ซีพี จับมือรัฐบาลจีน รุกธุรกิจเมืองเกษตรแผนใหม่ในจีน นำร่องมณฑล จี๋ หลิน ใช้งบกว่า 3 หมื่นล้านบาท และปลูกผักปลอดภัยอีกกว่า 8,000 ไร่ โดยคาดว่าจะเป็นธุรกิจหลักในอนาคต เพราะเป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่มาก เน้นการใช้ประสบการและเทคโนโลยีการเกษตรของซีพีเข้าไปเพิ่มผลผลิต และรับผิดชอบด้านการตลาด ในขณะที่รัฐบาลจีนเป็นผู้รวบรวมที่ดินแปลงใหญ่ให้ และใช้แรงงานเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมผุดโครงการอสังหาฯใหญ่กลางเมืองลั่วหยาง คาดจะสร้างกำไรกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ในปี 2554 เครือเจริญโภคภัณฑ์จะขยายการลงทุนในธุรกิจการเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะขยายไปลงทุนในเมืองอุตสาหกรรมเกษตรแผนใหม่เพื่อเป็นวัตถุดิบต่อยอดในอุตสาหกรรมอาหารให้ครบวงจร โดยการเข้าไปร่วมมือกับรัฐบาลจีนพัฒนาระบบการเกษตรให้กับเกษตรกรจีนที่ยากจนเนื่องจากมีพื้นที่ทำกินน้อย ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงได้รวบรวมชาวนาให้เป็นกลุ่มใหญ่แล้วให้อาศัยอยู่รวมกันในตึกที่รัฐบาลสร้างไว้ให้ ทำให้ได้พื้นที่การเกษตรเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ สามารถนำเทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่เข้าไปบริหารจัดการให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดย ซีพี จะเข้าไปช่วยเหลือในด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีเครื่องจักกลการเกษตรต่างๆ รวมไปถึงการเข้าไปทำตลาดขายสินค้าให้ผ่านช่องทางค้าปลีกของซีพีที่มีอยู่อย่างครบวงจร
ทั้งนี้แนวทางธุรกิจดังกล่าวจะเป็นแนวทางที่สำคัญในอนาคตของซีพีในจีน เนื่องจากเป็นการประสานความร่วมมือที่ลงตัวโดยรัฐบาลจีนเป็นผู้จัดเตรียมที่ดิน และแรงงานรวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบต่างๆให้เอื้อกับภาคเอกชนที่จะเข้าไปลงทุน ขณะที่ซีพีช่วยในเรื่องของเทคโนโลยี การประกันราคา และการตลาด ทำให้ลดต้นทุนการผลิตไม่ต้องซื้อที่ดินลงทุนสร้างอาคาร และจ้างแรงงาน สุดท้ายได้กำไรทั้งชาวนาและบริษัทเอง โดยชาวนาจะเป็นผู้รับความเสี่ยงในเรื่องของการผลิต ส่วนซีพีจะรับความเสี่ยงในเรื่องของตลาด ซึ่งเป็นการสร้างมิติใหม่ในการทำธุรกิจบริการที่มาจากฐานความรู้ด้านการเกษตรที่มีมาอย่างยาวนาน
ส่วนสาเหตุที่เกษตรกรจีนยากจนั้นไม่ได้ต่างจากเกษตรกรไทยเพราะมีที่ดินแปลงเล็กรายละ 1-2 ไร่ ทำให้ได้ผลผลิตไม่เพียงพอ และมีวิธีการเพาะปลูกแบบเก่าที่ใช้แรงงานคนเป็นหลัก แต่เนื่องจากจีนปกครองโดยระบอบคอมมิว นิสต์รัฐบาลจึงสามารถเรียกคืนพื้นที่นำมารวมกันเป็นผืนใหญ่เพื่อทำเกษตรแผนใหม่ได้ง่าย ซึ่งสามารถ เพิ่มผลผลิตมากกว่าเก่าหลายเท่า เช่น ในอดีตคน 1 คนเลี้ยงไก่ได้ 100 ตัว ปัจจุบันคน 1 คนดูแลไก่ได้หลายแสนตัว หรือการใช้เครื่องจักรดำนาแทนแรงงานคนก็จะลดต้นทุนและประหยัดเวลาได้มาก
นำร่อง 3.9 หมื่นล.เลี้ยงปศุสัตว์
สำหรับโครงการนำร่องจะเข้าไปร่วมลงทุนที่มณฑล จี๋ หลินซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เป็นมณฑลเกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่มีพืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยมีสินค้าเกษตรและเนื้อสัตว์มากเป็นอันดับ 1 ของจีน ทั้งนี้โครงหารหมู่บ้านเกษตรกรรมแผนใหม่มีมูลค่าการลงทุน 7,900 ล้านหยวน หรือ 39,500 ล้านบาท เป็นโครงการที่ซี.พี.ดำเนินการร่วมกับภาครัฐของจีน ภาคเกษตรกร และธนาคาร ซึ่งในโครงการนี้จะมีการเลี้ยงไก่ไข่ 3 ล้านตัว/ปี สุกร 1 ล้านตัว/ปี และไก่เนื้อ 100 ล้านตัว/ปี นอกจากนี้จะเข้าไปลงทุนร่วมกับเมืองจีนเจียง เพื่อดำเนินการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่เลี้ยงสุกร 1 ล้านตัว เลี้ยงไก่ 1 พันล้านตัว
เล็งขยายโครงการทั่วประเทศจีน
ในส่วนของพืชนั้น ซีพีจะรุกเข้าสู่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผักปลอดภัยในประเทศจีนบนพื้นที่ 8,000 ไร่ ที่เมืองฉือซี ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเทคโนโลยีและการจัดการทันสมัยที่สุดในโลกรองรับตลาดบริโภคผักปลอดภัย ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบนกว่า 100 ล้านคน รอบนครเซี่ยงไฮ้และในอนาคตจะขยายไปให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีนตามความเหมาะสมของพื้นที่ว่าเหมาะกับการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ชนิดใด
นอกจากนี้จะขยายไปยังธุรกิจบริการด้านอื่นๆอีก เช่น การสร้างร้านค้าในชนบทให้กับกลุ่มสหกรณ์ชาวนา การลงทุนในธุรกิจโลจิสติกกระจายสินค้าทั้งในเรื่องของโกดังเก็บสินค้า ห้องเย็น และรถบรรทุก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจทั้งหมดตั้งแต่การผลิตในผืนนาไปจนถึงผู้บริโภคครบวงจร คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาทภายใน 10 ปี ซึ่งธุรกิจบริการเหล่านี้จะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของซีพีในจีนในอนาคต
ทุ่ม 1.5 หมื่นล.ผุดโครงการอสังหาฯ
ด้าน ธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม(จีน) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปี 2554 จะเติบโตประมาณ 8.5% เนื่องจากรัฐบาลจีนเร่งพัฒนาระบบขนส่งทั่วประเทศทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ลดลง ซึ่งในปีหน้า ซีพี มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนกับรัฐบาลเมืองลั่วหยาง พัฒนาโครงการซุปเปอร์คอมเพล็กซ์บนเนื้อที่ 115 ไร่ โดยจะปลูกสร้างอาคารสูง 60 ชั้น 2 อาคาร และอาคารสูง 40 ชั้นอีก 2 อาคาร จะประกอบด้วยคอนโดมิเนียมพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์ราชการ ศูนย์การค้าซุปเปอร์แบรนด์มอลมีที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 6,000 คัน ซึ่งจะสร้างเสร็จทั้งโครงการภายใน 6 ปี ใช้เงินลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะคืนทุนภายใน 3 ปี สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯประมาณ 2 พันล้านหยวนหรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับธุรกิจค้าปลีก ซีพี มีแผนที่จะพัฒนาโครงการศูนย์การค้าซุปเปอร์แบรนด์มอลล์จากที่มีอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ไปยังเมืองใหญ่ของจีนอีกหลายแห่ง เช่นที่ลั่วหยางอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอีก 2 แห่งในเมืองใหญ่ของจีน หลังจากได้รับการเชิญชวนจากหลายมณฑลในจีนให้ไปลงทุน เช่น หางโจวเซิ่นหยาง ซานตง เซี่ยงไฮ้เขตตะวันตก เป็นต้น และคาดว่าในปีหน้าจะนำบริษัทเซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการซุปเปอร์แบรนด์มอลล์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในเซี่ยงไฮ้
ส่วนธุรกิจยานยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต้าหยางและต้ายุ่นนั้นในปี 2553 มียอดการผลิตทั้งหมด 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% อยู่ในอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดรถจักรยานยนต์ในจีน ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายเครื่องจักรกลและเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของ Caterpillar ใน 9 มณฑลยังขยายตัวได้ดี เพราะธุรกิจเหมืองแร่และการลงทุนด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30%
เปิดธนาคารเอสเอ็มอีกลางเซี่ยงไฮ้
ด้านธุรกิจการเงินและการธนาคาร ล่าสุดได้รับการอนุมัติจากธนาคารชาติจีนให้ดำเนินธุรกิจธนาคารภายใต้ชื่อ Zhengxin Bank ที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเป็นธนาคารสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในจีน ปัจจุบัน บริษัทมีธุรกิจในจีน 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ อสังหาริมทรัพย์ และค้าปลีก โดยธุรกิจเลี้ยงสัตว์ยังเป็นตัวทำรายได้หลัก ส่วนธุรกิจค้าปลีกทำรายได้เป็นอันดับ 3 แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งคาดว่าสิ้นปีมีรายได้ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 180,000 ล้านบาท เติบ โตจากปีก่อน 10-15%
ภาพ: www.cpfworldwide.com
|