Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2544
กลยุทธ์ 5 ปี CRC หวนกลับมาเน้นธุรกิจหลัก             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 


   
www resources

โฮมเพจ เซ็นทรัลกรุ๊ป

   
search resources

เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น, บจก.
Retail




ในที่สุด ผลการสัมมนาของผู้บริหารระดับผู้อำนวยการฝ่ายขึ้นไป ของบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน ปีก่อน (2543) ที่โรงแรมเซ็นทรัล วงศ์อำมาตย์ พัทยา เกี่ยวกับภารกิจ วิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ของ CRC ในระยะเวลา 5-7 ปีข้างหน้า ก็ได้ข้อสรุป และสามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ CRC ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์ตามแผน 5 ปี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำของ CRC ในธุรกิจค้าปลีกว่าประกอบด้วยภารกิจหลัก
5 ประการด้วยกัน คือ

1. เน้นการทำธุรกิจหลัก (Core Business) เกี่ยวกับการค้าปลีก
ในทุกเซ็กเมนต์ที่มีอยู่

2. มีการเปิดร้านค้าในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่สนองไลฟ์สไตล์ของ
ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

3. ลงทุนในการพัฒนาบุคลากรให้แข็งแกร่ง

4. รักษาบาลานซ์ชีตให้ธุรกิจเกิดสภาพคล่อง

5. สร้างกำไรเพื่อให้สามารถจ่ายปันผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น

จากภารกิจทั้ง 5 ประการ ดูเหมือน 2 ประการแรก จะเป็นภารกิจที่ CRC จำเป็นต้องให้น้ำหนักมากที่สุด

การประกาศวิสัยทัศน์ 5 ปี ของ CRC ครั้งนี้ นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญอีกครั้งหลังจากสุทธิชาติได้เข้ามาดูแลกิจการใน CRC ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเซ็นทรัลกรุ๊ป หลังจากมีการแบ่งสายงานในความรับผิดชอบของพี่น้องในตระกูลจิราธิวัฒน์ เมื่อปี 2535

ปี 2536 หลังจากสุทธิชาติเข้ามาดูแลงานใน CRC เพียงประมาณ 1 ปี เขาได้ประกาศ segmentation ของธุรกิจค้าปลีกในเซ็นทรัลกรุ๊ป ซึ่งถือเป็นการประกาศถึงทิศทางที่ชัดเจนของธุรกิจในกลุ่มค้าปลีกที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ห้างเซ็นทรัลได้ก่อกำเนิดขึ้นมาในปี 2511

การประกาศในครั้งนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในยุครุ่งเรือง ยังไม่มีสัญญาณว่าจะประสบกับวิกฤติ การประกาศ segmentation ของเขาประสบผลสำเร็จพอสมควร

ในอีกไม่กี่ปีต่อมา ทิศทางที่เขาเคยประกาศเมื่อปี 2536 เกิดขึ้นเนื่องจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนั้น โดยเฉพาะด้านค้าปลีก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนบทบาทจากที่เคยเป็นกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ต่อต้านการรุกเข้ามาของต่างชาติในอดีต มาเป็นคู่ค้ากับธุรกิจค้าปลีกของต่างชาติที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทยแทน

CRC ช่วงนั้นจำเป็นต้องร่วมทุนกับ Carrfour จากฝรั่งเศส
เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันกับบิ๊กซี ซึ่งเป็นซูเปอร์สโตร์ของ CRC เอง

CRC ต้องดึงกลุ่มรอยัล เอโฮลด์เข้ามาร่วมทุนใน Tops ซูเปอร์ มาร์เก็ต เพื่ออาศัยโนว์ฮาวในการบริหารซูเปอร์มาร์เก็ตรูปแบบใหม่

แต่หลังจากการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 สถานการณ์แวดล้อมของธุรกิจค้าปลีกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ การรุกเข้ามาของยักษ์ใหญ่ด้านค้าปลีกของต่างประเทศ
ซึ่งเป็นผลจากการเปิดเสรีของรัฐบาลที่แล้ว ที่เริ่มขยายตัวอย่างต่อเนื่องและรุนแรง จนทำให้ธุรกิจค้าปลีกของไทย โดยเฉพาะรายย่อยได้รับผลกระทบอย่างหนัก

CRC ก็จำเป็นต้องปรับตัวอีกครั้ง จากการประกาศแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีข้างหน้าครั้งล่าสุดนี้ กิจการที่เคยมีการร่วมทุนกับต่างชาติ และเคยเป็นส่วนหนึ่งในงบบัญชีของ CRC อย่าง Carrfour, Tops, Watson แม้กระทั่ง บิ๊กซี ที่ในช่วงหลังต้องดึงกลุ่มกาสิโนจากฝรั่งเศสเข้ามาถือหุ้นใหญ่ ได้ถูกจัดให้เป็นเพียงกิจการที่ CRC เข้าไปร่วมลงทุนด้วยเท่านั้น ไม่ใช่ธุรกิจที่ดำเนินการโดย CRC เองเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อน

ในแผน 5 ปี ที่ประกาศออกมาครั้งนี้ มีการกำหนดลงไปอย่างชัดเจนว่า ธุรกิจหลักของ CRC หลังจากนี้ไป จะประกอบไปด้วย

1. ห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะมีห้างเซ็นทรัล โรบินสัน และห้างเซนที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เป็นหลัก

2. แคทิกอรี่ คิลเลอร์ ซึ่งประกอบด้วย พาวเวอร์บาย, ซูเปอร์ สปอร์ต, ออฟฟิส ดีโปท์ และมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์

3. ร้านค้ารูปแบบใหม่ ในลักษณะโมเดิร์นเทรด ซึ่งประกอบด้วยร้าน B2S (Book to Stasionary), Just 25, HW (Homeworks) และ Red Dot ตลอดจนธุรกิจ Central Online ซึ่งเป็นการค้าในรูปแบบ อี-คอมเมิร์ซ


"ใน 5 ปีข้างหน้า CRC ได้กำหนดให้ห้างสรรพสินค้าโรบินสันเป็นกิจการดาวรุ่งของกลุ่ม" สุทธิชาติกล่าว โดยให้เหตุผลว่า "เนื่องจากห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เพิ่งผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เมื่อปลายปี 2543 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงที่อยู่ ระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้มีเวลาในการจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ วางรูปแบบธุรกิจ และจับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากนี้ไปจะมีการรีโนเวท ห้างสรรพสินค้าโรบินสันใหม่ทั้งหมด"

ส่วนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จะมีการปรับปรุงสาขายกระดับให้จับกลุ่มเป้าหมายในระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นโมเดลที่สาขาชิดลมทำมาและประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด

เป้าหมายของสาขาที่จะต้องมีการปรับปรุงเป็นลำดับแรก คือสาขาปิ่นเกล้า บางนา และลาดพร้าว

ทั้งโรบินสัน และเซ็นทรัลจะยังไม่มีการขยายสาขาใหม่ในเร็วๆนี้ ยกเว้นที่สาขาพระราม 3

ด้านแคทิกอรี่ คิลเลอร์ ก็จะขยายบทบาทจากที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของห้าง ก็จะเปิดในรูปแบบ stand alone โดยเฉพาะพาวเวอร์บาย และซูเปอร์สปอร์ต

ขณะเดียวกันก็จะเน้นไปที่ร้านค้าในรูปแบบโมเดิร์นเทรด โดยจะขยายสาขาให้มากขึ้น ตามแนวโน้มของการค้าขาย และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

โครงการทั้งหมด คาดว่าในระยะแรกจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท

ปัจจุบัน ธุรกิจค้าปลีกภายใต้การดูแลของ CRC ไม่นับรวม Tops, บิ๊กซี และ Watson มีสาขารวม 114 แห่ง มีพื้นที่ขายรวม 500,000 ล้านตารางเมตร มีพนักงานในเครือ 25,000 คน ทำธุรกิจกับซัปพลาย เออร์ประมาณ 10,000 ราย

สิ้นปี 2543 ธุรกิจทั้งหมดสามารถทำรายได้รวม 30,000 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 72% แบ่งเป็นรายได้จากห้างเซ็นทรัล 14,600 ล้านบาท โรบินสัน 7,500 ล้านบาท พาวเวอร์บาย 5,500 ล้านบาท ซูเปอร์สปอร์ต 1,800 ล้านบาท มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ 500 ล้านบาท และออฟฟิส ดีโปท์ 300 ล้านบาท

ส่วนปีนี้ ได้ตั้งเป้ารายได้จะขยายตัว 10% คิดเป็นรายได้รวม 33,000 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us