|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ความเชื่อที่ว่า “ฝรั่งเท่านั้นที่จะบริหารโรงแรมได้” กำลังจะหมดไปในเมืองไทยแล้ว เพราะวันนี้เจ้าของโรงแรมไทยหลายแห่งหาญกล้าถึงขนาดลงไปรับจ้างบริหารโรงแรมซะเอง บางรายถึงกับไปรับจ้างบริหารโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นฝรั่งด้วยซ้ำ
การเติบโตของเชนโรงแรมไทยในการเข้าไปบริหารโรงแรมโลกเริ่มมีมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเชนใหญ่ๆ อย่าง “เซ็นทารา” “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” “ดุสิตธานี” “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ต่างบุกรับบริหารทั้งตลาดไทยและเทศ แต่ที่เห็นชัดคงหนีไม่พ้นเชน “เซ็นทารา” เพราะเห็นความเคลื่อนไหวได้อย่างเด่นชัด
จากประสบการณ์ 30 ปีในวงการโรงแรมไทยของกลุ่มเซ็นทรัล จนมาถึงวันที่กลุ่มเซ็นทรัลได้รีแบรนด์สายงานในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทรัล มาเป็น “เซ็นทารา” เมื่อหลายปีก่อน พร้อมประกาศลั่นไว้เมื่อปี 2552 ว่าจะปักธงก้าวสู่ความเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจโรงแรมไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า (2553-2558) เฉกเช่นเดียวกับธุรกิจค้าปลีก ที่วันนี้โตเป็นอันดับ 1 ของตลาดจนไม่มีใครสามารถขึ้นมาแทนได้
การจะไปถึงแผนดังกล่าวได้ “เซ็นทารา” จะต้องมีจำนวนห้องพักรวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 10,000 ห้อง จาก 77 โรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ แบ่งเป็น 50% ลงทุนเอง อีก 50% มาจากรับบริหารจัดการ และร่วมลงทุนในต่างประเทศ จากเดิมที่ “เซ็นทารา” มีจำนวนห้องพักประมาณ 5,000 กว่าห้อง จาก 25 เป็นการรับจ้างบริหาร 11 โรงแรมร่วมลงทุน 4 โรงแรม และอีก 10 โรงแรมเป็นการลงทุนของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
หากมองกันให้ดี การจะเพิ่มสัดส่วนการรับจ้างบริหารให้เพิ่มมากขึ้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดังนั้น ก่อนที่จะก้าวสู่อันดับ 1 ให้ได้ “เซ็นทารา” จึงต้องปรับตัวเองอีกครั้งด้วยการจัดตั้งบริษัท เซ็นทารา อินเตอร์เนชั่นแนล แมเนจเม้นต์ จำกัด หรือซีไอเอ็ม เพื่อทำหน้าที่รับบริหารโรงแรมโดยเฉพาะ
โดยซีไอเอ็มจะมี บมจ.เซ็นทรัลพลาซา ถือหุ้น 100% ขณะนี้ก็ได้รับการติดต่อจากโรงแรมต่างๆ ที่อยากจะให้ซีไอเอ็มเข้าไปบริหาร 20-30 แห่ง นอกจากนี้ ซีไอเอ็มยังไม่หยุดยั้งโดยอาจจะมีการแยกธุรกิจสปาออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทลูก เพื่อขยายธุรกิจในส่วนนี้ด้วย
แม้วันนี้ “เซ็นทารา” จะเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในไทยแล้ว แต่สิ่งที่ “เซ็นทารา” ต้องการอีกประการ คือ การเดินไปข้างหน้าสู่ความเป็น International Market หรือไปสู่ตลาดในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ การขยายตัวไปต่างประเทศถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีอย่างหนึ่ง หากประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือการเมืองเหมือนที่แล้วมาก็จะได้รับผลกระทบเรื่องรายได้น้อยลง
นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคงเป็นเพราะ “สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์” ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมมาเกือบ 30 ปีแล้ว เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งก็เกิดความคิดที่อยากจะก้าวกระโดด และวันนี้สุทธิเกียรติเห็นแล้วว่าถึงจุดที่เขาควรจะทำแล้ว
โดยแบรนด์ที่ “เซ็นทารา” จะนำออกต่างประเทศ คือ “เซ็นทาราแกรนด์”, “เซ็นทารา”, “เซ็นทาราบูติกคอลเลกชั่น” ที่ผ่านมา “เซ็นทารา” เข้าไปรับบริหารโรงแรมให้กับมัลดีฟส์ 1 แห่ง อินเดีย 1 แห่ง ฟิลิปปินส์ 2 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง โดยที่มัลดีฟส์เป็นการเข้าไปลงทุนร่วมกันของซีไอเอ็มภายใต้ชื่อ “เซ็นทาราแกรนด์ไอส์แลนด์ รีสอร์ท และสปา มัลดีฟส์” ใช้งบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท สัมปทาน 21 ปี เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ส่วนที่โรงแรมม็อกชา หิมาลายา สปา รีสอร์ท ของประเทศอินเดีย เป็นการเข้าไปรับจ้างบริหารระยะ 10 ปี
นอกจากนี้ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ยังตั้งเป้ามุ่งขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น บาห์เรน ศรีลังกา มาเลเซีย จีน หมู่เกาะซีเชล และสาธารณรัฐมอริเชียส ตะวันออกกลาง ฯลฯ แต่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา
ส่วนในไทยจะเน้นการรับบริหารโรงแรมแบบครอบคลุมตั้งแต่ 5 ดาวไปจนถึง 2 ดาว ภายใต้แบรนด์ “เซ็นทาราแกรนด์” บริหารโรงแรม 5 ดาว “เซ็นทารา” บริหารโรงแรม 4 ดาว “เซ็นทารา บูติกคอลเลกชั่น” เน้นโรงแรมหรูสไตล์บูติก แบรนด์ “บัดเจ็ต” รับบริหารโรงแรม 3-2 ดาว
รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินบัญชีและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนงานรับจ้างบริหารโรงแรมให้ต่างประเทศนั้น ในอดีตบริษัทได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ปัจจุบันหลังจากต่างชาติเห็นฝีมือการบริหารและความเป็นเอกลักษณ์ในการบริหารแบบไทยๆ ซึ่งเข้ากับวัฒนธรรมจึงถูกใจต่างชาติ ทำให้เกิดความนิยมในต่างประเทศและสนใจที่จะให้โรงแรมในไทยเข้าไปบริหารงาน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ดี
“ผมเชื่อว่าประเทศไทยเรามีเอกลักษณ์ทำให้ประเทศอื่นอยากเอาอย่าง และที่ผ่านมาเขาก็เห็นฝีมือของเรามาตลอด และเชื่อมั่นในการบริหารที่มีคุณภาพจึงให้เราเป็นคนดูแลทั้งหมด โดยอาจดึงฝ่ายบริหารเข้าไปทำด้วย เพื่อให้ต่างชาติรู้สึกมั่นใจว่าประเทศไทยบริหารงานได้มาตรฐาน”
อย่างไรก็ตาม การจะขยายโรงแรมไปต่างประเทศได้ “เซ็นทารา” จะต้องมีสำนักงานอยู่ในประเทศนั้นๆ ด้วย ซึ่งปัจจุบัน “เซ็นทารา” มีสำนักงานอยู่แล้ว 10 แห่ง โดยอยู่ในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ดูไบ อินเดีย และกำลังจะเปิดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้คือ รัสเซีย และเยอรมนี เพราะตั้งเป้าไว้แล้วว่าในอนาคตจะเน้นการรับบริหารในต่างประเทศมากขึ้น
แม้การรับจ้างบริหารถือเป็นก้าวใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัล แต่เซ็นทรัลไม่ใช่มือใหม่ที่เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ ที่ผ่านมาเคยเข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา หรือโรงแรมเรือในพม่า แต่ปัจจุบันขายไปแล้ว
ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้วันนี้ “เซ็นทารา” เป็นเชนที่ผู้ว่าจ้างมั่นใจที่จะจ้างให้เข้ามาบริหาร คือ ประสบการณ์ในการคลุกคลีอยู่ในธุรกิจโรงแรม 30 ปี จึงมั่นใจได้ว่าเชน “เซ็นทารา” ไม่แพ้เชนอื่นๆ ในโลกอย่างแน่นอน
|
|
|
|
|