ไตรมาส 4 หนังเทศช่วยชีวิต ส่งภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังไปได้ดี ส่วนปีหน้าปีทองทั้งไทยและเทศ โตรวมไม่ต่ำกว่า 30% “เมเจอร์” มั่นใจทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนปีหน้าวางไว้ที่ 10-15% ทุ่มอีก 1,000 ล้านบาท ขยายโรงภาพยนตร์ต่อเนื่อง เอสเอฟตอกย้ำ ไตรมาส 4 อุตฯหนัง น้ำตาร่วง
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปีนี้ ค่อนข้างดี ในส่วนของเมเจอร์เองนั้น 3 ไตรมาสที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่ 12% ขณะที่เพิ่งเข้าสู่ไตรมาสสี่ในเดือนต.ค.-พ.ย. นั้น ค่อนข้างทรงๆ เนื่องจากภาพยนตร์ที่เข้าช่วงนั้น ไม่ค่อยทำเงินนักโดยเฉพาะภาพยนตร์ไทยมีรายได้ไม่เป็นไปตามเป้า เช่น เรื่องกระดิ๊บ
พอเข้าสู่เดือน ธ.ค.พบว่า ภาพยนตร์หลายๆเรื่อง โดยเฉพาะ ภาพยนตร์จากต่างประเทศ ทำรายได้ค่อนข้างดี เช่น แฮร์รีพอตเตอร์ ทำได้ 150 ล้านบาท นาเนียร์ ทำได้ 70 ล้านบาท และอีก 10 วันที่เหลือนี้ก็ยังมีภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศอีกหลายเรื่องที่จะเข้าฉาย จึงเชื่อว่า ในภาพรวมแล้วจะส่งผลให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ปีนี้ยังไปได้ดีอยู่ ในส่วนของเมเจอร์เองนั้น
มั่นใจว่าทั้งปียังจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เป็นไปตามแผนที่วางไว้
สำหรับปีหน้า มองว่า เป็นปีทองที่ดีมากๆ ทั้งของภาพยนตร์ไทยและเทศ อย่างเช่น ในปี 2550 โดยในส่วนของภาพยนตร์ต่างประเทศนั้น มีรายชื่อภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ทั้ง ทไวไลท์ ภาคจบ, ไพเรท ออฟ ดิ คาริบเบียน 4, ทรานฟอร์มเมอร์, แฮรี่ พ๊อตเตอร์ คาดว่าในส่วนของภาพยนตร์ต่างประเทศจะเติบโตขึ้นกว่า 30% ขณะที่ในส่วนของภาพยนตร์ไทยนั้น คาดว่าจะมีเข้าฉายไม่ต่ำกว่า 50-60เรื่องใกล้เคียงกับในปีนี้ แต่มองว่าจะมีหนังทำเงินอได้กว่า 100 ล้านบาทยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะ ภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค3 และ4 คาดว่าจะช่วยขยับสัดส่วนจาก 45% เป็นมากกว่า 50% ของภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์มูลค่า 4,000 บาทได้แน่
สำหรับเมเจอร์ ปีหน้าเตรียมทุ่มงบลงทุนอีกราว 900-1,000 บาท แบ่งออกเป็นลงทุนในต่างประเทศ (อินเดีย) 300-360 ล้านบาท ในการขยายโรงภาพยนตร์เพิ่ม 40-50 โรง และอีก 900 ล้านบาท ในการลงทุนในไทย ซึ่งมีทั้งการปรับปรุงโรงเดิมที่มีกว่า 370 โรง เป็นโรงดิจิตอลแล้ว 36 โรง ปีหน้าจะปรับให้เป็นโรงดิจิตอลอีก 30-40 โรง รวมแล้วจะได้เห็นโรงดิจิตอลในปีหน้าไม่ต่ำกว่า 70-80 โรงพร้อมขยายโรงภาพยนตร์ใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ขณะที่ภาพรวมของรายได้นั้น ในปี 2554 มองการเติบโตไว้ที่10-15% เนื่องจากฐานที่ใหญ่ขึ้น
ล่าสุด ได้ร่วมกับทางบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโรงภาพยนตร์หรูทันสมัยระดับโลก 2โรง ที่ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย ภายใต้ชื่อ CAT internet ultima Screens สัญญา 1 ปี งบ 15 ล้านบาท
** เอสเอฟตอกย้ำ ไตรมาสสี่อุตฯหนังน้ำตาร่วง **
ด้าน นายสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวว่า สำหรับไตรมาสสุดท้ายนี้ ยอมรับว่าภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ค่อนข้างต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีภาพยนตร์หลายเรื่องไม่ทำเงิน ส่งผลให้ภาพรวมอุตสหกรรมภาพยนตร์ทั้งปีนี้น่าจะเติบโตใกล้เคียงที่ 10% หรือต่ำกว่าเล็กน้อย
ทั้งนี้ มองว่า ปีหน้าถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย เนื่องจากมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายทั้งจากฮอลลีวู้ดและภาพยนตร์ไทยเอง คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 20% หรือมีมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท
สำหรับโรงภาพยนตร์เอส เอฟ ปีนี้ยอดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 15% หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 1,300-1,400 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง 30% จากมูลค่าธุรกิจโรงภาพยนตร์โดยรวม ทั้งนี้การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นมาจากการจัดกิจกรรมการตลาด โปรโมชั่นต่างๆ กับพันธมิตรทางธุรกิจตลอดปี ขณะที่ในปี 2554 บริษัทฯจะขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีก 2-3 สาขา อาทิ สาขาศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จำนวน 8 โรง
|