กูรูวงการตลาดหุ้นเชียร์ลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อในปี54 คาดผลตอบแทนดีแม้จะผันผวนกว่า ขณะที่ราคาทองก็น่าจะมีโอกาสเกินบาทละ 2 หมื่นได้

มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และ ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี กล่าวในงานสัมมนา "ลงทุนอะไรทำกำไรสดใสในปีเถาะ"โดยมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ในปี2554 นักลงทุนยังมีโอกาสทำกำไรจากการในสินทรัพย์เสี่ยงประเภทหุ้นและทองคำได้ต่อเนื่องจากปีนี้ แต่ความร้อนแรงอาจจะไม่เท่ากับช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะพื้นฐานโดยรวมยังไม่ดีนักทั้งเศรษฐกิจสหรัฐยังชะลอตัวส่วนหลายประเทศในสหภาพยุโรปก็มีหนี้สาธารณะสูง

สำหรับกลยุทธ์ในปีหน้า มองว่ายังสามารถลงทุนในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี โรงกลั่น รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างเพราะทางภาครัฐจะมีการลงทุนก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงคือหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออก เพราะจะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เช่น หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้นักลงทุนที่มีเงินฝากและเงินที่ลงทุนในพันธบัตรระยะยาวน่าจะโยกสินทรัพย์ดังกล่าวไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

ไม่แนะนำให้ถือเงินสดเยอะๆ เนื่องจากการลงทุนในหุ้นและทองคำสามารถทำกำไรรวมทั้งแปลงเป็นเงินสดได้เร็วและง่ายกว่า

ด้าน กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการเอ็มทีเอสโกลด์แม่ทองสุก กล่าวว่าในปี 2554 ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสสูงกว่า 2 หมื่นบาทได้ และคาดว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ 2.1-2.2 หมื่นบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 8% จากราคาปัจจุบันที่ประมาณ 1.97 หมื่นบาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท

ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลก แกว่งตัวสูงในช่วง 1,500-1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แม้ว่าในช่วงสั้นๆนี้ ราคาอาจจะอ่อนตัวลงมาบ้าง หลังได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยา หลังจากที่มูดี้ส์ขู่ว่าอาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน แต่จังหวะดังกล่าวน่าจะเป็นโอกาสในการช้อนซื้อมากกว่า