Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์24 ธันวาคม 2553
ฟันธงคอนโดฯปีเถาะ“ร้อนแรง” จัดสรรไม่หวั่นภาวะล้นตลาด             
 


   
search resources

Condominium




แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีความกังวลว่าตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะก้าวเข้าสู่ภาวะโอเวอร์ ซัปพลาย เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ทั้งคอนโดมิเนียมระดับล่าง ระดับกลาง และระดับบน เฉลี่ยที่ตารางเมตรละ 30,000 บาทขึ้นไป จนถึงมากกว่า 120,000 บาท จนทำให้พื้นที่เกือบทุกแห่งในเขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบริเวณแนวรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน บนดิน รวมถึงส่วนต่อขยาย และในย่านชุมชนล้วนมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่จะมียอดขายในเกณฑ์ดี แต่จากการประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้น พบว่า ในอนาคตตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะประสบปัญหาโอเวอร์ ซัปพลายได้ หากยังไม่มีมาตรการออกมาควบคุม แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่ กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2554

เริ่มจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โดยอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ที่ประกาศว่าในปีหน้า แสนสิริจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อย่างน้อย 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 18,000-19,000 ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนโครงการเกรด A และ B รวม7โครงการ ราคาตารางเมตรละ 80,000 บาทขึ้นไป ส่วนอีก 4 โครงการจะเป็นโครงการเกรด C และD ราคาตารางเมตรละ 30,000บาทขึ้นไป ขณะนี้มีที่ดินพร้อมลงทุนแล้ว 5 แปลง ตั้งอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าแนวเดิม ได้แก่ บริเวณพหลโยธิน สุขุมวิท สาทร-ตากสิน และแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่กว่า 10 ไร่ ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อลงทุนโครงการใหม่

“แม้ว่าแบงก์ชาติจะออกมาตรการมาสกัดภาวะฟองสบู่ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการขายคอนโดมิเนียม แต่เชื่อว่า กำลังซื้อยังมีอีกมาก อีกทั้งความเข้มงวดของสถาบันการเงินที่เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการ จะส่งผลให้มีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังมีแนวโน้มที่ดี”อุทัยกล่าว

ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าภาวะตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2554 จะยังเติบโตได้ดีตามอัตราการเติบโตของ GDP ที่คาดว่าจะเติบโตที่ประมาณ 4-5% ในปี 2554 หรือใกล้เคียงกับปี 2553 โดยสัดส่วนการลงทุนของผู้ประกอบการจะเน้นไปในระดับ A-B หรือราคาตารางเมตรละ 80,000 บาทขึ้นไปเป็นหลัก

นอกจากนี้ยังพบว่า ตัวเลขตลาดรวมในปี 2553 สัดส่วนสินค้าระดับราคาตารางเมตรละ 80,000 บาทขึ้นไปมีจำนวน 30% ของสินค้าในตลาดแต่กลับมีมูลค่าสูงถึง 2.2 แสนล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด 3.1 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมเกรด C-D หรือสินค้าราคาตารางเมตรละต่ำกว่า 80,000 บาทลงมา มีสัดส่วนสูงถึง 70% ขณะที่มีมูลค่าเพียง 90,000 ล้านบาท เท่านั้น จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้บริษัทเชื่อว่าตลาดคอนโดฯในระดับราคาตารางเมตร 80,000 บาท ขึ้นไปยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีในปี 2554 เพราะกลุ่มลูกค้าในระดับนี้มีกำลังซื้อสูง และได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบน้อยกว่ากลุ่มอื่น

อุทัย กล่าวว่า นับจากนี้ไปการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมจะกดดันให้ผู้ประกอบการรายเล็กจะหายไปจากตลาดและเหลือแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ที่มีศักยภาพในการลงทุนและการแข่งขัน โดยปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการรายเล็ก คือ การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ข้อกำหนดในการพัฒนาและสัดส่วนในการขายที่ธนาคารกำหนดไว้จึงจะปล่อยสินเชื่อให้ รวมถึงต้นทุนการเงินจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถระดมเงินทุนต้นทุนต่ำจากตลาดทุนอื่นๆได้ อีกทั้งธนาคารยังให้สินเชื่อในอัตราที่ต่ำกว่าลูกค้ารายเล็ก รวมถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าและตัวผู้ประกอบการของผู้บริโภค

สำหรับปัญหาสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต คือ ทำเลในการพัฒนาโครงการที่นับวันหายากขึ้น ที่ดินมีจำนวนและราคาปรับขึ้นสูงมาก จากสถิติในรอบ 25 ปีราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯ ปรับขึ้นถึง 40 เท่า โดยเฉพาะราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเฉลี่ยปรับขึ้นถึง 200% ในช่วงปี 52-53 เพียงปีเดียวปรับขึ้นเฉลี่ย 25% ขณะที่ในเขตชาญเมืองปรับขึ้นเพียง 3-4% เท่านั้น

ส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมของกลุ่มแสนสิริ ในปี 2553คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 14,000-15,000 ล้านบาท หรือประมาณ 4,000-5,000 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่จำนวน 10,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2554 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เท่ากับปีนี้

ขณะที่บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 2 คอนโดมิเนียมหรู 2 สไตล์ ใจกลางกรุง ได้แก่ โครงการเดอะ เครสท์ พหลโยธิน 11คอนโดมิเนียมสไตล์ Tuscany สูง 30 ชั้น 163 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท และโครงการเซ็นทริค รัชดา-สุทธิสาร คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์นสมาร์ท สูง 26 ชั้น 270 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท

ส่วนอนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีเคเคแกรนด์ เอสเตท จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรกคือThe Coast Bangkok สูง 39 ชั้น จำนวน2 อาคารบริเวณแยกบางนา ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีบางนา มีผลตอบรับดีมากบริษัทตัดสินใจลงทุนโครงการที่ 2 ต่อเนื่องแบรนด์ใหม่ คือบีคอนโด ทำเลถนนบางนาตราด ก.ม. 5 (ซอยศรหิรัญ) บนที่ดิน 3 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิเนยียม โลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร404 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 450 ล้านบาท

สำหรับพื้นที่ขาย แบ่งเป็น ร้านค้า พื้นที่ใช้สอย 30-40 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.22 ล้านบาท ห้องชุด 2 แบบ คือสตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 29-34 ตารางเมตร ราคาตารางเมตรละ 32,000 บาท หรือ 1 ล้านต้น ๆ ต่อยูนิต และ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 41-42 ตารางเมตร ราคาตารางเมตร42,000 บาท ราคา 1.69 ล้านบาทขึ้นไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us