพียงเล็กน้อย
นอกจากร้านโอเอเซ็นเตอร์ และมินิโอเอ ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแขนขาแล้วนั้น
สหวิริยาเตรียมผุดซูเปอร์สโตร์ เพื่อเป็นแขนขาอีกประเภทหนึ่งในการกระจายสินค้า
เป้าหมายของธุรกิจในกลุ่มนี้จึงเป็นการ "รักษาฐานธุรกิจในอดีตให้ดำรงอยู่
ด้วยเป้ายอดรายได้รายได้ 4,000 ล้านบาท
ธุรกิจกลุ่มที่สอง คือ ซิสเต็มส์ อินทิเกรชั่น จะมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีประเภทองค์กรขนาดใหญ่
ยุทธวิธีทางธุรกิจจึงแตกต่างไปจากกลุ่มธุรกิจแรก โดยจะเป็นการเสนอขายระบบงานคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร
ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่การจำหน่ายการออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดจนการฝึกอบรมที่ต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษ
แม้ว่าฐานตลาดของธุรกิจประเภทนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่เท่ากับธุรกิจแรก แต่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตไปได้ด้วยดี
เพราะความต้องการของลูกค้าในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่
อีกทั้งผู้ประกอบการยังสามารถแสวงหารายได้เสริมจากการออกแบบ ติดตั้ง และการฝึกอบรม
ซึ่งจะเป็นส่วนที่สร้างผลกำไรให้กับผู้ค้าได้มากกว่าการขายฮาร์ดแวร์เสียอีก
กลุ่มธุรกิจที่ 3 โทรคมนาคม และพับลิคเซอร์วิส กลุ่มนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองทิศทางการสร้างโครงข่ายทางด่วนข้อมูล
(Information Superhighway)
สหวิริยาขยับสู่ธุรกิจทางด้านโทรคมนาคมนานแล้ว แต่ยังไม่มีบทบาทในด้านบริการเท่าใดนักธุรกิจของสหวิริยาในด้านนี้จึงเป็นเพียงแค่ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารปลายทางเท่านั้น
จนกระทั่ง กสท.เปิดเสรีบริการวีแซท จึงได้กลายเป็นโอกาสทองของสหวิริยา
ซึ่งในครั้งนี้สหวิริยา ซึ่งในครั้งนี้สหวิริยาได้จับมือกับธนาคารกสิกรไทย,
เอเซอร์ และอิโตชู ยื่นขอสัมปทานและมีกำหนดเปิดให้บริการราวเดือนสิงหาคม
2538
สำหรับบริการวิทยุคมนาคม วีเอชเอฟและยูเอชเอฟเป็นบริการสื่อสารชนิดที่
2 ที่ได้รับอนุมัติจาก กสท.แต่เป้าหมายธุรกิจทางด้านนี้ยังไม่ชัดเจนเท่ากับบริการวีแซทเนื่องจากเป็นบริการเฉพาะด้านและลูกค้าจำกัด
บริการวีแซทจึงเป็นบันไดขั้นแรกของสหวิริยาที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคมอย่างจริงจัง
และถือเป็นทางออกให้กับสหวิริยาในการสร้างมูลค่าเพิ่มของบริการ
กลุ่มธุรกิจที่ 4 อินเตอร์เนชั่นแนล และแมนูแฟคเจอริ่ง เป้าหมายธุรกิจในกลุ่มนี้
คือการสร้างอาณาจักรธุรกิจในต่างประเทศ และการมีโรงงานประกอบเครื่องพีซี
ซึ่งสหวิริยาได้ริเริ่มนโยบายนี้มานานแล้ว และปี 2538 จะบุกขยายอย่างจริงจัง
เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา คือ 4 ประเทศแรกที่สหวิริยาจะบุกขยายตลาดในปีนี้
เพื่อทำตลาดผลิตภัณฑ์หลัก 2 ชนิด คือ พรินเตอร์แอปสัน และพีซีเอเซอร์
สหวิริยาไม่ได้หวังเพียงแค่มีบทบาททางการตลาดเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงการตั้งโรงงานประกอบสินค้าแบบเคลื่อนที่
เพื่อกระจายสินค้าไปยังลูกค้าให้เร็วที่สุด
"เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เปลี่ยนเร็วมาก กระบวนการแข่งขันจึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะส่งของให้ลูกค้าได้เร็วกว่ากัน"
ธุรกิจในสายที่ 5 คือ เอ็ดดูเทนเมนต์ หรือสาระบันเทิง ที่เป็นเส้นทางธุรกิจสายใหม่
ที่สหวิริยาเชื่อว่าจะมีบทบาทอย่างมากในอนาคต เพราะจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าประเภทคอนซูเมอร์ได้ง่ายที่สุด
เป้าหมายของสหวิริยาในธุรกิจนี้ คือการผสมผสานความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี
ในรูปแบบของศูนย์บันเทิงครบวงจร ภายใต้ชื่อโครงการซิเนโทโพลิส
ทั้งหมดนี้คือเส้นทางสายใหม่ของสหวิริยาที่แจ็คยืนยันว่าไม่ใช้การ "รีเอ็นจิเนียริ่ง"
แต่เป็นทางเดินก้าวใหม่ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ