การสร้างผู้นำสายพันธุ์ใหม่ในองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง การค้นหาแรงบันดาลใจจากต่อมสุขใจของผู้นำรุ่นใหม่เพื่อสร้างพลังในการขับเคลื่อนองค์กรที่มีทั้งความสำเร็จและความสุข เป็นองค์ประกอบที่เป็นเสมือนหัวใจหลักเพื่อยืนอยู่บนคลื่นของการเปลี่ยนแปลงด้วยรอยยิ้มจากใจ

ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาของ CEO หลายท่านที่ต้องการสร้างทายาทของผู้นำหรือที่หลายองค์กรเรียกกันว่า Talent pool of leader สิ่งที่สำคัญก็คือการยกระดับความแตกต่างระหว่างผู้จัดการที่ดีให้กลายเป็นผู้นำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งอัจฉริยภาพ การสะกิดและเจียระไนแรงบันดาลใจที่อยู่ภายในให้กลายเป็นพิมพ์เขียวของเป้าหมายแห่งอนาคตขององค์กรเป็นทักษะที่สามารถสร้างขึ้นได้ในการสร้างผู้นำสายพันธุ์ใหม่

แรงบันดาลใจของผู้นำมีองค์ประกอบทั้งจากภายนอก (Extrinsic motivation) ซึ่งสามารถสร้างแรงกระตุ้นได้จากผลงานและผลรางวัลที่สะกิดให้เกิดแรงขับเคลื่อนให้ผู้จัดการที่ดีเดินทางไปในทิศทางที่องค์กรต้องการ แต่การยกระดับจากผู้จัดการเป็นผู้นำจำเป็นที่จะต้องสะกิดแรงขับจากภายใน (Innate drive motivation) ซึ่งถ้าเราสามารถดึงพลังแห่งอัจฉริยภาพจากต่อมสุขใจได้แล้วจะกลายเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำรุ่นใหม่ในองค์กร

บันได 3 ขั้นในการเจียระไนแรงบันดาลใจ

1.ค้นหาต่อมสุขใจซึ่งเป็นขุมพลังแห่งอัจฉริยภาพ

การสร้างรากฐานในการสะกิดแรงบันดาลใจจำเป็นที่ต้องค้นหาจุดกำเนิดของพลังบวกให้เจอว่าต่อมสุขใจที่สร้างพลังบวกนั้นอยู่ที่ใด ตลอดจนต่อมเครียดที่เป็นจุดในการกระจายความเครียดที่ต้องพึงระวังว่าอยู่ที่ใด หลายองค์กรชั้นนำจำใช้แบบสอบถามความถนัดเชิงอัจฉริยภาพ หรือที่เราเรียกว่า Multi-Dimension Intelligence Profile เป็นเครื่องมือช่วงในการค้นพบต่อมสุขใจและต่อมเครียดของผู้นำและทีมงาน

บางคนมีต่อมสุขใจในการให้บริการ มีต่อมเครียดในเรื่องตัวเลข ถ้าเขารู้จักและเข้าใจตัวเองได้อย่างชัดเจนจะสามารถวางจุดยืนในชีวิตบนขุมพลังที่ถูกต้อง แต่ถ้าเขาไม่รู้จักตัวเองและวางหน้าที่หลักอยู่บนการบริหารตัวเลขซึ่งเป็นต่อมเครียดพลังชีวิตและความกระตือรือล้นจะมอดไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเขาวางหน้าที่การงานบนขุมพลังของงานบริการและพัฒนาทักษะที่จะสร้างการบริการให้เป็นเลิศ ยิ่งทำก็จะยิ่งปลดปล่อยพลังบวกออกอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง

2.วัดและชื่มระดับพลังบวก

เมื่อเรารู้จักวางจุดยืนที่เป็นขุมพลังบวกของตัวเอง การสังเกตและชื่นชมสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นจะเป็นเสมือนกระบวนการขยายใหญ่ในสิ่งที่เป็นพลังบวก ในขณะเดียวกันพึงระวังการขยายใหญ่ใน
พลังลบที่เกิดขึ้นจากต่อมเครียดถ้าเราเฝ้ามองมันทุกวัน

ผู้นำหลายท่านทำการบริหารและวัดระดับอารมณ์ทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็นก่อนกลับบ้าน เขามักจะถามตัวเองทุกวันว่าได้สร้างพลังบวกก่อนกลับบ้านหรือยัง เพราะถ้ามีพลังบวกเหลือเฟือเขาก็จะนำพลังดีๆกลับไปฝากคนที่เขารักที่บ้านทุกวัน

หลายคนพูดกับผู้เขียนว่ามันไม่แฟร์เลยที่ตนเองนำความเครียดและพลังลบไปฝากคนที่เขารัก การหมั่นนำเอาพลังดีๆจากการทำงานไปฝากคนที่รักเป็นการทำการฝากบัญชีทางใจให้กับคนที่
สำคัญในชีวิต ถ้าเราหมั่นทำทุกวันพลังดีๆจากที่บ้านก็จะสะท้อนกลับเป็นพลังดีๆที่ทำงานเช่นกัน

3.วางพิมพ์เขียวที่สร้างรอยยิ้มและความสำเร็จ

ถ้าเราเฝ้ามองและจับอารมณ์ตัวเองจนรู้จักและชื่นชมพลังบวกที่เกิดขึ้นจากต่อมสุขใจจนแน่ใจ เชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถและความเก่งที่สร้างผลงานดีๆออกมา จะเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เราทำสิ่งดีๆที่เป็นพลังบวกแค่วันเสาร์และอาทิตย์ที่เรามีเวลาว่างเท่านั้น

ผู้นำที่มีทั้งความสำเร็จและความสุขจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเอาขุมพลังดีๆของต่อมสุขใจมาสร้างเป็นพิมพ์เขียวของเป้าหมายสู่ความสำเร็จในการทำงาน การสร้างเป้าหมายบนต่อมสุขใจจะเป็นตัวช่วยสร้างรอยยิ้มและความสุขในการเดินทางสู่ความสำเร็จ แต่ถ้าเราไม่รู้จักต่อมพลังตัวเอง และที่ร้ายไปกว่านั้นถ้าเราเอาเป้าหมายไปอยู่บนต่อมเครียดยิ่งจะทำให้การเดินทางของเราเต็มไปด้วความเครียดและ Toxic ทางอารมณ์ ยิ่งเดินทางไปมากเท่าไหร่ความเครียดก็ยิ่งฟุ้งกระจายไปมากเท่านั้น

บันไดทั้งสามขั้นนี้เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เราสามารถจะพัฒนาสร้างความคมชัดในเป้าหมาย การผสมผสานต่อมสุขใจ การบริหารและเฝ้ามองอารมณ์ตลอดจนการเพิ่มพลังบวกในชีวิตซึ่งเป็นสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวข้ามอุปสรรคด้วยรอยยิ้มไปสู่ความสำเร็จอย่างมีความสุข