สายการบินดรากอน แอร์ พบ "สนธยา" เจรจาความร่วมมือด้านท่องเที่ยว หลังเปิดเสรีการบินพร้อมขยายเส้นทางมาไทยเพิ่มในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก
สนธยาระบุไทยได้รับผลดี ชี้ฮ่องกงประตูขนชาวจีนเที่ยวไทย ย้ำ ตลาดหลักอยู่ในเอเชีย
60% ปีหน้าหวังบูมตลาดสำคัญ ทั้ง ญี่ปุ่น จีน อินเดีย มั่นใจสิ้นปีนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ
10 ล้านคนแน่
นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า วานนี้
(15 ต.ค.) นาย สแตนลี่ ฮุย ประธานสายการบินดรากอน แอร์ ได้เข้าพบเพื่อหารือเรื่อง
การขยายเส้นทางบินมาประเทศไทย หลังนโยบายเปิดเสรีการบินของไทยเริ่มใช้ในเร็วๆนี้
ปัจจุบันดรากอน แอร์ จะบินจากฮ่องกงมาลงที่ภูเก็ตสัปดาห์ละ 4 เที่ยว แต่หลังใช้นโยบายเปิดเสรี
การบินในประเทศไทยแล้ว ดรากอน แอร์ จะมีเที่ยวบินมาไทยทุกวัน
ทางกระทรวงฯได้เสนอให้ดรากอน แอร์ บินมาลงในจังหวัดหลักๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนจีนและฮ่องกง
คือ กรุงเทพฯ อู่ตะเภา ภูเก็ต และเชียงใหม่ หลังจาก นั้นจะบินเป็นเครือข่าย เช่น
ฮ่องกง-กรุงเทพฯ-ภูเก็ต, ฮ่องกง-กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีนและฮ่องกง
ที่จะบินมาไทยในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ
สำหรับดรากอน แอร์ เป็นสายการบินที่มีฐานการบินอยู่ในฮ่องกง และลูกค้าหลักจะมีทั้งคนฮ่องกง
และคนจีน เนื่องจากประเทศจีนได้อนุญาตให้ประชากรจีนใน 3 เมืองหลัก คือ เซี่ยงไฮ้
ปักกิ่ง และกวางตุง เดินทางออกนอกประเทศได้โดยไม่จำกัดโควตา โดยประชากรส่วนใหญ่จาก
3 เมืองหลักนี้นิยมเดินทางมาฮ่องกง และฮ่องกงถือเป็นช่องทางหลักที่ส่งนักท่องเที่ยวจีนและฮ่องกงมาประเทศ
ไทย
ดังนั้น การขยายเส้นทางบินของ ดรากอน แอร์ มาประเทศไทยในครั้งนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน
ในปีนี้คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยว จีนจะเข้ามาไทยจำนวน 5.6 แสนคน ลดลง 26.62%
จากผลกระทบโรคทาง เดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ส่วนชาวฮ่องกงเข้ามาจำนวน 4.5
แสน คน ลดลง 14.47% ส่วนปีหน้าหลังจากปัญหาเรื่องจำนวนที่นั่งไม่พอจะลดลง จากการเพิ่มเส้นทางบินของดรากอน
แอร์ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยว จากทั้ง 2 ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีโอกาสขยายตัวได้มาก
จากจำนวนประชากรที่มีกำลังซื้อ ขยายตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2547 ตลาด จีนจะมีจำนวน
8 แสนคน เพิ่มขึ้น 42.86% ส่วนตลาดฮ่องกงนักท่องเที่ยว เดินทางมาไทยอย่างต่อเนื่องทุกปีอยู่แล้ว
ดังนั้น คงขยายตัวไม่มากนัก ปีหน้าคาดว่าจะมีจำนวน 5.2 แสนคน เพิ่มขึ้น 15.56%
นายสนธยา กล่าวต่อว่านโยบาย การขยายตลาดท่องเที่ยวของไทยปีหน้า ยังคงให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก
เพราะเป็นสัดส่วน60% ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทาง มาไทย ซึ่งหลายประเทศมีศักยภาพการขยายตัวสูง
จากการที่รัฐบาลไทยเข้าไปลงนามความร่วมมือด้านต่างๆ กับรัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคนี้
ล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลอินเดีย รวมถึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวด้วย
โดยปีหน้ากระทรวงฯ จะผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือมีจำนวน
5 แสนคน จาก 2.5 แสนคนที่คาดว่าจะได้ในสิ้นปีนี้
ตลาดในกลุ่มประเทศเอเชีย ที่เป็นเป้าหมายการขยายตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
ในปีหน้าจะให้ความ สำคัญกับตลาดญี่ปุ่น ที่มีนักท่องเที่ยว เดินทางมาไทยเป็นอันดับหนึ่ง
(จากด่านดอนเมือง) โดยปีนี้น่าจะมีจำนวน 1.15 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 5.83% จากผลกระทบโรคซาร์ส
ส่วนปีหน้าตลาดญี่ปุ่นน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 12.95% หรือมีจำนวน 1.3 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้ ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเอเชียทุกประเทศได้รับผลกระทบจากโรคซาร์ส
ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ปรับประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสิ้นปีนี้เหลือ
9.7 ล้านคน แต่สถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสามารถฟื้นตัวจากโรคซาร์สได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทำให้ถึง สิ้นปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาไทยจะมีจำนวนทะลุ 10 ล้านคนแน่นอน
โดยได้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตในปีหน้าไว้ 10-15% หรือมีจำนวน 11.45 ล้านคน
ทั้งนี้ กลยุทธ์การทำตลาดท่องเที่ยวในต่างประเทศปีหน้า ได้มอบหมายให้สำนักงาน
ททท. ทุกแห่งในต่างประเทศให้ความสำคัญกับการเข้าไปร่วมมือกับสื่อท้องถิ่นมากขึ้น
เพื่อประโยชน์ในแง่ของการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงประชากรในประเทศนั้นๆ ได้ดีกว่า
สื่อต่างประเทศที่มีราคาแพง และประชากรท้องถิ่นอาจไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่ใช้สื่อสาร
เช่น ในประเทศจีน ได้ลงโฆษณาในช่อง ซีซีทีวี ช่องทีวีท้องถิ่นแทนที่จะลงโฆษณาในช่อง
ซีเอ็นเอ็น